โรคกินไม่หยุด ไม่หิวก็กินไม่ยั้ง รู้ตัวหรือยังว่ากำลังป่วย Binge Eating Disorder

          Binge eating disorder คือ อาการกินไม่หยุด ไม่หิวก็กินเยอะ เป็นอาการทางจิต หรือเกิดจากบ้าลดน้ำหนักเกินไป เช็กให้ไวเราเข้าข่ายป่วยหรือเปล่า
Binge Eating Disorder

          เชื่อว่าอาการกินจุบจิบทั้งวันเกิดขึ้นได้กับหลายคน แต่หากใครลองสังเกตตัวเองแล้วพบว่าที่กิน ๆ เข้าไปนั้นเกินกว่าคำว่าจุบจิบ แถมยังมีพฤติกรรมกินได้ครั้งละมาก ๆ กินแบบไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอบ่อยครั้งในแต่ละสัปดาห์ ขอให้สันนิษฐานไปในด้านลบก่อนเลยว่าคุณกำลังป่วยด้วยโรค Binge eating disorder อยู่

* Binge eating disorder คืออะไร ?

         
Binge eating disorder คืออาการของคนที่กินอาหารได้ครั้งละมาก ๆ และมักจะกินในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังแตกต่างจากโรคกินผิดปกติอื่น ๆ อย่างอะนาเล็กเซีย หรือโรคคลั่งผอม เพราะผู้ป่วยโรค Binge eating disorder บางเคสมักจะไม่พยายามล้วงคอเอาของที่กินไปออกมา หรือพยายามออกกำลังกายเพื่อกำจัดแคลอรีที่กินเข้าไปแต่อย่างใด ทว่าอาจจะมีความรู้สึกผิดและรู้สึกแย่กับพฤติกรรมกินไม่ยั้งของตัวเองแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีพฤติกรรมกินเยอะอีกเรื่อย ๆ (เป็นช่วง ๆ) เหมือนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้* Binge eating disorder เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง ?


          ในส่วนสาเหตุของโรค Binge eating disorder อาจยังไม่มีการฟันธงอย่างแน่ชัด แต่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่าอาจเกิดได้จาก 3 สาเหตุนี้

          1. ความเครียด ความกังวลที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อผู้ป่วยมาก เช่น กังวลในรูปร่างของตัวเอง หรือกลัวอ้วนขึ้นมาก ๆ

          2. พฤติกรรมลดน้ำหนักแบบผิด ๆ เช่น อดมื้อกินมื้อ หรือพยายามงดอาหารจนแทบไม่ได้กินอะไรในแต่ละวัน

          3. ปัญหาทางครอบครัวที่ฝังลึกในจิตใจ หรือความกดดันทางสังคมจนก่อให้เกิดความเครียด

* Binge eating disorder ใครเสี่ยงบ้าง ?

          โรค Binge eating disorder พบมากในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เกิดในช่วงอายุประมาณ 23 ปี โดยเฉลี่ย มีแนวโน้มจะพัฒนามาจากโรคกินผิดปกติอย่างโรคคลั่งผอม จนมาเป็น Binge eating disorder และโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยด้วยโรคนี้จะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

          นอกจากนี้ผู้ป่วยโรค Binge eating disorder มักจะเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ไม่ว่าจะกับเรื่องไหนก็ตาม อีกทั้งกับคนที่ชอบให้รางวัลตัวเองด้วยการกิน กินเพื่อคลายเครียด หรือรู้สึกอะไรก็มักจะกิน คนกลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงเป็นโรค Binge eating disorder มากกว่าคนอื่น ๆ ด้วย

กินอาหาร

* โรค Binge eating disorder อันตรายแค่ไหน ?

          แม้โรค Binge eating disorder จะไม่ใช่โรคร้ายแรงมากนัก แต่ก็สามารถกระทบกับการดำเนินชีวิตและสภาพจิตใจของผู้ป่วยได้ นอกจากนี้หากไม่รักษาอาการ Binge eating disorder อย่างเหมาะสม พฤติกรรมกินเยอะเป็นช่วง ๆ อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพเหล่านี้

          - โรคเบาหวานชนิดที่ 2
          - โรคอ้วน
          - โรคความดันโลหิตสูง
          - โรคหัวใจ
          - ปัญหานอนไม่หลับ
          - ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
          - อาการเจ็บที่กระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อ
          - ประจำเดือนมาไม่ปกติ

กินไม่หยุด

* Binge eating disorder อาการอย่างนี้ล่ะใช่ ต้องใช่แน่ ๆ

          - รับประทานอาหารมากกว่าปกติ มากกว่าที่คนอื่น ๆ เขากินกัน
          - ทุกครั้งที่เริ่มรับประทานอาหาร ก็เหมือนจะควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปไม่ได้
          - กินอาหารด้วยความรวดเร็วเสมอ
          - ยังคงกินอีกได้เรื่อย ๆ แม้จะรู้สึกอิ่มจนแน่นท้องแล้วก็ตาม
          - สามารถกินอาหารในปริมาณมาก ๆ ได้ แม้จะไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด
          - ทุกครั้งที่เกิดอาการก็มักจะหลบไปกินคนเดียว เพราะอายที่จะให้ใครรู้ว่าตัวเองกินอาหารได้เยอะขนาดไหน
          - ยิ่งเครียด ยิ่งอารมณ์เสีย ยิ่งกิน
          - จะรู้สึกผิดและรู้สึกแย่ทุกครั้ง หลังกินอาหารมื้อใหญ่เข้าไปแล้ว

นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีพฤติกรรม หรือการแสดงออกทางอารมณ์เหล่านี้ร่วมด้วย

          - มีพฤติกรรมกินอาหารอย่างลับ ๆ ชอบกักตุนอาหาร หรือขโมยอาหารมากินคนเดียว
          - กังวลกับน้ำหนักตัวและรูปร่าง
          - พยายามอย่างมากที่จะควบคุมตนเอง หรือพยายามลดน้ำหนักอย่างหักโหมเกินพอดี แต่ก็เหมือนเอาชนะใจตัวเองไม่สำเร็จสักเท่าไร
          - รู้สึกเกลียดตัวเองทุกครั้งที่เกิดอาการ Binge eating disorder

          หากสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเกินกว่า 3 ข้อขึ้นไป และมักจะมีอาการอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ นั่นอาจแปลว่าคุณกำลังป่วยโรค Binge eating disorder และควรได้รับการรักษา

Binge Eating Disorder

* Binge eating disorder รักษาได้ ด้วยวิธีต่อไปนี้

          1. บำบัดทางจิต นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์จะใช้วิธีพฤติกรรมบำบัด และค่อย ๆ ปรับทัศนคติต่อการลดน้ำหนัก การระบายอารมณ์ ความเครียด และปรับพฤติกรรมการกินให้เป็นปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป

          2. รักษาด้วยยา จิตแพทย์อาจให้ยาในกลุ่มยาคลายเครียดเพื่อลดอาการ Binge eating disorder ร่วมกับการบำบัดทางจิต ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเครียดหนักมาก

          3. บำบัดพฤติกรรมลดน้ำหนัก วิธีนี้เหมาะจะรักษาผู้ป่วยโรค Binge eating disorder ที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมลดน้ำหนักผิดวิธี โดยจะจัดให้ผู้ป่วยเข้าคอร์สลดน้ำหนักอย่างถูกต้องด้วยเทรนเนอร์และนักโภชนาการ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่คอร์สรับประทานอาหาร วิธีการออกกำลังกาย และการติดตามผล

          อย่างไรก็ตามโรค Binge eating disorder เป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะแอบซ่อนพฤติกรรมบ่งชี้โรคไว้กับตัวเองคนเดียว ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นต้องเริ่มจากการยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยเสียก่อนนะคะ และอย่ากังวลว่าการเข้าพบจิตแพทย์จะหมายความว่าเราเป็นผู้ป่วยโรคจิต คิดไว้อย่างเดียวว่าหากรักษาตัวเองหายจากโรค Binge eating disorder ได้เมื่อไร เราก็จะใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขเมื่อนั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
everyday health
WebMd
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรคกินไม่หยุด ไม่หิวก็กินไม่ยั้ง รู้ตัวหรือยังว่ากำลังป่วย Binge Eating Disorder อัปเดตล่าสุด 15 มิถุนายน 2564 เวลา 10:16:31 79,645 อ่าน
TOP
x close