หมามุ่ย แค่ได้ยินชื่อก็แอบรู้สึกคันยุบยิบ แต่นั่นเทียบไมได้เลยกับสรรพคุณของหมามุ่ยที่เด็ดดวงจนต้องบอกต่อ
ถ้าให้นับจำนวนสมุนไพรที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นเชื่อเลยว่าคงจะนับกันไม่หวาดไม่ไหว
เนื่องจากมีสมุนไพรมากมายที่ให้คุณกับเราอยู่มากมาย
แม้สมุนไพรบางชนิดเราเห็นรูปลักษณ์ภายนอกแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะดีต่อร่างกายอย่างเช่นสมุนไพรที่เราจะนำมาบอกเล่าเก้าสิบกันวันนี้ "หมามุ่ย" ได้ยินชื่อแล้วหลายคนอาจจะไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวว่าจะคันจนเกาไม่หยุด
แต่จริง ๆ แล้วสรรพคุณที่ซุกซ่อนอยู่นั้นมากมายกว่าที่คิด
ไปทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมกันดีกว่าค่ะ
หมามุ่ย ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mucuna pruriens DC. เป็นสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นพืชเถา และมีขนคันอยู่บริเวณฝัก
หมามุ่ยถูกนำมาใช้ในการรักษามาอย่างช้านาน
เนื่องด้วยเพราะเมล็ดของหมามุ่ยนั้นมีสรรพคุณมากมายจนนับไม่ถ้วน
แต่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือสรรพคุณในเสริมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย
นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ของหมามุ่ยยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้อีกมากมายเลยเชียวละ และสำหรับในประเทศไทยแล้วนั้นก็มีหมามุ่ย 2 สายพันธุ์หลัก ๆ ที่เรารู้จักกันดีก็ได้แต่ หมามุ่ยไทย และหมามุ่ยอินเดีย ซึ่งมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยและสามารถสังเกตได้ค่ะ
หมามุ่ยไทย และหมามุ่ยอินเดีย ต่างกันอย่างไร ?
หมามุ่ยไทยและหมามุ่ยอินเดียนั้นดูผิวเผินแล้วอาจจะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันที่ฝักและเมล็ด โดยสามารถสังเกตได้ว่าหมามุ่ยอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน และเมื่อแกะฝักออกมาแล้วเมล็ดที่อยู่ภายในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง ในขณะที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวและหากสัมผัสก็จะทำให้เกิดอาการคันและ อาจเกิดอาการแพ้ได้ ทั้งนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กกว่าหมามุ่ยอินเดีย ส่วนสีของเมล็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไปค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าหมามุ่ยไทยจะมีประโยชน์เหมือนหมามุ่ยจีนและอินเดียที่เคยมีผลการศึกษารับรองถึงสรรพคุณในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศนะคะ เพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าหมามุ่ยไทยมีประโยชน์ ทางที่ดีหากไม่แน่ใจว่าเมล็ดหมามุ่ยที่นำมารับประทานเป็นสายพันธุ์ไหนกันแน่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่าเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ค่ะ
เมล็ดหมามุ่ย สรรพคุณทางยาที่ไม่น่ามองผ่าน
หมามุ่ยเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารเลโวโดปา (Levodopa) หรือแอลโดปา (L-Dopa) ที่เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่า โดปามีน อันมีความสำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ และหากนำไปสกัดเป็นยาเม็ดก็จะสามารถช่วยรักษาโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย นอกจากนี้เมล็ดหมามุ่ยยังมีสรรพคุณอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงกำลัง ให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ทำให้หลับสบายมากขึ้นหรือแม้แต่สรรพคุณอันลือเลื่องอย่างการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ และทำให้น้ำเชื้อนั้นมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เพิ่มการเคลื่อนไหวของอสุจิ ลดภาวะมีบุตรยาก รวมทั้งแก้ไขปัญหาอวัยวะเพศแข็งตัวช้าในเพศชาย ในผู้หญิงก็ยังช่วยกระชับหน้าอกให้เต่งตึง ขับให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และกระชับช่องคลอดอีกด้วย
ทั้งนี้การรับประทานเมล็ดหมามุ่ยก็ยังช่วยผ่อนคลายคลายเครียด ช่วยในการเผาผลาญและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ รักษาอาการช้ำใน ใช้ถอนพิษ และแก้พิษของแมงป่องได้ ส่วนรากของหมามุ่ยก็มีประโยชน์ เพียงนำไปต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่มก็ช่วยรักษาอาการไอ อาการคัน และล้างพิษในร่างกายได้อีกด้วยล่ะค่ะ
ข้อควรระวังในการใช้หมามุ่ย
แม้ว่าจะหมามุ่ยจะมีสรรพคุณทางยามากมาย แต่สำหรับคนบางกลุ่ม การรับประทานหมามุ่ยอาจยิ่งมีผลข้างเคียงที่ไม่ถึงประสงค์ได้ อาทิ
- คนแพ้พืชตระกูลถั่วไม่ควรทาน เพราะหมามุ่ยเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและระบบหลอดเลือดหัวใจไม่ควรทาน เนื่องจากหมามุ่ยมีสารแอลโดปา ซึ่งเป็นสารที่ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากจะทำให้ความดันโลหิตลดลง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลม นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย
- หมามุ่ยสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ก็จริง แต่หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้ระดับน้ำตาลลดลงมากเกินไป ดังนั้นหากผู้ป่วยเบาหวานต้องการใช้หมามุ่ยช่วยลดระดับน้ำตาลก็ควรที่จะให้ ความสนใจกับระดับน้ำตาลในเลือดให้มากขึ้นและควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณของหมามุ่ยที่สามารถบริโภคได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพค่ะ
- ผู้ป่วยโรคตับเป็นอีกกลุ่มที่ไม่ควรบริโภคหมามุ่ย เพราะสารแอลโดปานั้นจะไปเพิ่มปริมาณสารเคมีที่มีผลทำลายตับ และทำให้อาการของโรคตับเลวร้ายลงค่ะ ดังนั้นจึงควรห้ามใช้โดยเด็ดขาด
- สารแอลโดปานอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคตับแล้วก็ยังส่งผลร้ายต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย เพราะสารชนิดนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินมากขึ้น และทำให้อาการของโรคมะเร็งผิวหนังแย่ลง จึงไม่ควรใช้เด็ดขาดหากคุณเคยเป็นโรคมะเร็งหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง
- มีรายงานพบว่าสารแอลโดปาสามารถทำให้เกิดการเลือดออกในระบบทางเดินอาหารได้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือในลำไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ยังไม่มีผลวิจัยออกมาแน่ชัดและยังไม่พบรายงานผู้ป่วยที่เกิดการเลือดออกจากการรับประทานหมามุ่ย
- การบริโภคหมามุ่ยเป็นสิ่งที่ต้องห้ามในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาทางจิต เนื่องสารแอลโดปาจะไปทำให้อาการทางจิตเลวร้ายลง
- ในแพทย์บางรายอาจมีการสั่งให้ใช้หมามุ่ยก่อนทำการผ่าตัดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงตอนผ่าตัดเพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ดังนั้นหากมีการใช้หมามุ่ยก่อนการผ่าตัด ควรเลิกใช้อย่างน้อยก่อนถึงวันผ่าตัดเพื่อความปลอดภัย
หมามุ่ย ปริมาณการใช้ที่เหมาะ แค่ไหนถึงปลอดภัย
ปริมาณการใช้หมามุ่ยเพื่อบำรุงสุขภาพนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นภาวะสุขภาพ อายุของผู้ใช้ หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณอย่างแน่นอนได้ว่าควรบริโภคไม่เกินปริมาณเท่าใด ฉะนั้นหากคิดจะบริโภคหมามุ่ยเป็นอาหารเสริมละก็ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนจะดีที่สุด
ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ระบุว่าผสมสารสกัดหมามุ่ยลงไปนั้น ขอให้ระมัดระวังด้วยค่ะ เพราะทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่า ไม่เคยอนุญาตให้ใส่สารสกัดหมามุ่ยในผลิตภัณฑ์อาหาร และยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัยของการบริโภคสารสกัดจากหมามุ่ย ดังนั้นอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงมาทาน
ได้รู้จักกับคุณค่าของสมุนไพรชนิดนี้กันไปมากขึ้นแล้ว ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องกลัวกับเรื่องคัน ๆ แล้วล่ะ แต่ก็ต้องเตือนดัง ๆ ว่าอย่าไปใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลอันไม่พึงประสงค์ที่ทำลายสุขภาพได้เช่นกัน
หมามุ่ย คืออะไร
นอกจากนี้ส่วนอื่น ๆ ของหมามุ่ยยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้อีกมากมายเลยเชียวละ และสำหรับในประเทศไทยแล้วนั้นก็มีหมามุ่ย 2 สายพันธุ์หลัก ๆ ที่เรารู้จักกันดีก็ได้แต่ หมามุ่ยไทย และหมามุ่ยอินเดีย ซึ่งมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยและสามารถสังเกตได้ค่ะ
หมามุ่ยไทย และหมามุ่ยอินเดีย ต่างกันอย่างไร ?
หมามุ่ยไทยและหมามุ่ยอินเดียนั้นดูผิวเผินแล้วอาจจะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันที่ฝักและเมล็ด โดยสามารถสังเกตได้ว่าหมามุ่ยอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน และเมื่อแกะฝักออกมาแล้วเมล็ดที่อยู่ภายในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง ในขณะที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวและหากสัมผัสก็จะทำให้เกิดอาการคันและ อาจเกิดอาการแพ้ได้ ทั้งนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กกว่าหมามุ่ยอินเดีย ส่วนสีของเมล็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไปค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าหมามุ่ยไทยจะมีประโยชน์เหมือนหมามุ่ยจีนและอินเดียที่เคยมีผลการศึกษารับรองถึงสรรพคุณในการเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศนะคะ เพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าหมามุ่ยไทยมีประโยชน์ ทางที่ดีหากไม่แน่ใจว่าเมล็ดหมามุ่ยที่นำมารับประทานเป็นสายพันธุ์ไหนกันแน่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่าเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ค่ะ
เมล็ดหมามุ่ย สรรพคุณทางยาที่ไม่น่ามองผ่าน
หมามุ่ยเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารเลโวโดปา (Levodopa) หรือแอลโดปา (L-Dopa) ที่เป็นสารตั้งต้นของสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่า โดปามีน อันมีความสำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ และหากนำไปสกัดเป็นยาเม็ดก็จะสามารถช่วยรักษาโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย นอกจากนี้เมล็ดหมามุ่ยยังมีสรรพคุณอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นยาบำรุงกำลัง ให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ทำให้หลับสบายมากขึ้นหรือแม้แต่สรรพคุณอันลือเลื่องอย่างการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำอสุจิ และทำให้น้ำเชื้อนั้นมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เพิ่มการเคลื่อนไหวของอสุจิ ลดภาวะมีบุตรยาก รวมทั้งแก้ไขปัญหาอวัยวะเพศแข็งตัวช้าในเพศชาย ในผู้หญิงก็ยังช่วยกระชับหน้าอกให้เต่งตึง ขับให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และกระชับช่องคลอดอีกด้วย
ทั้งนี้การรับประทานเมล็ดหมามุ่ยก็ยังช่วยผ่อนคลายคลายเครียด ช่วยในการเผาผลาญและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ รักษาอาการช้ำใน ใช้ถอนพิษ และแก้พิษของแมงป่องได้ ส่วนรากของหมามุ่ยก็มีประโยชน์ เพียงนำไปต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่มก็ช่วยรักษาอาการไอ อาการคัน และล้างพิษในร่างกายได้อีกด้วยล่ะค่ะ
แม้ว่าจะหมามุ่ยจะมีสรรพคุณทางยามากมาย แต่สำหรับคนบางกลุ่ม การรับประทานหมามุ่ยอาจยิ่งมีผลข้างเคียงที่ไม่ถึงประสงค์ได้ อาทิ
- คนแพ้พืชตระกูลถั่วไม่ควรทาน เพราะหมามุ่ยเป็นพืชตระกูลถั่วชนิดหนึ่ง
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและระบบหลอดเลือดหัวใจไม่ควรทาน เนื่องจากหมามุ่ยมีสารแอลโดปา ซึ่งเป็นสารที่ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากจะทำให้ความดันโลหิตลดลง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลม นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย
- หมามุ่ยสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ก็จริง แต่หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้ระดับน้ำตาลลดลงมากเกินไป ดังนั้นหากผู้ป่วยเบาหวานต้องการใช้หมามุ่ยช่วยลดระดับน้ำตาลก็ควรที่จะให้ ความสนใจกับระดับน้ำตาลในเลือดให้มากขึ้นและควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณของหมามุ่ยที่สามารถบริโภคได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพค่ะ
- ผู้ป่วยโรคตับเป็นอีกกลุ่มที่ไม่ควรบริโภคหมามุ่ย เพราะสารแอลโดปานั้นจะไปเพิ่มปริมาณสารเคมีที่มีผลทำลายตับ และทำให้อาการของโรคตับเลวร้ายลงค่ะ ดังนั้นจึงควรห้ามใช้โดยเด็ดขาด
- สารแอลโดปานอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคตับแล้วก็ยังส่งผลร้ายต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย เพราะสารชนิดนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินมากขึ้น และทำให้อาการของโรคมะเร็งผิวหนังแย่ลง จึงไม่ควรใช้เด็ดขาดหากคุณเคยเป็นโรคมะเร็งหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง
- มีรายงานพบว่าสารแอลโดปาสามารถทำให้เกิดการเลือดออกในระบบทางเดินอาหารได้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือในลำไส้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ยังไม่มีผลวิจัยออกมาแน่ชัดและยังไม่พบรายงานผู้ป่วยที่เกิดการเลือดออกจากการรับประทานหมามุ่ย
- การบริโภคหมามุ่ยเป็นสิ่งที่ต้องห้ามในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาทางจิต เนื่องสารแอลโดปาจะไปทำให้อาการทางจิตเลวร้ายลง
- ในแพทย์บางรายอาจมีการสั่งให้ใช้หมามุ่ยก่อนทำการผ่าตัดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็ไม่ควรใช้อย่างต่อเนื่องจนถึงตอนผ่าตัดเพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ ดังนั้นหากมีการใช้หมามุ่ยก่อนการผ่าตัด ควรเลิกใช้อย่างน้อยก่อนถึงวันผ่าตัดเพื่อความปลอดภัย
หมามุ่ย ปริมาณการใช้ที่เหมาะ แค่ไหนถึงปลอดภัย
ปริมาณการใช้หมามุ่ยเพื่อบำรุงสุขภาพนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นภาวะสุขภาพ อายุของผู้ใช้ หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณอย่างแน่นอนได้ว่าควรบริโภคไม่เกินปริมาณเท่าใด ฉะนั้นหากคิดจะบริโภคหมามุ่ยเป็นอาหารเสริมละก็ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนจะดีที่สุด
ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ระบุว่าผสมสารสกัดหมามุ่ยลงไปนั้น ขอให้ระมัดระวังด้วยค่ะ เพราะทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่า ไม่เคยอนุญาตให้ใส่สารสกัดหมามุ่ยในผลิตภัณฑ์อาหาร และยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัยของการบริโภคสารสกัดจากหมามุ่ย ดังนั้นอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงมาทาน
ได้รู้จักกับคุณค่าของสมุนไพรชนิดนี้กันไปมากขึ้นแล้ว ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องกลัวกับเรื่องคัน ๆ แล้วล่ะ แต่ก็ต้องเตือนดัง ๆ ว่าอย่าไปใช้แบบสุ่มสี่สุ่มห้านะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลอันไม่พึงประสงค์ที่ทำลายสุขภาพได้เช่นกัน