รีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากอดีตสาวอ้วนดำกลายเป็นสาวสวย เธอคนนี้จะมีวิธีลดน้ำหนัก และดูแลตัวเองอย่างไรบ้างจนกลายเป็นสาวสวยอย่างทุกวันนี้ มาติดตามดูเรื่องราวของเธอกันเลยค่ะ
สำหรับคุณสาว ๆ คนไหนที่กำลังท้อแท้กับหน้าตา สีผิว และรูปร่างอ้วนท้วมของตัวเอง อย่าเพิ่งหมดหวังและหมดกำลังใจไปนะคะสาว ๆ เพราะคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ค่ะ ขอแค่รู้จักที่จะรักและดูแลตัวเองเท่านั้น เหมือนกับเรื่องราวของคุณ 2572101 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่กระปุกดอทคอมเอามาฝากเพื่อเป็นกำลังใจให้กับสาว ๆ ฮึดสู้เปลี่ยนแปลงตัวเองในวันนี้ ซึ่งเมื่อก่อนเธอคนนี้เคยทั้งอ้วน ทั้งดำ หน้าบาน แถมยังดูท่าทางเหมือนทอมอีกต่างหาก แต่ด้วยคำพูดที่ดูถูกว่าเธอไม่สวย ! เธอจึงเริ่มที่จะหันมาดูแลตัวเองด้วยการดัดฟัน ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร และดูแลผิวพรรณให้ดูดีขึ้น และด้วยวินัยที่เธอมี มันจึงส่งผลให้เธอสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นสาวสวยสุดฮอตอย่างทุกวันนี้ได้ ซึ่งงานนี้บอกเลยว่าเธอทำได้ คุณเองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจากตรงไหนดี ลองมาอ่านเรื่องราวของเธอคนนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันก่อนเลยค่ะ รับรองว่าคุณจะมีแรงฮึด ! พร้อมที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างแน่นอน ไปดูกันเลย
+++++++++++++++++++++
กระทู้นี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีพวกเพื่อน ๆ ที่ชอบแกล้ง เอาภาพหมีในอดีตมาประจานหน้าเฟซบุ๊ก เลยทำให้หลายคนเข้ามาถาม ทำจมูกที่ไหน ? ไปฉีดโบท็อกซ์มาเหรอ ? ทำอะไรมาบ้าง ? ทำไมเปลี่ยนไปเยอะจัง ?
รูปแรกเป็นรูปที่เราเรียนอยู่ชั้น ม.6 รูปที่ 2 เป็นรูปปัจจุบัน (ระยะเวลาประมาณ 8 ปี) อย่า ๆๆๆๆๆๆๆ เพิ่งตกใจนะ ที่บอก 8 ปี อย่าคิดว่ามันนานไปนะคะ อย่าเพิ่งปิดกระทู้อ่านให้จบก่อนนนนนน
(ภาพนี้เป็นภาพที่เพื่อนแกล้งลงเฟซบุ๊ก)
555 เราโดนหนักกว่านี้อีกนะ เราเรียนกราฟิกเลยมีเพื่อนที่รีทัชเป็นเยอะ แล้วก็ชอบแกล้งแบบเนี้ย เราก็เลยอยากเล่าเรื่องราวผ่านทางพันทิปนี่แหละ เพราะช่วงนี้เราก็เขียนมาบ้างจากรีวิวเรื่องเที่ยว เราเกริ่นมาได้สักพักแล้ว เริ่มเลยดีกว่านะคะ
ต่อนะคะ สมัยก่อนเราเป็นนักกีฬายูโด ตัวเราจะแน่น ๆ ถึก ๆ บีบตรงไหนแน่นไปหมด ซึ่งโดยปกติถ้าคนลดน้ำหนักจะรู้ว่าคนที่ร่างแน่น ๆ มีกล้ามเนื้อเยอะจะเป็นร่างที่ลดยากมาก มากกว่าคนที่มีไขมันย้วย ๆ นิ่ม ๆ เราเป็นประเภทแรก แน่นมาก ตัวจะระเบิด แล้วเราก็ดำมากกกกก เพราะเราต้องวิ่งตากแดดทุกเช้า-เย็น เล่นเวทด้วย เลยทำให้อ้วนแบบมีกล้ามเนื้อ ตอนนั้นแทบไม่เห็นทางเลยที่จะผอมลงได้ ใส่ชุดอะไรก็ไม่สวยใส่ชุดน่ารัก ๆ ก็ขัด ๆ เลยแต่งตัวเป็นทอม ทุกคนในโรงเรียนเลยคิดว่าเราเป็นทอม (เหมือนไม่เหมือนให้ดู)
ภาพนี้เป็นช่วงจบ ม.6 ตอนนี้เริ่มรู้ตัวแล้วว่าเราเป็นหมีควาย เพื่อน ๆ ถ่ายรูปจบสวย ๆ กัน เรานี่อืดเชียว ยิ่งพอมามหาวิทยาลัย เราอยู่ ม.รังสิต ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาสาว ๆ น่ารักด้วย เราเข้ามาเป็นแกะดำเลยจ้า หันไปทางไหนก็สวย ๆ ทั้งนั้น แต่เราก็อ้วนต่อไป เพราะไม่รู้จะทำยังไง ดูมันไกลและริบหรี่เหลือเกิน จะร้องไห้ Y^Y
อันนี้ภาพตอนขึ้นปี 1
ช่วงปีหนึ่งเราน้ำหนักลดเอง เพราะเราติดตัวนักกีฬามหาวิทยาลัยโลก ต้องซ้อมยูโดทุกวันซ้อมหนักมาก บวกกับต้องเรียนอีกเลยทำให้น้ำหนักลดโดยไม่ได้ตั้งใจไป 3-4 กิโลกรัม แต่วิ่งตากแดดเยอะมากเลยดำหนักกว่าเดิม
ตอนนี้มาถึงช่วงที่เราอยากลดน้ำหนักจริงจังแล้ว เป็นช่วงปี 2 เราขอเกริ่นอีกหน่อยนะ 5555 เรามีน้องชาย 1 คน ซึ่งน้องชายเราค่อนข้างหน้าตาดี
ป.ล. แอบแนบภาพคู่ของเรากับน้องมาให้ดู พอน้องเราย้ายเข้ามามหาวิทยาลัย ปี 1 ก็มาอยู่ที่ ม.รังสิต กับเรา น้องเราเดินสายแคสติ้งงานแล้วเราก็ไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด เพราะแม่เป็นห่วง ไปไหนมาไหนอยากให้ไปด้วยกัน มีอยู่วันหนึ่งเจอจัง ๆ เราไปส่งน้องแคสติ้งงานแถว ๆ ทาวน์อินทาวน์ น้องเราเข้าไปแคสติ้งงานส่วนเรารอข้างนอก เราก็ไม่ค่อยมีใครสนใจหรอก นั่งอยู่มุมมืด ๆ มีแต่คนหน้าตาดีมาแคสติ้งงาน เราเลยออกไปเดินเล่นรอน้อง พอเดินเข้ามาได้ยิน ป้ากระเทยอ้วนดำนินทาเรา "นั่นมันพี่สาวของน้อง... จริงเหรอ ? ฉันว่าไม่ใช่นะ หน้าตาแตกต่างกันมาก... หน้าตาอย่างกับคนใช้..." โอ๊ยเยอะแยะ มีมากกว่านี้อีกนะ แต่เราลืม 5555
ด้วยความที่ได้ยินแบบนั้นเราก็เฉย ๆ นะ ไม่ได้ร้องไห้หรือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไรมาก เรามีสายเลือดนักกีฬาอยู่ เข้มแข็งพอ แต่นิสัยชอบเอาชนะนี่มาเต็ม เราไม่ชอบให้ใครมาดูถูก กลับไปเราก็เริ่มส่องกระจกแบบจริงจัง ส่องดูว่าเราจะเปลี่ยนอะไรดี เริ่มจากตรงไหนดี มันเยอะมากที่ต้องเปลี่ยน ความจริงก็รู้ตัวเองอยู่แต่แค่ไม่เริ่มสักที 55555 เริ่มจาก
1. ลดน้ำหนัก (ตัวเราใหญ่มากกกกกทำให้ใส่ชุดอะไรก็ดับ เลยต้องแต่งตัวแบบผู้ชาย)
2. จัดฟัน (หน้าเราบานมากกกกก การดัดฟันจะได้ช่วยให้รูปหน้าเปลี่ยน)
3. ดูแลผิว (เราไม่ใช่คนขาวอยู่แล้ว แค่ดูแลให้มันไม่ดำจนเกินไปขอผิวน้ำผึ้ง ๆ พอ)
เราก็ไปคุยกับแม่เรื่องจัดฟันก่อนเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเรา เพราะเราต้องซ้อมยูโดแล้วกีฬานี้มันต้องมีการทุ่ม ปล้ำ ล็อก ทุกอย่างนี้จะมีการรัดที่ปากหมด เราเห็นคนจัดฟันเล่นยูโดเลือดกลบปากทุกคน !! เรากลัว แต่แม่เราโอเคจ้า แม่ชอบเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว อยากให้เราเป็นสาวสักทีเลยสนับสนุนเต็มที่ หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่กี่วันนางก็ให้เราไปคุยกับหมอ เริ่มจัดฟันกันเลยทีเดียว มาดูภาพวิวัฒนาการจากหมีกลายเป็นคนกันเถอะ !
"เรามาเริ่มต้นจากการปลุกความอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนนะคะ"
(ภาพแรกเป็นภาพที่ลดน้ำหนักมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เริ่มผอมแต่ยังแต่งหน้าไม่เป็น ผมยังสั้นอยู่ ส่วนภาพที่ 2 เป็นภาพที่แต่งหน้าเป็นแล้ว ผมยาวแล้วถอดเหล็กแล้วค่ะ)
1. คุณต้องมีความมุ่งมั่น ที่จะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง หาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไปเพื่อใคร สรุปเพื่อตัวเองล้วน ๆ มันเป็นผลดีกับตัวคุณเอง
2. ใจต้องแข็ง เพื่อนจะชวนกินหรืออะไรต้องห้ามใจตัวเองให้อยู่ ใครชวนออกจากห้องไม่ไป !
3. หากีฬาที่คุณชอบให้เจอ เพราะคุณจะต้องอยู่กับมันทุกเย็น
4. หมั่นค้นหาวิธีการดูแลตัวเองไม่ว่าจะเรื่องกิน ออกกำลังกาย การแต่งหน้า แต่งตัว การรักษาผิวพรรณ ดูให้เยอะ ๆ แล้วเอามาคิดว่าอันไหนเหมาะกับตัวเรา แล้วเอามาประยุกต์ใช้
5. ต้องมีความมั่นใจในตัวเอง เราทำได้ ๆๆๆๆๆๆ ท่องไว้
6. อย่าผลัดวัน ถ้ามีทุกอย่างนี้ครบแล้วก็เริ่ม !!!
เราเป็นคนที่ลดน้ำหนักมาหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ไม่กินอะไรเลยเราก็เคยทำมา แต่วิธีที่เราจะมาบอกเพื่อน ๆ ในกระทู้นี้เป็นวิธีที่เราคิดว่ามันโอเคสุดและปลอดภัยที่สุดแล้ว
วิธีการลดน้ำหนัก (แบบแอตกินส์)
เอามาจากหนังสือ "ลดน้ำหนัก 12 กิโลกรัม ภายใน 2 เดือนแบบง่าย ๆ สไตล์ อัลเบิร์ท UHT"
แอตกินส์คืออะไร ?
แอตกินส์เป็นสูตรลดน้ำหนักที่มาจากชื่อของ Robert Atkins แพทย์ชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นแนวทางใหม่ในการลดน้ำหนัก ด้วยการงดอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เพื่อให้ร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรตและดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาเผาผลาญเป็นพลังงานแทน ด้วยจุดเด่นที่อนุญาตให้ผู้ลดน้ำหนักสามารถกินได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องลดหรืออดอาหารเพียงแค่ให้งดกินแป้งและน้ำตาล แล้วหันไปกินอาหารที่เป็นโปรตีนและไขมันแทน ก็ทำให้การลดน้ำหนักด้วยสูตรแอตกินส์กลายเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เหล่าดาราฮอลลีวูดและคนดังมากมายพากันหันมาพึ่งสูตรนี้ในการลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักตามหลักการของแอตกินส์นั้นแบ่งออกเป็น 4 ช่วง แต่ละช่วงมีหลักในการกินอาหารและปฏิบัติตัวแตกต่างกันไป แต่โดยรวมก็คือ ให้ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลงเหลือเพียงไม่เกินวันละ 20 กรัม และหันมาบริโภคอาหารประเภทโปรตีนและไขมันแทนได้เต็มที่ เมื่อทำต่อเนื่องครบ 14 วันแล้วจึงค่อย ๆ เริ่มกินโยเกิร์ต ถั่ว และผักผลไม้บางประเภทบ้าง เพื่อไม่ให้ระบบขับถ่ายเสียสมดุลจนเกินไป หลังจากนั้นเมื่อน้ำหนักเริ่มคงที่แล้วจึงเข้าสู่ช่วงของการควบคุมน้ำหนักต่อเนื่อง ด้วยการเลือกบริโภคแต่คาร์โบไฮเดรตชั้นดี เช่น ข้าวไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ฯลฯ และหันมาบริโภคผักและผลไม้แทนขนมหวาน
อันนี้เป็นภาพอาหารที่เราทำกินเองบ้าง ซื้อกินบ้าง ^^
อาหารที่ห้ามเด็ดขาด
- อาหารทุกชนิดที่ประกอบด้วยแป้งและน้ำตาล รวมถึงสารให้ความหวานทุกชนิด
- ผลไม้ทุกชนิด เพราะผลไม้แทบทุกชนิดมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ และผลไม้บางชนิดยังมีแป้งเป็นส่วนประกอบด้วย
- ข้าว ขนมปัง บะหมี่ และก๋วยเตี๋ยวทุกชนิด
- ผักที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบ เช่น แครอท ข้าวโพด มะเขือเทศ มันเทศ มันฝรั่ง มันสำปะหลัง ฯลฯ
- น้ำหวานและน้ำผลไม้ทุกชนิด
- ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
อาหารที่กินได้
- เนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะปลา ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ชนิดเดียวที่ไม่มีคาร์โบไฮเดรต
- ไข่ทุกชนิด
- เนย น้ำมัน
- นม ชีส และครีมที่ไม่มีรสหวานและไม่ผสมแป้ง
- ผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ เช่น ผักกาดแก้ว แตงกวา เห็ด บล็อกโคลี ขึ้นฉ่าย ผักชี กะเพรา คะน้า ฯลฯ แต่กินได้ไม่เกินวันละ 1 ถ้วย
การออกกำลังกาย
ขอออกตัวก่อนเลยนะคะ เราเป็นคนร่างใหญ่ ด้วยโครงสร้างและกระดูกแล้วเราก็ถือว่าเป็นคนตัวใหญ่อยู่ดี แต่ที่มารีวิวหัวข้อคือการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้บอกว่าผอมลงนะคะ แค่ตัวเล็กลง กระชับขึ้นและมีรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม เอาเป็นว่าเข้าใจกันจะได้ไม่มีเหตุการณ์ดราม่าขึ้นทีหลัง
เราเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ที่อ้วนเป็นเพราะการกิน เรื่องการออกกำลังกายเลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา
อธิบายเบื้องต้นก่อนนะคะ เราจะออกกำลังกายวันละ 45-60 นาทีต่อวัน (พักวันอาทิตย์) แล้วแต่กีฬาที่เล่นค่ะ ถ้าเราต้องการจะลดน้ำหนักเราควรเล่นให้เกิน 45 นาที ร่างกายของเราจะมีกระบวนการนำพลังงานไปใช้โดย 15 นาทีแรกร่างกายจะดึงน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงาน 15-30 นาทีจะดึงแป้งมาใช้ มากกว่า 30 นาทีร่างกายจะดึงพลังงานสำรองมาใช้ (ไขมัน)
เราเลือกการออกกีฬาอยู่ 4 ชนิด
1. วิ่ง (เราจะวิ่งตอนช่วงเย็น วิ่งประมาณ 8 กิโลเมตร เราจะวิ่งไม่หยุดและวิ่งแบบกลาง ๆ ไม่ช้ามาก และไม่ถึงกับเร็วไปถ้าเทียบกับอัตราความเร็วของลู่วิ่งในฟิตเนสประมาณ 8.5-9) ถามว่าทำไมถึงไม่วิ่งช้า ๆ เรื่อย ๆ ก็เพราะว่าถ้าวิ่งแบบเรื่อย ๆ จะทำให้ขาใหญ่ ! น่องปูด ๆ จะออกมาสวัสดี ถ้าเปลี่ยนมาวิ่งให้เร็วขึ้น ขาคุณจะเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ลองวิ่งดูเดือนเดียว อาทิตย์ละ 4 วันเห็นผลแน่ ๆ หลังจากวิ่งเสร็จก็จะเดินสัก 1 กิโลเมตร เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับสภาพ
2. ฟิตเนส (เข้าคลาส) เราจะเข้าพวก YOGA, วิ่ง, เล่นเวทนิดหน่อยเอาความกระชับ
3. มวยไทย เราก็เล่นไปตามโปรแกรมของค่ายมวยค่ะ ใช้เวลาในการซ้อมประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนตัวแนะนำมวยไทยนะคะ เป็นกีฬาที่ออกแรงทุกส่วนกระชับสัดส่วนได้เร็วมาก แต่ต้องเป็นท่าที่ให้เราซ้อมคู่กับครูมวยเลยนะคะ ไม่ใช่ครูมวยชกให้ดูอยู่บนเวทีแล้วเราทำตามข้างล่าง ที่เราไปเล่นครูจะเป็นคู่ซ้อมตัวต่อตัวเลย ซ้อมยกหนึ่งก็ลงไปซิทอัพ ครบแล้วก็ขึ้นมาชกต่อ
4. T25 วันไหนที่ไม่ได้ออกจากห้อง รถติด เราก็จะเต้นอยู่ที่ห้อง หลังจากนี้เราก็วิดพื้น 100 ที และซิทอัพ 300 ที
ต่อนะคะจะมาเล่าถึงเรื่องผิวพรรณและการเปลี่ยนหน้าตัวเอง (NO ศัลยกรรมนะคะ มีแค่ดัดฟัน)
เราเป็นคนผิว 2 สีค่ะ ไม่ขาวและไม่ได้ดำ แต่ที่จริงตอนลดน้ำหนักใหม่ ๆ 2-3 ปีแรกขาวกว่านี้นะคะ แต่ตอนนี้ผิว 2 สีแบบบริบูรณ์ เพราะช่วงนี้เราเที่ยวบ่อยตากแดดตากลม ดำน้ำ ปีนเขาเลยไม่แปลกที่จะไม่ขาวสักที มาดูวิธีของเรากัน
เราเป็นคนไม่กลัวแดดด้วย ถ้าขาวก็บ้าแล้ว
เราเลยไม่กล้าที่จะแนะนำเรื่องผิวพรรณสักเท่าไร แต่ก็จะมาบอกว่าเรากินอะไรบ้าง
- ช่วงเช้า เราจะกินคอลลาเจนผง 2 ช้อนชา ชงกับน้ำเปล่าเลย 1 แก้ว (กินช่วงท้องว่างนะคะ) ต่อด้วยกินวิตามินซี 1000 มิลลิกรัม 1 เม็ด
- ช่วงก่อนนอน เราจะดื่ม บิวติ ดริ้งค์ 1 ขวด กินรสไหนก็ได้แล้วแต่วันไหนเราอยากกินอะไร เราเลือกกินเพราะมันทำให้ระบบขับถ่ายดี อีกอย่างคอเลสเตอรอลต่ำ กินแล้วไม่อ้วน เวลากินก่อนนอนแล้วตื่นมาถ่ายหมดไส้เลย ตื่นเช้ามาหน้าท้องแบนราบชอบ ๆ
ส่วนเรื่องครีมบำรุงเราก็ทาปกติ ไม่ได้อยากขาวอะไรมากมายชอบผิว 2 สี แต่สิ่งที่อยากมาแชร์ประสบการณ์เพิ่มคือเรื่องการเปลี่ยนรูปทรงของคิ้วเรา
ตอนแรกคิ้วเราจะติดกันแล้วคิ้วจะตก ทำให้ตาเราตกไปด้วยดูไม่สดใส (ตามรูปค่ะ)
วิวัฒนาการของการเปลี่ยนทรงคิ้ว ภาพที่ 3 ที่เราผมยาวแล้วเราแค่ถอนในส่วนของหางคิ้วที่ตกออก แต่ยังเขียนคิ้วไม่เป็น เลยปล่อยไว้แบบนั้น แต่ภาพสุดท้ายฝึกเขียนคิ้วเป็นแล้วคือการเติมหางคิ้วให้ยาวขึ้น แนะนำให้เพื่อน ๆ เลือกทรงคิ้วที่เหมาะกับรูปหน้าตัวเองนะคะ แต่คงไม่ได้สอนเพราะเราก็ถือว่าแต่งหน้าไม่ได้เก่งอะไร แค่จะมาบอกว่าคิ้วก็สำคัญนะคะ ทำให้หน้าเราเปลี่ยนได้ ^^
คิ้วเราจะถูกเปลี่ยนไปตามอารมณ์และทรงผมเสมอ
++++++++++++++
โอ้โห ดูแลตัวเองดีขนาดนี้ บอกเลยว่าดูสวยขึ้นอย่างกับคนละคนเลยทีเดียว สำหรับคุณสาว ๆ คนไหนที่สนใจอยากจะลองเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเธอคนนี้ดูบ้างก็อย่ารอช้ากันอยู่เลยค่ะ รีบลงมือทำซะตั้งแต่วันนี้ แล้วสักวันคุณจะต้องดูดีและสวยขึ้นเหมือนกับเธอคนนี้อย่างแน่นอน สู้ ๆ นะคะสาว ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 2572101 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม