อยากดูดีจากภายในสู่ภายนอก ห้ามขาดวิตามินอี

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คุณประโยชน์มากมายของวิตามินอีที่ไม่ควรพลาด ถ้าอยากมีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก

          เชื่อว่าทุกคนก็คงจะเคยได้ยินประโยชน์ของวิตามินอี แร่ธาตุสำคัญที่ดีต่อร่างกาย ซึ่งเจ้าวิตามินชนิดนี้ได้ชื่อว่ามีประโยชน์ในการบำรุงผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์ และดูแลให้เส้นผมเงางามอยู่เสมอ แต่ใช่ว่ามันจะมีประโยชน์เพียงแค่นั้นนะคะ เพราะวิตามินอีนั้นยังมีคุณประโยชน์อนันต์กับร่างกายของเราอีกด้วย อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าเจ้าวิตามินอีนี้มีประโยชน์อย่างไรกับร่างกายบ้าง งั้นเราลองไปดูกันว่าประโยชน์ของวิตามินอีที่เว็บไซต์ Reader\'s Digest นำมาฝากกันนั้นมีอะไรบ้าง

          วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมที่ช่วยป้องกันการเกิดการออกซิเดชันของสารในกลุ่มไขมัน และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของวิตามินเอ แถมยังมีหน้าที่สำคัญคล้ายยาขยายหลอดลมและเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด โดยอาหารที่มีวิตามินอีที่เราพบเห็นได้บ่อยก็ได้แก่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีท ซีเรียลโฮลเกรน แป้งทำขนมปังแบบเสริมวิตามิน ถั่วเหลือง น้ำมันพืช น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพดถั่ว เมล็ดทานตะวัน ถั่วเปลือกแข็งชนิดต่าง ๆ กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว ผักใบเขียว ผักโขม อะโวคาโด และปวยเล้ง เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมแล้วยังมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้

สร้างเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง

          วิตามินอีมีคุณสมบัติในการสร้างเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง โดยเฉพาะให้เพศหญิง มีการศึกษาหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดซึ่งทำการศึกษากับผู้หญิงที่มีสุขภาพดีกว่า 40,000 คน พบว่าวิตามินอีช่วยให้อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงถึง 24% เมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้ยาแป้ง หรือยาหลอก และอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจจะลดลงถึง 49% ในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไป และยังพบอีกว่า 26 % ของหญิงวัย 65 ปีขึ้นไปยังมีอัตราการลดลงของการหัวใจวายอีกด้วย
 
          นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน ในวารสารทางการแพทย์อย่าง the New England Journal of Medicine พบว่าจากการวิเคราะห์การรับประทานอาหารของผู้หญิงกว่า 90,000 คน ผู้ที่รับประทานวิตามินอีในปริมาณสูงจะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจลดลง 30-40% แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายการวิจัยกลับแสดงให้เห็นว่าวิตามินอีไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อสุขภาพหัวใจทั้งชายและหญิง
 
          เอาเป็นว่าไม่ว่าจะมีข้อสรุปอย่างไรแต่ดูเหมือนวิตามินอีจะมีประโยชน์ที่ชัดเจนมากกกว่าเนอะ ฉะนั้นรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีกันดีกว่าเพื่อหัวใจที่แข็งแรงไงล่ะ


ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

          วิตามินอีมีฤทธิ์ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าวิตามินอีมีประสิทธิภาพในการป้องกันมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้สมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินอีติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 10 ปี จะมีความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะลดลงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริมวิตามินอี และยังช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากในคนที่สูบบุหรี่จัด โดยมีการศึกษาของผู้ชายกว่า 30,000 คนพบว่าผู้ที่เคยหรือยังคงสูบบุหรี่จัดที่รับประทานวิตามินอีควบคู่ไปด้วยมีอัตราความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าผู้ที่รับประทานยาแป้งหรือยาหลอก ถึง 71% และการศึกษาในฟินแลนด์ก็พบการรับประทานอาหารเสริมวิตามินอียังช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ที่สูบบุหรี่อย่างหนักจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากถึง 41 % แต่ยังไม่มีการศึกษาใดพบว่าวิตามินอีนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้และโรคมะเร็งเต้านมได้ค่ะ

บำรุงและดูแลดวงตา

          วิตามินอีสามารถช่วยดูแลรักษาดวงตาจากการเสื่อมสภาพได้ เพราะมีการศึกษาหนึ่งพบว่า การรับประทานวิตามินอี 400 ยูนิต จะช่วยชะลอการคุกคามของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึง 25% ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งการศึกษาซึ่งจัดทำโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัฟส์ ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า วิตามินอีช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุ 52-74 ปี ได้อีกด้วยค่ะ

ช่วยบำรุงสมอง

          วิตามินอีนอกจากจะบำรุงให้เส้นผมเงางามแล้วยังช่วบบำรุงให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมีการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Neurology พบว่า ผู้ที่มีอายุ 65-102 ปี ที่รับประทานวิตามินอีนั้นมีภาวะการถดถอยของสมองลดลง ถึง 36% หลังจากผ่านไปแล้ว 3 ปีเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่รับประทานวิตามินอีในปริมาณที่น้อย นอกจากนี้ยังมีการวิจัยกับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียพบว่า ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่รับประทานวิตามินอี 2,000 ยูนิตต่อวันเป็นเวลา 2 ปี มีอัตราการคุกคามของโรคช้าลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาหลอกหรือยาแป้ง

          เห็นไหมคะว่าวิตามินอีมีประโยชน์มากมายขนาดไหน เพราะฉะนั้นก็อย่าพยายามให้ร่างกายขาดวิตามินอีนะ และถ้าเกิดไม่แน่ใจว่าควรจะรับประทานวิตามินอีอย่างไรก็ลองไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนจะนำรับประทานอาหารวิตามินอี จะได้มั่นใจได้ไงล่ะว่าจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง