เหา แค่ได้ยินชื่อก็ร้องยี้ เรามาทำความรู้จักกับเหา และวิธีกำจัดเหา เพื่อที่เราจะได้รับมือกับมันได้ยังไงล่ะ
พูดถึงเจ้าแมลงตัวเล็ก ๆ ที่มักชอบอาศัยอยู่บนตัวคน
และกินเลือดคนเป็นอาหาร แถมยังสร้างความรังเกียจให้แก่คนรอบข้าง
ก็คงหนีไม่พ้นเจ้าแมลงที่ชื่อว่า เหา ที่เชื่อว่าหลาย ๆ
คนก็คงจะรู้จักมันดีมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะตอนเด็ก ๆ
เรามักจะได้ยินคุณครูบอกว่าอย่าเข้าใกล้คนที่เป็นเหา
บางคนอาจจะหนักหน่อยเพราะเคยถูกเจ้าเหายึดครองพื้นที่บนหนังศีรษะ
จนคุณพ่อคุณแม่ถึงกับต้องไปเสาะหาวิธีกำจัดเหาสารพัดวิธี
กว่าจะหายก็ใช้เวลากันนานเลยเชียวล่ะ
แถมบางคนจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าเหานี่มาจากไหน เป็นอย่างไร
และก็ยังไม่รู้ว่าถ้าเกิดติดเหาแล้วจะกำจัดมันอย่างไร
วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำทุกท่านไปรู้จักกับ เหา ปรสิตตัวแสบที่ชอบอพยพไปบนร่างกายของคนเรากันค่ะ และมาดูวิธีกำจัดเหาที่รับรองหายชะงัด เผื่อใครมีญาติพี่น้องหรือลูกหลานกำลังเจอเหาจู่โจมจะได้จัดการกับมันได้ทันก่อนที่จะกระจายไปสู่คนใกล้ตัวค่ะ
เหาคืออะไร
เหา หรือที่มีชื่อเรียกทางวิ ทยาศาสตร์ว่า Pediculus humanus เป็นแมลงในกลุ่มปรสิต อาศัยอยู่บนร่างกายคน และดำรงชี วิตด้วยการกินขี้ไคลบนหนังศี รษะของคนเรา เหามีมากกว่า 3,000 ชนิด ซึ่งบางส่วนเป็นปรสิตที่อยู่ ในสัตว์ แต่ที่เป็นชนิดที่อยู่ในคนนั้ นมีเพียงแค่ 3 ชนิด ได้แก่
- เหาที่อยู่บนศีรษะ
- เหาที่เกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- เหาที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือโลน
โดยเหาแต่ละชนิดจะอาศัยอยู่ ในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย อาทิ บนศีรษะ บนร่างกาย และบริเวณอวัยวะเพศ เหาสามารถแพร่กระจายจากคนสู่ คนได้ โดยการอยู่ใกล้ชิดและคลุกคลีกั บผู้ที่เป็นโรคเหา จึงทำให้ผู้ที่เป็นโรคเหานั้นมักจะถูกสังคมรังเกียจ ซึ่งอาการที่มักจะพบได้จากคนที่ เป็นเหาก็คืออาการคันและเป็ นแผลติดเชื้อบนหนังศีรษะ อันเนื่องมาจากการระคายเคือง นอกจากนี้เหายังชอบวางไข่เอาไว้ ตามเส้นผมของเราจนทำให้เห็นเป็ นจุดขาว ๆ ตามเส้นผม แถมยังเกาะแน่นอีกด้วย โดยจะไม่หลุดไปถึงแม้ว่ าจะหายเป็นเหาแล้วก็ตาม
วงจรชีวิตของเหา
ตลอดชีวิตแม่เหาหรือโลน 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ถึงเกือบ 300 ตัว โดยแต่ละชนิดมีอัตราการวางไข่ ดั งนี้
- เหาที่อยู่บนศีรษะ : 50-150 ฟอง
- เหาที่เกาะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย : 270-300 ฟอง
- โลน : 26 ฟอง
โดยไข่เหาทุกชนิดจะมีสีขาวขุ่น
และเกาะแน่นบริเวณโคนผมและขน มีระยะเวลาในการฟัก 7-10 วัน
ตัวกลางวัยจะลอกคราบทั้งหมด 3 ครั้ง และใช้ระยะเวลาในการเจริ ญเติบโต 7-13 วัน ส่วนตัวเต็มวัยจะมีอายุ 2-4 สัปดาห์ หลังจากนี้จะมีการผสมพันธุ์ และวางไข่ภายใน 1-2 วัน
สาเหตุของการเกิดโรคเหา
โรคเหาเกิดจากการไม่รั กษาความสะอาดของร่างกาย เพราะเหานั้นชอบอาศัยอยู่ในบริ เวณที่สกปรก โดยแต่ละชนิดมีปัจจัยในการเกิ ดแตกต่างกัน ได้แก่
- เหาที่ศีรษะ
การติดเหาที่ศีรษะ เกิดขึ้นมาจากอาศัยอยู่ใกล้ชิ ดและคลุกคลีกับคนที่เป็นเหา
รวมทั้งการใช้สิ่งของร่วมกัน อย่างเช่น หวี หมวก ผ้าเช็ดตัว ที่มัดผม
และไดร์เป่าผม โดยมีการศึกษาพบว่าการหวี ผมอาจส่งผลทำให้เหาออกไปได้ ไกลถึง 1 เมตร ดังนั้น เราจึงมักพบเหาในเด็กเสี ยเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเด็กมักอยู่ใกล้ชิดกั นมากกว่าผู้ใหญ่
- เหาที่ร่างกาย
เหาที่เกิดขึ้นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดจากการไม่รักษาความสะอาด และการอาศัยคลุกคลีกับคนที่มี เหา เหาบนร่างกายจะเกิดขึ้นกับคนที่ ไม่ค่อยอาบน้ำหรือไม่ได้เปลี่ ยนและซักเสื้อผ้า ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นในกลุ่ มคนที่ต้องเดินทางไกล ๆ เป็นเวลานานมาก ๆ นักโทษ หรือคนเร่ร่อนนั่นเอง โดยเหาประเภทนี้มักจะอาศัยอยู่ บนเสื้อผ้าและจะคลานออกจากเสื้ อผ้ามาดูดเลือดบนร่างกายคน เหาชนิดนี้ตัวใหญ่กว่าเหาบนศี รษะเล็กน้อย
- เหาที่อวัยวะเพศ หรือโลน
เหาที่บริเวณอวัยวะเพศ
มักจะเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์
โดยส่วนใหญ่มักจะพบเหาชนิดนี้ในกลุ่มวัยเจริญพันธุ์
หรือแม้แต่ในเด็กก็สามารถพบได้ถ้าหากเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นโลน
บางครั้งก็อาจจะเกิดจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโลน
นอกจากนี้เหาชนิดนี้ยังอาจอาศัยอยู่บนตัวสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ รวมทั้งหมูได้
หรือในทางกลับกัน โลนของสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ และนก
ก็อาจจะมาติดอยู่บนตัวคนได้เช่นกัน โลนมีลักษณะลำตัวแบนกว้าง
และขาตรงปลายมีตะขอใหญ่ ดูคล้ายปู
ดังนั้นจึงอาจจะถูกเรียกเป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า Crab ได้อีกด้วย
โลนจะเกาะอยู่กับเส้นขนบริเวณอวัยวะเพศ
และดูดกินเลือดบริเวณหัวหน่าวและขาหนีบ ขนาดของเหาจะกว้างประมาณ 0.8-1.2
มม. โดยเป็นเหาที่ไม่ค่อยเคลื่อนตัว หากอยู่นอกตัวคน
เหาชนิดนี้จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 วัน
ภาพประกอบจาก โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
อาการของเหา
นอกจากอาการคันแล้ว เหาทั้ง 3 ชนิดยังก่อให้เกิดตุ่มนูนแดงเล็ก ๆ โดยหากเป็นเหาที่อยู่บนศีรษะก็ จะไปรบกวนการนอนหลับ แต่บางคนก็อาจจะไม่มี อาการอะไรเลย จะพบแค่เพี ยงรอยเกาบนศีรษะ ไข่เหา และตัวเหาเท่านั้น ซึ่งโดยปกติเหาบนศีรษะมักจะอยู่ บริเวณหลังใบหู
ส่วนเหาบนลำตัวนั้นอาจจะทำให้พบผื่นแบนเรียบเล็ก ๆ ที่ออกสีเทา-น้ำเงิน
ซึ่งเป็นอาการที่น้ำลายจากเหาไปทำปฏิกิริยากับองค์ ประกอบในเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดเปลี่ยนสีไป ส่วนโลนนั้นจะคล้ายคลึงกั บ 2 ชนิดข้างต้น แต่หากอาการรุนแรงก็อาจจะทำให้ เกิดอาการต่อมน้ำเหลืองบริ เวณขาหนีบและรักแร้โตได้
ผลข้างเคียงจากโรคเหา อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
โรคเหาเป็นอาการที่ควรจะทำการรั กษาอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้อาการลุกลามและเรื้อรั งจนยากต่อการรักษา เพราะอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคี ยงที่อันตราย ดังนี้
- เส้นผมพันกันกลายเป็นก้อน มีสะเก็ดหนอง และมีกลิ่นเหม็นรุนแรง
- บนผิวหนัง หากไม่ทำการรักษาอาจจะทำให้ผิ วหนังหนาตัวและมีสีคล้ำขึ้น
- เกิดอาการอักเสบและเป็นฝีหนอง เนื่องมาจากการเกาจนผิวหนั งถลอกและติดเชื้อแบคทีเรี ยบางชนิด
- เป็นพาหะของการเกิดโรคร้ายแรงต่ าง ๆ เช่น โรคไข้รากสาดใหญ่ โรคไข้เทรนช์ และโรคไข้กลับ แต่เหาไม่สามารถแพร่เชื้อ HIV ได้
วิธีกำจัดเหา
วิธีการรักษาเหา จะต้องทำการรักษาผู้ที่เป็ นเหาและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดควบคู่ กันไป โดยต้องทำการควบคุมไม่ให้ เหาแพร่กระจาย และป้องกันไม่ให้เกิดการติ ดเหาซ้ำค่ะ โดยเหาแต่ละชนิดมีวิธีการรั กษา ดังนี้
เหาบนศีรษะ
- ใช้ยาฆ่าแมลงที่ทำพิเศษเพื่อฆ่ าเหาบนศีรษะ เท่านั้น ซึ่งยาชนิดนี้มีทั้งในรูปแบบครีม เจล หรือโลชั่น และห้ามซื้อยาฆ่าแมลงตามท้ องตลาดมาใช้เอง
โดยยาฆ่าเหาชนิดนี้มีวิธีใช้คือ สระผมให้สะอาดแล้วใส่ยาหมักไว้ 10 นาที
แล้วล้างออก บางชนิดก็อาจต้องทิ้งไว้ข้ามคืน และควรใช้สัปดาห์ละครั้งเพื่ อให้เหาที่ออกจากไข่ได้ถูกทำลาย และไม่เป็นอันตรายกับหนังศีรษะ
- การสางผม วิธีนี้นิยมใช้ในเด็กอายุต่ำกว่ า 2 ขวบ เพราะอายุน้อยเกินกว่าจะใช้ยาฆ่ าเหาได้ ซึ่งหวีที่ใช้สางผมจะต้องเป็ นหวีที่มีซี่หวีถี่ ๆ กว่าหวีทั่วไป หรือที่เรียกว่า "หวีเสนียด" โดยก่อนจะสางผมต้องทำให้ผมเปี ยกและลื่นก่อน โดยใช้ครีมนวดผม น้ำมันมะกอก และบางคนก็เชื่อว่าต้องใช้ น้ำมันเบนซิน ซึ่งไม่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะน้ำมันเบนซินอาจทำให้เกิ ดอาการระคายเคืองกับหนังศี รษะได้
- ยากินฆ่าเหา บางรายที่มีอาการเหาที่ไม่ สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้ อาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรับยารั บประทานรักษาอาการเหา ซึ่งยาชนิดนี้จะต้องได้รับการสั่งจากแพทย์เท่านั้น
- หากใช้วิธีรักษาใด ๆ แล้วรักษาไม่หาย ก็ควรโกนผมเพื่อเป็นการกำจัดต้ นตอของเหา แต่ควรจะใช้เป็นวิธี สุดท้ายค่ะ
เหาบนร่างกาย
ในผู้ที่เป็นเหาบนร่างกาย ไม่จำเป็นต้องกินยา หรือใช้วิธีรักษาเดียวกั บเหาบนศีรษะ เพราะเหาชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่ บนเสื้อผ้า โดยหากพบอาการเหาบนร่ างกายควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าเช็ดตัว โดยถ้าหากไม่ต้องการทิ้งเสื้อผ้ า ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน และผ้าเช็ดตัว ของเดิมที่มีเหาอาศัยอยู่ ก็จำเป็นจะต้องนำไปซักและแช่ ในน้ำร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า
55 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 นาทีขึ้นไป ซึ่งวิธีนี้ทำให้ทั้งตัวเหาและไข่เหาตายได้ แต่ถ้ายังไม่หายก็ควรรั บประทานยากินควบคู่ไปกับการรั กษาความสะอาดของร่างกายให้ มากกว่าปกติค่ะ
โลน
โลนเป็นเหาที่ขึ้นตามอวัยวะเพศ แต่ถ้าหากอาการรุนแรงก็อาจทำให้ เหาขึ้นตามบริเวณคิ้วหรื อขนตาได้ โดยหากมีโลนขึ้นบริเวณดังกล่ าวละก็ ห้ามใช้ยาฆ่าเหาชนิดเดียวกับที่ ใช้กับศีรษะเด็ดขาดเลยค่ะ เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายกั บดวงตาได้ วิธีรักษาคือ การใช้สารเคมีที่มี ความหนืดเพื่อไปขั ดขวางการหายใจของตัวเหา โดยอาจใช้เจลปิโตรเลียมหรือน้ำมันมะกอก นอกจากนี้ยังมียาสำเร็จรูปสำหรั บรักษาอาการโลน อย่างเช่น Benzyl alcohol lotion โดยใช้ซ้ำทุก ๆ 7-10 วัน เนื่องจากยาชนิดนี้ไม่ สามารถกำจัดไข่ของโลนได้ นอกจากนี้ยังควรหมั่นโกนขนบริ เวณจุดซ่อนเร้น ขนรักแร้และหน้าท้องออก เพื่อเป็นการกำจัดแหล่งที่อยู่ ของโลนได้ค่ะ
เหา กำจัดได้ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว
* สูตรที่ 1
- ใช้น้ำส้มสายชูชโลมศีรษะ เอาผ้าโพกหัวสักครึ่งชั่วโมง
- สระผมให้เสร็จแล้วสางผมเพื่ อเอาตัวเหาและไข่เหาออกไป ทำซ้ำทุก 2 สัปดาห์ เพราะน้ำส้มสายชูทำให้ไข่เหาร่ วงหลุดไปได้ แต่ควรใช้น้ำส้มสายชูแท้เท่านั้ น
* สูตรที่ 2
- เอาผลมะกรูดที่แก่จัดไปเผาไฟหรื อย่างไฟให้สุก ทิ้งไว้ให้เย็น
- นำมาคลึงให้มีน้ำมาก ๆ แล้วผ่าครึ่ง บีบน้ำลงบนหัวขยี้ให้ทั่ว
- ใช้หวีถี่ ๆ สางเส้นผม จะมีไข่เหาติดออกมา ทำอาทิตย์ละครั้ง ติดต่อกัน 3 ครั้ง
* สูตรที่ 3
- นำใบน้อยหน่ามา 5-8 ใบ โขลกให้ละเอียด ผสมน้ำและทาผมให้ทั่ว เอาผ้าคลุมไว้สักครึ่งชั่วโมง
- ล้างน้ำออก สระผมด้วยยาสระผมอีกครั้ง แล้วสางผมเพื่อเอาตัวเหาและไข่ เหาออก
- หลีกเลี่ยงอย่าให้น้ำน้อยหน่ าเข้าตา เพราะจะทำให้แสบตามาก
* สูตรที่ 4
- นำใบสะเดาแก่ ๆ สัก 2-3 กำมือ โขลกให้ละเอียด ผสมน้ำพอเหลวนิดหน่อย
- ทาผมให้ทั่วปล่อยให้แห้ง แล้วค่อยสระผมด้วยแชมพู
* สูตรที่ 5
- เอาลูกบวบขมแกะเปลือกออก เอาน้ำในลูกบวบขมทาผมให้ทั่ว ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที
* สูตรที่ 6
- ใช้ผลมะตูมสุกมาผ่า เอายางจากผลมะตูมสุกทาผม แล้วหวีให้ทั่ว
- ปล่อยไว้ให้แห้ง เหาจะตายหมด แล้วล้างน้ำ ต่อจากนั้นจึงหวีออก
วิธีการป้องกันเหา และโลน
การรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีป้องกันเหาที่ดีที่สุด และไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้ อื่น เพราะเราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายติ ดเหาหรือไม่ และถ้าหากต้องนำของใช้ที่ผู้เป็ นเหาหรือโลนใช้มาใช้ต่อ ก็ควรนำไปซักและแช่น้ำอุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นาน 5 นาทีขึ้นไป นอกจากนี้ถ้าหากมีคนใกล้ตัวติ ดเหาหรือโลนก็ไม่ควรที่จะเข้าไปคลุกคลีด้ วยจนกว่าจะรักษาหาย เพื่อที่ จะได้ไม่ติดเหาหรือโลนมาค่ะ
เหา ทำให้ติดเชื้อ HIV ได้หรือไม่ ?
มีหลายคนเชื่อว่าการติ ดเหาอาจนำมาสู่การติดเชื้อ HIV ได้ โดยถ้าหากเลือดที่อยู่ในตั วเหาหรือโลนนั้นมีเชื้อ HIV อยู่ ก็อาจจะทำให้คนที่มีเหาหรื อโลนเหล่านั้นมาอาศัยอยู่บนร่ างกายได้รับเชื้อ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นความเชื้อที่ผิดค่ะ เพราะว่ามีการยืนยันจาก Rick
Sowadsky M.S.P.H ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ สุขภาพ จากโปรแกรมเอดส์แห่งกองสุ ขภาพแห่งรัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วว่ า โดยปกติแล้วเชื้อ HIV ไม่สามารถอยู่นอกร่างกายมนุษย์ ได้ และที่สำคัญ เชื้อ HIV ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในแมลงได้ ค่ะ ดังนั้นวางใจได้เลย ถึงแม้จะติดเหาหรือโลนก็ไม่มี ทางติดเชื้อ HIV อย่างแน่นอน ยกเว้นแต่ในกรณีที่ผู้ที่ติ ดโลนมานั้นมีเพศสัมพันธ์กับผู้ ที่มีเชื้อ HIV แบบนั้นมีความเสี่ยงแน่นอนค่ะ
เหา ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงปรสิตตั วเล็ก ๆ แต่มันก็สามารถจู่โจมเราได้ หากเราไม่รักษาความสะอาดและดูแลสุ ขอนามัยของตัวเองให้ดี และแน่นอนว่าถ้ามันจู่โจมเราแล้ ว หากเรารับมือกับมันไม่ได้ ปัญหาที่เราจะต้องเผชิญก็จะไม่ ใช่แค่เพียงเจ้าพวกตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ แต่จะเป็นชีวิตทางสังคมของเราอี กด้วย ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากถูกสังคมรั งเกียจและไม่อยากจะมานั่งคันทั้ งวี่ทั้งวันละก็ อาบน้ำและหมั่นสระผมบ่อย ๆ นะ จะได้ไม่ต้องเจอเจ้ าเหาและโลนไงล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก