จริงดิ ! เพลงปีใหม่-คริสต์มาส กล่อมประสาท ชวนคนอยากช้อป


เพลงคริสต์มาส


คริสต์มาส... เพลินเพลงเพลินช็อป จับจ่ายอย่างฉลาดอย่าให้พลาดเพราะมนต์เสียงเพลง (Momypedia)

          "We wish you a merry Christmas, we wish you a merry Christmas….and a Happy New Year"

          ในช่วงเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสแบบฝรั่ง และเทศกาลฉลองปีใหม่แบบสากลเช่นนี้ เราคงหนีไม่พ้นที่จะเจอเพลงประเภทนี้ใช่ไหมคะ โดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ เรียกได้ว่าเปิดกันเที่ยงวันยันเที่ยงคืนกันไปเลย แต่คุณทราบไหมคะว่า เพลงประจำเทศกาลที่เราฟังกับเพลิน ๆ จนแอบฮัมตามอยู่บ่อย ๆ ถือเป็นยากล่อมประสาทชั้นดีที่ทำให้คุณเผลอช้อปปิ้งโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

          เมื่อหลายปีก่อนเคยมีคนพูดติดตลกว่า เพลงคริสต์มาสและเพลงปีใหม่เป็นเหมือนยากล่อมประสาทขนานเอกที่ได้ยินในช่วงเทศกาลเมื่อไหร่จะรู้สึกอยากจับจ่ายซื้อของขึ้นมาเมื่อนั้น เพราะแบบนี้นี่เองที่ทำให้ห้างใหญ่พากันเปิดเพลงจิงเกิลเบลล์กันแบบสู้ตายเพื่อหวังกระตุ้นยอดขายปลายปี โดยบอกถึงขนาดที่ว่าในเพลงเหล่านี้จะมีข้อความพิเศษ หรือเสียงดนตรีบางเสียงที่สอดแทรกอยู่ซึ่งจะสะกดจิตเราให้รู้สึกอยากซื้อของขึ้นมาทันที


วันคริสต์มาส

          นักจิตวิทยาดนตรี ดร.เอเดรียน นอร์ธ ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ และระบุว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องน่าเบื่อมากที่ตามห้างต่าง ๆ จะเปิดเพลงคริสต์มาสและเพลงปีใหม่วนสลับ ๆ กันทั้งวัน ซึ่งถ้าไปนั่งนับกันจริง ๆ แต่ละเพลงจะเปิดเฉลี่ยถึงวันละ 26 ครั้งเลยทีเดียว และแทนที่เขาจะมีความสุขกลับกลายเป็นว่ารู้สึกอึดอัดมากกว่า ในขณะที่เพลงเฉลิมฉลองแบบนี้กลับทำให้บรรดาพนักงานห้างมีความสุขกันมากขึ้น เพราะมีความรู้สึกว่าแรงกดดันในงานขายลดลง เนื่องจากมีลูกค้ามาจับจ่ายกันเยอะขึ้นโดยไม่ต้องเสียแรงเชียร์กันจนคอโป่งเหมือนตอนกลางปี

          ดร. นอร์ธ กล่าวว่า ดนตรีและเพลงคริสต์มาสมีผลต่ออารมณ์ของเราเป็นอย่างมาก ดังจะสังเกตได้จากทุกครั้งที่เราได้ยินเพลงนี้ในช่วงเทศกาล เราจะรู้สึกได้ว่าอารมณ์สงบลง มีความรู้สึกสนุกสนาน เบิกบาน ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เราอยากทำสิ่งดี ๆ ให้อื่นและตัวเอง และสิ่งดี ๆ ที่ว่านั้นคือการมอบของขวัญให้กันและกัน และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการซื้อของนั่นเอง

          อีกนัยหนึ่งคือ เพลงคริสต์มาสและเพลงปีใหม่เป็นเหมือนสัญญาณอย่างหนึ่งในการเตือนเราว่าถึงเทศกาลที่ควรจะเฉลิมฉลอง และมอบความสุขให้แก่กัน ซึ่งของขวัญ หรือการจับจ่ายข้าวของก็เป็นเหมือนกิจกรรมหนึ่งที่ควรทำในเทศกาลเช่นนี้ พูดง่าย ๆ คือเพลงเทศกาลเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกเตือนให้เรารู้ตัวว่าจะต้องรีบออกไปจับจ่าย สิ่งนี้เมื่อทำบ่อย ๆ และซ้ำ ๆ ก็จะถูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกไปโดยปริยาย


วันคริสต์มาส

 
         สำหรับในบ้านเรา แน่นอนว่าเทศกาลและการจับจ่ายให้ของแทนรักซึ่งกันและกันนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด เพราะเดิมทีเมื่อถึงเทศกาลปีใหม่หรือแม้แต่วันสงกรานต์ สิ่งที่เราปฏิบัติมักจะเป็นการรวมตัวกับของหมู่ญาติพี่น้องเพื่อมาสังสรรค์และแสดงความรักกันแบบเรียบง่าย เช่น การกราบอวยพรและรับพรจากญาติผู้ใหญ่ การร่วมทำอาหารรับประทานกันในครอบครัว หรือการทำบุญ แต่เมื่อวัฒนธรรมตะวันตกมาเยือนเรามากขึ้น วิถีแบบเดิมก็เริ่มจางหายไปและกลายเป็นว่าเมื่อถึงเทศกาลเฉลิมฉลองเราจะต้องนึกถึงการจับจ่ายและให้ของขวัญเป็นหลัก

          ในยุคและช่วงเวลาแบบนี้ไม่ว่าเราจะยังยึดวิถีแบบไทย ๆ หรือจะเดินไปพร้อมกับวิถีตะวันตก สิ่งที่เราต้องคิดถึงอยู่เสมอคือความสุขและความประหยัดเป็นสำคัญค่ะ จ่ายแต่พอดี ให้แต่พองาม เพราะสิ่งที่สำคัญเกินกว่าข้าวของคือความจริงใจ ความรัก และความปรารถนาดีที่มีให้กันเป็นสำคัญ

          ต่อไปนี้เวลาเดินเข้าห้างแล้วได้ยินเพลงคริสต์มาสดังแว่ว ๆ ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อย่าไปเปิดใจเพลินจนซื้อของแบบลืมตัวแล้วกันนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเข้าข่ายกระเป๋าแบนแทนที่จะเอาฤกษ์เอาชัย ด้วยการมีกระเป๋าตังค์ตุง ๆ ข้ามปี


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จริงดิ ! เพลงปีใหม่-คริสต์มาส กล่อมประสาท ชวนคนอยากช้อป อัปเดตล่าสุด 23 ธันวาคม 2559 เวลา 10:21:19 1,733 อ่าน
TOP
x close