แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

           รองเท้าส้นสูงที่เสริมให้ผู้หญิงดูสวยสง่ายามเยื้องกราย หารู้ไม่ว่านี่คือภัยอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตัวคุณอย่างช้า ๆ

           ผู้หญิงหลายคนถือว่า "รองเท้าส้นสูง" เป็นเนื้อคู่ที่แยกจากกันไม่ได้เลยก็มีนะคะ ถ้าไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูงเนี่ย ความมั่นอกมั่นใจไม่รู้หายไปไหนหมด เลยต้องยอมเดินเขย่งแบบนี้ทุกวัน แรก ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอนาน ๆ เข้า โรคภัยจากการเกร็งตัวให้ยืนได้บนส้นเล็ก ๆ แหลม ๆ ก็เริ่มเข้ามาทักทายด้วยความเจ็บปวด แถมคิดเอาเองอีกแหนะว่าคงไม่เป็นอะไรหรอก (มั้ง) กว่าจะยอมไปพบแพทย์ก็ต้องปวดจนทนไม่ไหวนั่นแหละค่ะ

           วันนี้กระปุกดอทคอมมีประสบการณ์ตรงของ คุณ sweetheart0022 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สาวออฟฟิศคนหนึ่งที่วันนี้ได้รับผลกระทบจากการใส่รองเท้าส้นสูง และไม่ใช่แค่ปวดขา ปวดหลังอย่างที่ดูไม่น่าจะมีอันตรายอะไรนัก แต่อาการของเธอเป็นมากจนถึงขนาดเป็น "โรคเท้าแบน" แค่เดินเหยียบพื้นแต่ละก้าวก็เจ็บปวดรวดร้าวแล้ว ฝากไว้เตือนคุณสาว ๆ ที่ชอบสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำให้หันกลับมาดูแลเท้าของตัวเองให้มากขึ้นนะคะ



แบ่งปันประสบการณ์ ....เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี โดย คุณ sweetheart0022 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           "สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ พี่น้องชาวพันทิป

           วันนี้จะขอมาแชร์เรื่องราวที่ถือว่าส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตชะนีไทยอย่าเราอย่างแท้จริง และก็เปลี่ยนชีวิต (บนส้นสูง) ของเราไปเลยให้อ่านกันค่ะ ถือว่าเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวเพื่อเตือนภัยสาว ๆ ค่ะ

           เราเรียนจบมาสักพักแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้ก็ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่บริษัทนึงย่านอโศก แล้วก็เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่รักการแต่งตัวนะคะ ยิ่งแถวที่ทำงานมีที่ให้ละลายทรัพย์เต็มไปหมด แต่จะให้เราปล่อยโทรมเป็นคุณป้าก็ดูจะไม่ใช่ อีกอย่างด้วยงานที่ทำ ก็ต้องแต่งตัวดีหน่อยค่ะ เลยทำให้เรามีพร็อพจัดเต็มมากกกก

          ที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าส้นสูงที่เราชอบซื้อมาก ๆ เฉพาะรองเท้าที่เป็นส้นสูง ตอนนั้นเรามีอยู่ประมาณ 30 กว่าคู่ แทบไม่มีที่เก็บค่ะ แต่มันหยุดซื้อไม่ได้จริง ๆ แบบว่าในชีวิตนี้เราขาดรองเท้าส้นสูงไม่ได้ ต้องใส่ตลอดอ่ะค่ะ ถ้าไม่ได้ใส่จะไม่มั่นใจเลย คงเป็นเพราะเราเป็นชะนีไทยไซส์กะทัดรัดด้วยมั้งคะ เลยติดส้นสูงเป็นพิเศษ

           และแล้วมันก็มาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตเรา....ปัญหามันเริ่มจากการที่ต้องใส่ส้นสูงมาทำงานเกือบทุกวัน จนเมื่อปีที่ก่อน เราเริ่มพบความผิดปกติของเท้าตัวเองค่ะ คือกลับจากเลิกงานมาตอนเย็นมันเมื่อยขาและปวดระบมเท้าไปหมด ตอนนั้นคิดว่าคงเดินทั้งวันเท้าเลยระบมเลยแช่เท้าด้วยน้ำอุ่นรักษาอาการ แล้วก็นวด ๆ พอตื่นมาอาการปวดมันก็หายไปนะคะ เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่ ๆ

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          Ps. ใครอยากสบายเท้าระหว่างแช่น้ำอุ่น ให้ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วฝานมะนาวใส่ลงไปด้วย ช่วยดับกลิ่นเท้าได้นะจ๊ะ

          พอนานวันเข้ามันเริ่มปวดถี่ขึ้น อย่างพอยืนเดินสักพักต้องนั่งพัก เพราะปวดมากค่ะ เดินไม่ไหว เพื่อนที่ออฟฟิศก็แซวนะคะว่า "ยังไม่ทันแก่เลย บ่นปวดเมื่อยไปได้" กว่าจะกลับถึงบ้านแต่ละครั้ง แทบจะคลานกลับค่ะ บางครั้งปวดหนักมากก็ต้องกินยาคลายกล้ามเนื้อให้หาย

          ช่วงนั้นมีรองเท้าลำลองแบรนด์นึงที่คนชอบหิ้วมาจากอเมริกา หลาย ๆ คนคงชอบใส่กัน ก็คือแบรนด์ Flip flop ค่ะ ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกนะคะ รองเท้าหน้าตาประหลาด ๆ ดอกไม้ใหญ่กว่าของลู่ลู่ ลาล่า โปงลางสะออนอีกค่ะ 555 แต่พอเพื่อน ๆ นางชอบใส่กันค่ะ แล้วเชียร์ออกนอกหน้ายังกะมีหุ้นส่วนในบริษัทว่าดีนะแก

          ไปอ่านรีวิว แหม เค้าบรรยายสรรพคุณไว้อย่างเลิศเลอว่าช่วยลดการปวดขา ปวดหลัง ยืนเดินได้ทั้งวัน ใส่แล้วขากระชับ ส้นเท้าหายแตก บลา ๆ พอเงินเดือนออกเราก็วิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งไปสอยมาใส่อย่างไวเลยค่ะ ใส่สลับกับรองเท้าส้นสูงบ้าง คือแบบรองเท้ามันนิ่มและใส่สบายมากค่ะ เราปลื้มมาก

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          แต่ความสบายใจอยู่กับเราไม่นานค่ะ เพราะพอสักระยะหนึ่งอาการปวดเท้ามันเริ่มกลับมาอีก แต่ไม่ได้มาอย่างเดียวค่ะ ปวดหลังตามมาด้วยค่ะ คราวนี้หนักเลย เข้าใจเลยค่ะที่พวกป้า ๆ ยาย ๆ ชอบบ่นปวดหลังกันอาการมันเป็นยังไง คือช่วงแรก ๆ ก็พอทนได้นะคะ ทน ๆ ไป

          สักพักพอจะก้มหลังทีก็เริ่มปวดหลังมากขึ้น ยิ่งก่อนหน้านี้เราชอบเข้าไปวิ่งในฟิตเนสด้วย ก็กลายเป็นว่าวิ่งไม่ได้เลยค่ะ น่ากลัวมากตอนที่เท้ากระแทกพื้น รู้สึกร้าวไปทั้งตัวเลยค่ะ อาการแย่มากจนสุดท้าย เราตัดสินใจไปพบคุณหมอ

          พอไปตรวจคุณหมอก็ซักประวัติละเอียดยิบ ถามไปถึงชีวิตประจำวัน ถามทุกอย่างเลยค่ะ ดีนะคะไม่ถามชื่อพ่อชื่อแม่ นี่ถ้าคุณหมอหนุ่มกว่านี้สักหน่อย คงจะขอนัดคุณหมอไปกินข้าวกัน 2 คน แล้วเล่าประวัติตั้งแต่อนุบาลให้ฟังแน่ ๆ ค่ะ 5555

          สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าเรา เป็นโรคเท้าแบนค่ะ ตายแล้วตอนได้ยินชื่อครั้งแรกมันคือโรคอะไรคะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน เท้าแบนไม่รู้จักค่ะ แต่ถ้ากระเป๋าแบนมันจะมาทุกสิ้นเดือนค่ะ 555

          เป็นเท้าแบนไม่พอนะคะ คุณหมอบอกด้วยค่ะว่าเราเป็นเท้าแบนแบบยืดหยุ่น ในใจก็คิดว่านี่มันเท้าหรือหนังสติ๊กคะ มีแบบยืดหยุ่นด้วยเดิน ๆ ไปแล้วมันจะเด้งดึ๋ง ๆ รึเปล่านะ แต่มันไม่ใช่นะสิคะ

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          พอลองถามข้อมูลจากคุณหมอก็ตาสว่างขึ้นมาว่า ไอ้อาการเท้าแบนมันไม่อันตรายถึงชีวิตหรอกนะ แต่มันทำให้เส้นเอ็นที่เท้าและขาเขม็ง เวลายืนเดินจึงปวด คุณหมอยังบอกอีกว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงไทยเป็นโรคนี้กันเยอะมาก มีทั้งแบบที่รู้ตัวกับคนที่เป็นแต่ไม่รู้ตัว เพราะคนปกติจะมีอุ้งเท้า ก็เจ้าส่วนโค้งเว้าตรงฝ่าเท้านั้นแหละ ทำให้เกิดความยืดหยุ่นเวลาเดิน การทำงานของกระดูกเท้าและกล้ามเนื้อขาจึงเหมาะสม

          คนผิดปกติแบบเรานะเหรอ ดูผิวเผินอาจจะมีอุ้งเท้า แต่พอเวลาเดินแล้วอุ้งเท้าก็จะหายไป เพราะน้ำหนักตัวที่กดลงบนเท้า ดูง่าย ๆ เลยนะคะ เวลาเท้าเราเปียกน้ำ แล้วไปเดินบนพื้นคอนกรีต ถ้าเห็นรอยเท้าเต็ม ๆ ชัด ๆ ก็ชัดเลยเท้าแบนแน่นอน แถมเรายังมีโอกาสที่เท้าจะบิดเข้าได้ในอีก

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          อุต๊ะ ! เอามือทาบอก ร้องคุณพระ ! เท้าแบนอันตรายพอ ๆ กับกระเป๋าแบนเลยนะคะ มันทำให้เราปวดฝ่าเท้า ขา และปวดหลังตามมา หรือบางคนเนี่ยอาจจะปวดไปถึงต้นคอก็ได้ค่ะ และยิ่งเดินแล้วยิ่งมีอาการเจ็บเมื่อลงน้ำหนักเท้า หรือเกิดตาปลาใต้ฝ่าเท้า ก็จะส่งผลเสียในระยะยาวนะ จนทำให้เราเป็นโรคเข่าเสื่อมได้เลยค่ะ นี่เรายังไม่แก่แต่เข่าต้องเสื่อมก็ไม่ไหวนะคะ

          คุณหมอหน้าตี๋ก็ใจดีแนะนำการรักษาเบื้องต้นให้ค่ะ

        ทำแผ่นรองในรองเท้าสำหรับผู้ป่วยเท้าแบน ซึ่งมันจะรองรับกระดูกเท้าพร้อมกับการเสริมอุ้งเท้าไปในตัวด้วย และการใส่รองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เป็นเท้าแบนจะสามารถสร้างให้อุ้งเท้ากลับให้มันได้อีกด้วย

        ทำกายภาพบำบัดเพื่อปรับแนวโครงสร้างเท้าให้กลับมาตรงตามธรรมชาติเหมือนเดิม ข้อนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างเยอะ ต้องไปตามนัด ซึ่งเราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไร

        ตัดรองเท้าเพื่อช่วยรักษาอาการเท้าแบน เกิดมาในชีวิตอยากจะมีรองเท้าที่สั่งตัดพิเศษสำหรับเราสักคู่ เอาที่ออกแบบเอง ใส่เองคนเดียว ดูเหมือนจะเก๋ ๆนะคะ แต่คือพอดูแบบรองเท้าแต่ละคู่ บอกตรงนะคะว่ามันโบมากเลยค่ะ และความโบนั้นก็มาพร้อมกับราคาที่แสนจะแพง หุหุ

          เราเลยเลือกแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการไปซื้อแผ่นเสริมรองเท้าสำหรับคนเท้าแบนมาใส่เป็นยี่ห้อสกอลล์ เพราะเคยเห็นโฆษณาว่าเค้าขายแผ่นเสริมนี่ด้วย แนะนำเลยนะคะ เพราะว่ามันช่วยได้มาก แต่ตอนที่ใส่แรก ๆ จะมีอาการเจ็บฝ่าเท้ามากค่ะ ทนไม่ไหวเลยต้องหยุดใส่ไป ด้วยความเสียดายเลยกลับไปถาม พร้อมกับบ่น ๆ กับน้องพนักงานที่ร้าน เขาก็บอกว่าช่วงแรกจะมีอาการเจ็บฝ่าเท้าให้สลับใส่กับรองเท้าปกติ 2-3 ชั่วโมง พอใส่ไปสักระยะเริ่มหายเจ็บ ดีใจไปซื้อมาใส่เสริมอีกคู่

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          แต่แผ่นเสริมรองเท้าเนี่ยไม่ได้ทำมาให้ใส่กับรองเท้าเราได้ทุกคู่ เราต้องมานั่งตัดแต่งเล็มออกเอง แถมแผ่นเสริมมันยังไม่ค่อยจะเหมาะกับรองเท้าส้นเตี้ยเท่าไร พื้นมันลอย ๆ บอกไม่ถูก อยากจะลองเปลี่ยนยี่ห้อดูบ้างเพื่อจะเหมาะกับรองเท้าเราบ้าง เงินเดือนออกเลยกะจะไปจัดแผ่นเสริมรองเท้ายี่ห้ออื่นดูบ้าง

          เดินไปเดินมาเจอรองเท้าก็ดันไปเจอ closed shoes ที่ออกแบบมาสำหรับคนเท้าแบนโดยเฉพาะ ครั้งแรกที่เจอความรู้สึกนี่เหมือนเจอเนื้อคู่เลยค่ะ 555 ก็เว่อร์ไป มันคือรองเท้า Scholl อีกนั่นแหละค่ะ บอกตรงเลยค่ะว่าแบรนด์นี้ในความคิดแวบแรกของเราคือ "แก่ค่ะ !" ยังจำรุ่นแคว่ก ๆ ได้ไหมคะ ใครจำได้เนี่ยรู้อายุเลยค่ะ 555 ยังเคยซื้อมาใส่เลย ตอนนั้นฮิตมากจริง ๆ เราก็นึกนะคะว่าทำไมตอนแรกมันไม่มีรุ่นนี้ออกมา รองเท้ามันน่ารักฟรุ้งฟริ้ง

แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี

          ตอนนี้เท้าเราก็กลับเป็นปกติ หลังจากใช้เวลาต่อสู้กับเท้าแบน ทั้งปรับการเดิน ทำกายภาพบำบัด และเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ เท้าก็มีส่วนโค้งเว้าเหมือนคนทั่วไป แต่เอวตอนนี้ส่วนเว้าส่วนโค้งไม่ค่อยมีแล้วค่ะ 555

          เรามาแชร์เรื่องนี้เพราะอยากจะเตือนสาว ๆ นะคะ เพราะการใช้ชีวิตประจำวันเราของเรา ทั้งที่ต้องยืนบนส้นสูงทั้งวัน ไหนจะต้องเดินบนพื้นแข็ง ๆ ตลอดเวลาอีก เราต่างก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะเท้าแบนได้ทั้งนั้น ทางที่ดีควรหาทางป้องกัน เช่น เดินบนพื้นหญ้านุ่ม ๆ หรือพื้นทรายดูบ้าง เพราะธรรมชาติของเท้าเรา ถูกออกแบบแบบมาให้เหยียบพื้นดิน พื้นหญ้า มากกว่าพื้นแข็ง ๆ

          เท้าของเรามันเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เราใช้ชีวิตตามเป้าหมายได้ เราก็ควรจะให้ดูแลใส่ใจเท้าและร่างกายเราให้อยู่กับเราได้นาน ๆ สุขภาพที่เสียไปมันใช้เงินซื้อกลับคืนมาไม่ได้นะเคอะ !!"



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แบ่งปันประสบการณ์ตรง...เมื่อส้นสูงคู่สวยสุดฮิต เป็นภัยในชีวิตชะนี อัปเดตล่าสุด 4 มิถุนายน 2558 เวลา 13:41:04 5,183 อ่าน
TOP
x close