สาธารณสุขเตือน กินโอเซลทามิเวียร์ หยุดยาเอง เจอดื้อยา (ข่าวสด)
น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเริ่มตรวจพบเชื้อดื้อยาโอเซลทามิเวียร์ ว่า ปัญหาการดื้อยาต้านไวรัสมีโอกาสเกิดขึ้นได้ และยิ่งใช้ยากับคนเป็นจำนวนมากโอกาสเกิดการดื้อยาก็จะมีมากขึ้น และสาธารณสุขก็มีความระมัดระวังในการใช้ยา โดยกำหนดให้ใช้ยานี้ในผู้ป่วยหนักและผู้ที่เสี่ยงมีอาการป่วยรุนแรง ซึ่งจะให้ผลการรักษาดีที่สุดใน 48 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมงแรกที่เริ่มป่วย จึงย้ำเตือนให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่กำลังกินยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อยู่ในขณะนี้ หากหลังกินยาแล้วอาการดีขึ้น อย่าหยุดกินยากลางคัน ขอให้กินจนครบตามแพทย์สั่ง คือวันละ 2 เม็ด ครั้งละ 1 เม็ด เช้าและเย็น จนครบ 5 วัน รวม 10 เม็ด ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยา และแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถใช้ยาตัวเดิมได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับยาจะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด
น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกรวมทั้งคนไทยมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เท่ากัน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิต้านทานเชื้อนี้มาก่อน ในส่วนของไทยคาดว่าจะมีผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคนี้แล้วประมาณ 3-5 แสนคน ดังนั้น คนที่ยังไม่ป่วยขอให้ป้องกันตนเองไม่ให้รับเชื้อ ทั้งนี้ การติดเชื้อจากผู้ป่วยมี 4 กรณีใหญ่ๆ ได้แก่
1.การอยู่ใกล้กับผู้ป่วยในระยะ 1–2 เมตร เช่น หันหน้าคุยกัน หรือถูกผู้ป่วยไอ จามรด โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ใส่หน้ากากอนามัย
2.การใช้ของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ หรือกินอาหารจากภาชนะเดียวกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง
3.ใช้มือสัมผัสสิ่งของที่อาจมีน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยติดอยู่แล้วเอามือขยี้จมูก ปาก หรือตาตนเอง
4.อยู่ในสถานที่ปิดอับทึบ อากาศถ่ายเทไม่ดี และมีผู้ป่วยปะปนอยู่ เช่น สถานบันเทิง อาจมีโอกาสรับเชื้อโดยสูดหายใจเอาเชื้อโรคเข้าไป เพราะเชื้อโรคที่ผู้ป่วยไอหรือจามออกมาจะถูกสะสมไว้มากและมีความเข้มข้นสูง ซึ่งเชื้อโรคมีชีวิตอยู่ได้ 4–6 ชั่วโมง มีโอกาสที่จะแพร่กระจายอยู่ในอากาศได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ดังกล่าว
น.พ.สุพรรณ กล่าวว่า สำหรับตามบ้านเรือนต่างๆ หากมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ขอให้หยุดงาน หยุดเรียนให้ครบ 7 วันตั้งแต่วันที่เริ่มป่วย และป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่คนในบ้าน โดยแยกผู้ป่วยให้พักผ่อนเต็มที่อยู่ในห้องส่วนตัว ให้ล้างมือบ่อยๆ แยกของใช้ส่วนตัว กินข้าวแยกต่างหาก สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา อยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร และเวลานอนให้อยู่ด้านใต้ลม ส่วนเด็ก คนแก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ห่างจากผู้ป่วย และหมั่นล้างมือ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามสายด่วนไข้หวัดใหญ่ 1422 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ส.ค.เวลา 13.00 น. จะมีการประชุมของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมี ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน โดยจะนำข้อมูลเรื่องการดื้อยาที่พบจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เข้ามาพิจารณาและดูแนวโน้มอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
