x close

4 โรคที่คนเมืองเป็นมากที่สุด

4 โรคร้าย



ไมเกรน กระเพาะ กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน 4 โรคที่คนเมืองเป็นมากที่สุด (สุขภาพดี)

 ไมเกรน

          คุณกำลังปวดศีรษะครึ่งซีกบริเวณขมับหรือท้ายทอย ปวดตุ๊บๆ ในสมอง อาเจียน มองเห็นแสงเป็นเส้นๆ ระยิบระยับแสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวบ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ร่างกายกำลังส่งสัญญาณโรคไมเกรนบอกคุณแล้วล่ะ

 ทำไมถึงเป็นไมเกรน

          เป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตที่ขาดไม่ได้สำหรับคนเมือง ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากสมองที่มีความไวในการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ที่อยู่นอกร่างกายหรือในร่างกาย ทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบ เมื่อมีตัวกระตุ้นมาทำให้หลอดเลือดขยายจึงปวดศีรษะ

 เช็คอาการปวดหัวแบบไหนที่เป็นไมเกรน

           ปวดศีรษะครึ่งซีกบริเวณขมับหรือท้ายทอยอาจจะปวดข้างเดียว หรือสองข้างพร้อมกัน หรือเป็นสลับข้างก็ได้

           ปวดตุ๊บๆ ในสมองเป็นเวลานานครั้งละ 20 นาทีขึ้นไป

           ปวดศีรษะรุนแรง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยเป็นก่อน หลัง หรือขณะปวดศีรษะ

           ก่อนปวดศีรษะประมาณ 10-20 นาที จะมีอาการทางสายตานำมาก่อน เช่น เห็นแสงเป็นเส้นๆระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยว


 ปัจจัยชักนำการเกิดไมเกรน

          สำหรับคนเมืองสิ่งแวดล้อมรอบตัวล้วนเป็นปัจจัยชักนำในการเกิดโรคทั้งนั้น โดยเฉพาะพฤติกรรมการกินอยู่ เช่น ทำงานหนัก นอนดึก ตื่นเช้า ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมทั้งความเครียดที่สะสมจากการทำงาน ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้วิตกกังวล นอกจากนี้ยังมีอาหารบางชนิดด้วย เช่น ชา กาแฟ นม เนย ผงชูรส

          ฉะนั้นหากหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้โดยอาจจะหาเวลานั่งพักหลับตาช่วงระหว่างวัน จะช่วยบรรเทาอาการได้เยอะ หรือหากิจกรรมที่ทำเพื่อผ่อนคลาย ทำแล้วมีความสุขก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ดีเลย


 โรคกระเพาะ

          ถ้าคุณกำลังปวดศีรษะด้านหน้า จุกเสียดแน่นท้อง มีลมตีขึ้นตลอดเวลากินอาหาร กลืนข้าวไม่ลง ถ่ายและอาเจียนเป็นเลือดสีดำ นี่เป็นสัญญาณอันตรายที่ร่างกายกำลังบอกว่าคุณกำลังเป็นโรคกระเพาะ โรคที่ไม่ร้ายแรง แต่เรื้อรัง

 เช็คอาการปวดท้องแบบไหน ใช่โรคกระเพาะ

           แผลที่เกิดขึ้นในลำไส้เล็กส่วนต้น จะมีอาการปวดท้องบริเวณท้องด้านขวาส่วนบนเวลาหิว ทำให้หิวบ่อย

           แผลเกิดที่ในกระเพาะอาหาร จะมีอาการปวดท้องเวลาอิ่ม จะรู้สึกแสบๆ เจ็บๆ บริเวณยอดอก และลิ้นปี่ เนื่องจากกระเพาะอาหารอยู่ใกล้บริเวณนั้น ส่วนในรายที่เป็นมากๆ จะไม่สามารถแยกได้ว่าปวดตรงส่วนไหน อาการจะเริ่มที่แสบท้อง ปวดท้องหิวก็ปวด อิ่มก็ปวด จนถึงรายที่เป็นร้ายแรง อาจปวดท้องอย่างหนัก มีอาเจียนและถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย

 3 ตัวการเกิดโรคกระเพาะ

          จากความเชื่อเดิมที่เคยรู้กันว่าโรคกระเพาะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเฮลิแบคเตอร์ไพโลไร แต่ปัจจุบันได้มีผลการวิจัยของแพทย์ในประเทศไทยหลายครั้งจากการตรวจคนไทยส่วนใหญ่จะไม่พบเชื้อตัวนี้ แต่จะมีปัจจัยการเกิดโรคกระเพาะ 3 ตัวแปรคือ ร่างกาย จิตใจ และสังคม 

           ด้านร่างกาย เกิดจากสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะหากแข็งแรงกระเพาะอาหารก็จะแข็งแรงไปด้วย ดังนั้นการป้องกันการจู่โจมของกรดน้ำย่อยในกระเพาะและเชื้อแบคทีเรียก็จะมีประสิทธิภาพไม่สามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะได้

           ด้านจิตใจ ความเครียด ความโกรธ ความกังวล มีผลต่อการกระตุ้นให้กระเพาะของเราสร้างกรดเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ เมื่อกรดมีมากจนผนังเยื่อบุและเยื่อเมือกป้องกันไม่ไหว กระเพาะจึงอักเสบและเป็นแผล

           ด้านสังคม สังคมเร่งด่วน คนวัยทำงานไม่มีเวลากินอาหาร กินอาหารไม่ตรงเวลา ในขณะที่ร่างกายมีระบบ Biological Clock หรือ นาฬิกาชีวภาพที่อยู่ภายในร่างกาย เมื่อถึงเวลาน้ำย่อยทำงาน แต่อาหารไม่ตกถึงท้อง น้ำย่อยก็โจมตีเยื่อบุกระเพาะแทน นอกจากนี้อาหารบางอย่างยังเป็นตัวกระตุ้นทำลายกระเพาะ เช่น ชา กาแฟ บุหรี่ น้ำอัดลม


 ทำอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ

          โรคกระเพาะเป็นโรคที่สามารถรักษาหายได้ แต่ต้องอาศัยการรักษากับแพทย์ควบคู่กับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย เรียกว่าถ้าอยากหายก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพราะถ้ารักษาหายแล้วแต่ยังปฏิบัติตัวแบบเดิมๆ ยังกินอาหารไม่ตรงเวลา ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ยังคงวิ่งเข้าหาสิ่งที่จะทำร้ายกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะก็กลับมาถามหาคุณอีก จึงเป็นที่มาของความคิดที่ว่าเป็นโรคเรื้อรัง เมื่อเป็นแล้วไม่หายเสียที

 กรดไหลย้อน

          อีกหนึ่งโรคที่มักแวะมาทักทายหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องทำงานหนัก นอนดึก เครียด ใช้ชีวิตประจำวันไม่ถูกต้อง ยิ่งการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ย่อยช้าจะทำให้เกิดแก๊สและความดันในกระเพาะสูงขึ้น โอกาสเกิดเป็นกรดไหลย้อนก็จะยิ่งสูง

 เช็คอาการสัญญาณบอกโรค

           อาการจำเพาะ คือ อาการที่เกี่ยวข้องกับการไหลย้อนของกรดโดยตรง เช่น เจ็บหน้าอก แสบร้อนหน้าอก แน่นหน้าอก หรือรู้สึกมีอาการแน่นบริเวณกลางหน้าอก โดยมีอาการบ่อยและเป็นมานานแล้ว

           อาการไม่จำเพาะ คือ อาการที่ไม่ได้เกิดจากตัวโรคโดยตรง แต่เกิดจากสภาวะที่เกี่ยวเนื่องกันที่อาจส่งผลไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ เช่น เสียงแหบเรื้อรัง ไอเรื้อรัง และอาจจะมีโรคหอบหืดร่วมด้วย

 กรดไหลย้อนแตกต่างกับโรคกระเพาะอย่างไร

          สำหรับใครที่ยังมีความเข้าใจผิดคิดว่า โรคกรดไหลย้อนคล้ายกับโรคกระเพาะหรือเปล่านั้น บอกได้เลยว่าอาการไม่เหมือนกันเลย ซึ่งอาการเด่นชัดของโรคกรดไหลย้อนจะชัดเจนอยู่แล้ว โดยให้สังเกตจากอาการหากเป็นโรคกระเพาะจะจุกและเจ็บบริเวณลิ้นปี่ หรือบริเวณท้อง แต่ถ้าเป็นโรคกรดไหลย้อน จะเจ็บบริเวณหน้าอก หรือตรงกลางหน้าอก

 อย่ากลัว และพร้อมรับมือ

          ใครที่กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่หรือมีแนวโน้มจะเป็นควรดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ คือ สำหรับคนอ้วนที่มีน้ำหนักมากควรลดน้ำหนัก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เวลากินไม่ควรกินอาหารให้อิ่มจนเกินไป และก่อนนอน 2-3 ชั่วโมงไม่ควรกินอาหาร เพื่อให้ระบบการย่อยทำงานไม่หนักจนเกินไป ลดอาหารที่มีไขมันสูง งดการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ควรนอนดึก 

          สำหรับคนที่มีอาการมาก ควรนอนให้หัวสูงกว่าลำตัวจะสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวันให้กินอยู่อย่างถูกหลัก พักผ่อนให้เพียงพอไม่เครียด อาการนั้นก็อาจหายไปเองได้โดยแทบไม่ต้องกินยาเลย

 โรคลำไส้แปรปรวน

          ทำไมช่วงนี้รู้สึกปั่นป่วนในท้องจัง เหมือนมีลมอยู่ในท้อง ต้องเรอหรือผายลมบ่อยๆ แถมยังมีอาการท้องเสียสลับท้องผูก เป็นๆ หายๆ จนสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่

          หากคุณมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุเบื้องต้นของโรคลำไส้แปรปรวน แต่บางครั้งก็มีอาการคล้ายคลึงกับอาการท้องเสีย แล้วจะแยกแยะอย่างไรต้องสังเกตตามอาการเตือนจากร่างกายด้วยตัวเอง

 เช็คอาการสัญญาณบอกโรค

           มีอาการปวดท้อง โดยอาจจะปวดบริเวณกลางท้องหรือปวดบริเวณท้องน้อย แต่โดยทั่วไปจะปวดท้องน้อยด้านซ้าย ลักษณะอาการปวดมักจะปวดแบบเกร็ง

           มีอาการแน่นท้อง ท้องอืด

           มีอาการท้องโตขึ้น เหมือนมีลมอยู่ในท้อง อาจมีอาการเรอหรือผายลมบ่อย

           มีอาการถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรืออาจมีท้องผูกสลับท้องเสีย บางรายอาจมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด การขับถ่ายอุจจาระจะมีลักษณะเหลวหรือเป็นมูกร่วมด้วย แต่จะไม่มีเลือด อาการมักจะเป็นๆ หายๆ มากน้อยสลับกันและมีอาการเกิน 3 เดือน

 ลำไส้แปรปรวนเกิดจากอะไรได้บ้าง

           1.เกิดจากการบีบตัวของลำไส้ผิดปกติ เป็นผลมาจากการหลั่งสารหรือฮอร์โมนที่ผิดปกติบางอย่างในผนังลำไส้ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสียขึ้น

           2.เกิดจากระบบประสาทที่ผนังลำไส้ไวต่อสิ่งเร้า หรือตัวกระตุ้นมากผิดปกติ ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ ได้แก่ อาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้แก่ ความเครียด ความวิตกกังวล

           3.เกิดจากความผิดปกติในการควบคุมการทำงานของลำไส้ โดยปกติแล้วประสาทรับความรู้สึกที่ผนังลำไส้ ระบบกล้ามเนื้อของลำไส้และสมอง จะทำงานสอดคล้องกัน แต่หากสารที่ควบคุมการทำงานของลำไส้เกิดความผิดปกติก็จะส่งผลให้การทำงานของลำไส้เกิดการแปรปรวนได้

 ยึดหลัก 3 อ เพื่อรับมือโรคลำไส้แปรปรวน

           อ1 อาหาร ไม่ควรกินอาหารที่มีรสเผ็ด รสเปรี้ยว รวมทั้งเครื่องดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์

           อ2 อารมณ์ คือ ความเครียด ความวิตกกังวล เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดลำไส้แปรปรวน

           อ3 ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที จะช่วยให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลาย และสุขภาพแข็งแรง

          ร่างกายคุณได้แอบส่งสัญญาณเตือนมาบอกว่าคุณกำลังเข้าข่าย 1 ใน 4 โรคนี้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบดูแลสุขภาพตามที่เราบอก โอกาสการเกิดจะได้ลดน้อยลง เพราะหากใส่ใจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็สามารถสุขภาพดีได้ แม้ไลฟ์สไตล์จะแบบไหนก็ตามค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
4 โรคที่คนเมืองเป็นมากที่สุด อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2564 เวลา 15:54:01 276,104 อ่าน
TOP