น้ำยาบ้วนปาก ตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้หลังแปรงฟัน

น้ำยาบ้วนปาก ตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้หลังแปรงฟัน

น้ำยาบ้วนปาก ตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้หลังแปรงฟัน

          เชื่อไหมว่าแค่การแปรงฟันอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ช่องปากสะอาดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะผิวฟันมีพื้นที่เพียง 25% ของพื้นที่ผิวทั้งหมดในช่องปากเท่านั้นเอง แต่พื้นที่ส่วนที่เหลืออีก 75% ทั้งเหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก กลับเป็นจุดที่แบคทีเรียมากมายยังคงหลบซ่อนอยู่ และสามารถก่อตัวเป็นไบโอฟิล์มได้ทันทีหลังแปรงฟันเสร็จ ทำให้เกิดปัญหากลิ่นปาก ฟันผุ เหงือกอักเสบ รวมทั้งโรคปริทันต์ที่รุนแรงตามมา

          แบบนี้แล้วการทำความสะอาดเพียงแค่ฟันอย่างเดียวคงไม่มีเพียงพอที่จะปราบปัญหาช่องปาก เราจึงจำเป็นต้องใช้ตัวช่วยอย่างเช่น "น้ำยาบ้วนปาก" หลังแปรงฟันทุกครั้ง เพื่อให้ช่วยซอกซอนเข้าไปกำจัดแบคทีเรียในบริเวณที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง แล้วเราจะมั่นใจได้จริง ๆ ว่าช่องปากของเรา สะอาด มั่นใจได้แบบ 100%

          แต่สำหรับใครที่ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องน้ำยาบ้วนปาก เรามีคำตอบของทุกเรื่องมาอธิบายให้ฟังกัน เพื่อจะได้เห็นประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากได้ชัดขึ้น

เราใช้น้ำยาบ้วนปากไปทำไม?

          อย่างที่บอกไปแล้วว่า น้ำยาบ้วนปากจะช่วยกำจัดแบคทีเรียในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง ซึ่งผลที่ได้จากการกำจัดแบคทีเรียนี้เองจะทำให้สุขภาพช่องปากของเราดีขึ้น นั่นเพราะคราบแบคทีเรีย ที่สะสมเป็นไบโอฟิลม์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด ฟันผุ เหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ รวมถึงปัญหากลิ่นปาก ที่ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ และยังมีผลเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพอีกด้วย

          อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำยาบ้วนปากเป็นเพียงวิธีเสริมในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเท่านั้น ไม่ใช่วิธีทดแทนการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน ดังนั้นเราจำเป็นต้องแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน แล้วใช้น้ำยาบ้วนปากเมื่อแปรงฟันเสร็จเพื่อการดูแลสุขภาพช่องปากแบบครบสูตร

น้ำยาบ้วนปากมีกี่ชนิด? พลิกฉลากก่อนเลือกซื้อ

          น้ำยาบ้วนปากที่วางขายตามท้องตลาดมีหลายชนิด ทั้งชนิดที่มี กลิ่นหอม รสชาติหวาน ใช้สำหรับกลบกลิ่นปากเฉย ๆ หรือ บางชนิดก้มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้ง ลดการสะสมของคราบหินปูน ช่วยให้ฟันดูขาวอย่างเป็นธรรมชาติ ดูแลสุขภาพเหงือก บางชนิดก็มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และบางชนิดก็มีคุณสมบัติรวมกันหลาย ๆ อย่างดังที่กล่าวมา

          ทีนี้เราควรจะเลือกซื้อแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมกับเรา รวมทั้งใช้ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากได้ตรงจุด เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราต้องการคุณสมบัติข้อไหน ตอบได้แล้วก็มาดูกันที่ส่วนประกอบหลักที่เป็นสารออกฤทธิ์ประเภทที่พบได้บ่อย ได้แก่

1. คลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine)

          เป็นสารออกฤทธิ์ชนิดที่มีประจุ จึงมีข้อควรระวังในการใช้ คือ ควรใช้หลังการแปรงฟันอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และไม่ควรรับประทานอาหารหรือน้ำทันทีหลังบ้วนปาก เพราะอาจทำให้เกิดการติดสีบนผิวฟันจากอาหารบางชนิดได้ อย่างไรก็น้ำยาบ้วนปากที่มีสารออกฤทธิ์ประเภทนี้ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือทันตแพทย์ และ ไม่ควรใช้เป็นประจำทุกวัน หรือใช้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ได้ เพราะอาจเกิดคราบสีที่ฟัน ซึ่งไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการแปรงฟัน

2. น้ำมันสกัดธรรมชาติ (Essential Oils)

          เป็นน้ำยาบ้วนปากชนิดที่ใช้น้ำมันสกัดธรรมชาติเป็นสารออกฤทธิ์ ไม่มีประจุและมีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงสามารถจัดการแบคทีเรียในชั้นไบโอฟิล์มได้ลึกกว่า สามารถใช้ได้ทันทีหลังแปรงฟัน และไม่ก่อให้เกิดคราบสีที่ฟันเมื่อใช้ต่อเนื่อง มีรสชาติเฉพาะตัวเมื่อใช้ และให้ความรู้สึกเย็นซ่า ที่เกิดจาก Essential oils ไปกระตุ้นประสาทรับความรู้สึกร้อนเย็นในช่องปากให้ตอบสนองความรู้สึกมากกว่าปกติชั่วคราว ทำให้เกิดความรู้สึกผสมผสานระหว่างความรู้สึกเย็น (เหมือนการอมน้ำแข็ง) และความรู้สึกร้อน (เหมือนการทานพริก) ซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เมื่อบ้วนออกแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็จะหายไป ไม่ใช่เกิดจากการระคายเคืองเนื้อเยื่อในช่องปาก มีงานวิจัยถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้

3. เซทิลไพริดิเนียม คลอไรด์ (Cetylpyridinium Chloride หรือ CPC)

          น้ำยาบ้วนปากชนิด CPC มีสารออกฤทธิ์แบบมีประจุ จึงมีข้อพึงระวังในการใช้ คือ ควรใช้หลังการแปรงฟันอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และไม่ควรรับประทานอาหารหรือน้ำทันทีหลังบ้วนปาก เพราะอาจทำให้เกิดการการติดสีบนผิวฟันจากอาหารบางชนิดได้ นอกจากนี้ สารในกลุ่มนี้ยังมีการวิจัยทางคลินิกถึงประสิทธิผลในการลดคราบไบโอฟิล์มและเหงือกอักเสบไม่มากนัก

เวลาใช้น้ำยาบ้วนปากต้องผสมน้ำไหม?

          หากต้องการประสิทธิภาพเต็มที่ แนะนำให้บ้วนแบบไม่ผสมน้ำ เพราะการผสมน้ำอาจลดประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ สำหรับผู้เริ่มต้นใช้อาจอมน้ำยาเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาการอมในครั้งต่อ ๆไปจนครบ 30 วินาที

ใช้น้ำยาบ้วนปากได้ทุกวันหรือไม่ มีผลข้างเคียงไหมนะ?

          สามารถใช้น้ำยาบ้วนปากทุกวันอย่างต่อเนื่องได้ โดยในการเลือกซื้อควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับความไว้วางใจจากทันตแพทย์ ยิ่งถ้ามีงานวิจัยทางวิชาการที่พิสูจน์ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยที่เป็นที่ยอมรับ เราจะมั่นใจได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้กับเด็กที่ยังควบคุมการกลืนไม่ได้ (อายุต่ำกว่า 6 ขวบ) ส่วนในเด็กประถม ควรมีคนคอยดูเวลาใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดที่ผสมฟลูออไรด์ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

          เห็นประโยชน์ของการใช้น้ำยาบ้วนปากแล้ว ทีนี้เราก็รู้แล้วนะคะว่า น้ำยาบ้วนปากมีประสิทธิภาพมากขนาดไหน เราก็ควรใช้น้ำยาบ้วนปากทุกครั้งหลังการแปรงฟันค่ะ เพื่อสุขภาพช่องปาก และสุขภาพตัวคุณเองค่ะ













เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำยาบ้วนปาก ตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้หลังแปรงฟัน อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2561 เวลา 15:04:12 8,205 อ่าน
TOP
x close