ปัญหาสุขภาพจิต อาจเกิดขึ้นได้กับคนที่เพิ่งประสบเหตุการณ์รุนแรงในชีวิต แต่จำเป็นต้องไปพบจิตแพทย์หรือไม่ ลองสังเกตอาการและสัญญาณเตือนเหล่านี้
ไม่มีใครเลี่ยงการเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ ซึ่งหากใครประสบพบเจอกับเรื่องร้าย ๆ หรือเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างกะทันหัน ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่สภาพจิตใจของเราจะรู้สึกย่ำแย่ บางคนอาจมีอาการโกรธ หงุดหงิด วิตกกังวล เศร้า ร้องไห้ อาจมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิมหรือเฉื่อยชาลงมากกว่าเดิม ครุ่นคิด คิดซ้ำ ๆ ถึงภาพและเหตุการณ์ความรุนแรงที่ได้พบ สับสน ไม่มีสมาธิ เงียบขึ้น หรือแยกตัว นอน ไม่หลับ ฝันร้าย ฯลฯ
สารพัดอาการเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตก เพราะกรมสุขภาพจิตยืนยันว่า ถือเป็นปฏิกิริยา "ปกติ" ที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ "ไม่ปกติ" และอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป บางคนอาจมีอาการเหล่านี้เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 เดือน
ที่สำคัญ ต้องเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการเหล่านี้ไม่ใช่ผู้เจ็บป่วยทางจิต และไม่ใช่ผู้อ่อนแอแต่อย่างใด อาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงออกทางจิตใจ อารมณ์ และพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเท่านั้น ทั้งนี้ หากได้รับการช่วยเหลือและดูแลทางด้านจิตใจอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงประมาณ ร้อยละ 5-10 ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลและบำบัดรักษาจากจิตแพทย์หรือทีมสุขภาพจิต ซึ่ง นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำให้สังเกต 8 สัญญาณเตือน ที่บ่งชี้ว่าบุคคลต้องได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือบุคลากรสุขภาพจิต ได้แก่
1. มีความสับสนรุนแรง รู้สึกราวกับว่าโลกนี้ไม่มีอยู่จริง เหมือนกำลังฝันไป ล่องลอย
2. รู้สึกถึงเหตุการณ์นั้นอยู่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ หยุดไม่ได้ จำแต่ภาพโหดร้ายได้ติดตา ฝันร้าย ย้ำคิดแต่เรื่องเดิม ๆ
3. หลีกหนีสังคม กลัวที่กว้าง ไม่กล้าเข้าสังคม
4. ตื่นกลัวเกินเหตุ ฝันร้ายน่ากลัว ควบคุมตนเองให้มีสมาธิไม่ได้ กลัวว่าจะตาย
5. วิตกกังวลมากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้ หวาดกลัวรุนแรง มีความคิดฝังใจ ประสาทมึนชา
6. ซึมเศร้าอย่างรุนแรง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ท้อแท้ ตำหนิตัวเอง หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบ อยากตาย
7. ติดสุราและสารเสพติด
8. มีอาการทางจิต หลงผิด ประสาทหลอน ฯลฯ
สำหรับการดูแลจิตใจตนเองและคนรอบข้างเมื่อประสบเหตุรุนแรง ทำได้ดังนี้
1. พักผ่อนให้เพียงพอ
2. ไม่ใช้สุรา ยาเสพติด
3. พยายามหากิจกรรมทำให้เกิดความเพลิดเพลิน
4. พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติ
5. ปรึกษา พูดคุยเรื่องไม่สบายใจ หรือขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิด หรือจากคนที่ไว้ใจ
6. เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชมหรือสังคม เช่น การบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมทางศาสนา ฯลฯ
ทั้งนี้ยังสามารถขอรับคำปรึกษา ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสุขภาพจิต