เครื่องดื่มป้องกันโรค (Lisa)
อาหารและเครื่องดื่มที่ดีมีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคได้ สิ่งหนึ่งที่เราควรจำให้ขึ้นใจก็คือ การป้องกันมีราคาถูกกว่าการรักษายามเจ็บป่วย ดังนั้น เราจึงควรกินและดื่มให้เป็นยาต้านโรคก่อนที่โรคจะรุกรานเรา
น้ำ ขจัดสารพิษ หากขาดน้ำร่างก่ายก็ไม่สามารถอยู่ได้ เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษ ปรับระดับอุณหภูมิให้ร่างกายดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 1.5 ลิตร
ชา ป้องกันโรคฟันผุ ชาช่วยป้องกันอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งลำไส้ ไม่มีแคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟูลออไรด์เป็นจำนวนมากที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผลควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่น ๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน
โยเกิร์ต ช่วยขจัดสารพิษ ในโยเกิร์ตมีแร่ธาตุเช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิวกรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้
นม ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ในนมมีโปรตีนสูงซึ่งง่าย ต่อการย่อย และมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชรา และกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่น
น้ำแอปเปิ้ล ป้องกันมะเร็ง น้ำแอปเปิ้ลสด ๆ มีคุณค่ามากที่สุดช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็ง ช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้ง แม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม
น้ำลูกแพร์ ป้องกันความเครียด มีกรดโฟลิกสูงซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส
น้ำผัก ป้องกันโรคอ้วน เหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่งเพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้ และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเเองและไม่เติมน้ำตาล ที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสารพิษ
น้ำแครอต บำรุงสายตาและป้องกันมะเร็ง เพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอตได้ดีขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอตมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากวิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ
น้ำมะเขือเทศ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อยควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วยในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัยหากเป็นมะเขือเทศทีผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด