
กรมอนามัย เผย คนไทยกินผักน้อย โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่ม (กรมอนามัย)
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงคนไทย กินผักผลไม้น้อย ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเพิ่มขึ้น เร่งกระตุ้นคนไทยกินผักผลไม้ให้เพียงพอ ครบ 5 สี พร้อมย้ำล้างผักและผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2557 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง สาเหตุหนึ่งเกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่ได้สัดส่วน พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้จากรายงานการสำรวจการบริโภคอาหารของประชาชนไทย ในปี 2551-2552 พบว่า สถานการณ์การบริโภคผักและผลไม้คนไทยอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง โดยรับประทานผักและผลไม้เพียงพอไม่ถึงครึ่ง หรือเพียงร้อยละ 17.7 ลดลงจากร้อยละ 21.9 ในปี 2546-2547 และภาคกลางบริโภคผักน้อยที่สุดร้อยละ 14.45
โดยโรคเรื้อรังที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม 4 โรคสำคัญในรอบ 5 ปี (2549-2553) พบว่ามีผู้ป่วยกว่า 3 ล้านราย ซึ่งทุกโรคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อันดับหนึ่งคือความดันโลหิตสูง พบผู้ป่วย 1.7 ล้านราย อันดับสอง เบาหวาน พบ 8.8 แสนราย อันดับสาม โรคหัวใจขาดเลือด พบ 1.7 ล้านราย และอันดับสี่ โรคหลอดเลือดสมอง พบ 1.4 แสนราย
ดร.นพ.พรเทพ กล่าวต่อไปว่า ใน 1 วัน ควรกินผักให้ได้มื้อละอย่างน้อย 2 ทัพพี ควบคู่กับผลไม้ทุกมื้อเป็นประจำ โดยผักควรกินให้ครบ 5 สี ได้แก่





"ก่อนกินผักและผลไม้ทุกครั้ง ควรล้างด้วยน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง เพื่อลดสารพิษและย่าฆ่าแมลงที่ตกค้าง จากนั้นแช่ผักผลไม้ในน้ำผสมเกลือ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยตวงต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15-30 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว หากมีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไปล้างน้ำหลาย ๆ ครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที" อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
