x close

แชร์ประสบการณ์... จากสาวออฟฟิศวัย 30+ สู่สังเวียนมวยไทย !

สาวออฟฟิศ 30+
ลองมาดูประสบการณ์ชกมวยของสาวออฟฟิศ 30+ คนนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันเลยจ้า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ หนมตาลนึ่ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

           การชกมวย ถือเป็นกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาว ๆ เพราะนอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังถือเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างหนึ่ง สำหรับสาว ๆ คนไหนที่กำลังสนใจจะฝึกกีฬามวยไทยอย่างจริงจัง ลองมาดูประสบการณ์ชกมวยของสาวออฟฟิศคนนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันเลยค่ะ

           สำหรับเรื่องราวที่กระปุกดอทคอมได้นำมาแชร์ประสบการณ์ให้สาว ๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณ หนมตาลนึ่ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งเธอคนนี้เป็นสาวออฟฟิศวัย 30 อัพ ที่เคยขึ้นสังเวียนชกมวยไทยมาแล้วถึง 2 ครั้ง เห็นอย่างนี้ต้องขอแสดงความนับถือเธอคนนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะอายุไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับการชกมวยของเธอเลย แถมยังทำได้ดีมาก ๆ อีกด้วย ดังนั้นสาว ๆ ทั้งหลายที่กำลังชื่นชอบกีฬาชกมวย หรือในชีวิตนี้มีความฝันว่าอยากจะลองขึ้นชกมวยบนเวทีสักครั้ง อย่าเพิ่งท้อนะคะ ลองอ่านเรื่องราวของเธอดู รับรองว่าถ้าหากคุณใจสู้ และมุ่งมั่นตั้งใจ เป้าหมายของการเป็นนักมวยหญิงก็อาจจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมก็เป็นได้

           แต่ก่อนที่สาว ๆ จะไปฝึกชกมวยอย่างจริงจัง ลองมาดูเส้นทางของคุณหนมตาลนึ่ง สาวออฟฟิศวัย 30 อัพคนนี้กันดีกว่าค่ะ ดูสิว่าการก้าวขึ้นสู่สังเวียนมวยไทยของเธอนั้นจะโหดและมันส์แค่ไหน ไปติดตามกันเลย...



           นี่เป็นการเล่าประสบการณ์เรียนมวยไทยค่ะ คิดว่าบางคนเรียนไปสักพักคงอยากจะขึ้นชกบ้าง ซึ่งการออกกำลังกายนั้นบางทีต้องสร้างแรงจูงใจแบบต่าง ๆ กันไปค่ะ และการลงแข่งขันก็เป็นเป้าหมายที่น่าสนุกมาก เราเลยอยากมาเล่าประสบการณ์การขึ้นชกด้วยการไม่เจียมสังขารให้สาว ๆ ได้ชมกัน ซึ่งเป็นการขึ้นชกมวยไทยสองครั้งค่ะ

ชกมวยไทยครั้งแรก

           เราเริ่มหัดมวยไทยตอนอายุ 34 ปีเศษ ๆ ค่ะ เมื่อต้นปี 2013 หัดตอนเย็นหลังเลิกงาน แบบพนักงานออฟฟิศทั่วไป อาทิตย์ละ 3-4 วัน หัดไปสัก 9-10 เดือนก็อยากขึ้นชกสักที พอดีทางแฟร์เท็กซ์จัด Smoker#1 เป็นการแข่งขันชกมวยไทยสมัครเล่นเพื่อให้คนที่เพิ่งหัดมวยไทยได้สัมผัสการแข่งขันบ้าง เรารู้ข่าวก่อนแข่งประมาณ 10 วันค่ะ ฟิตไม่ทันแน่นอน แต่ก็ลงสมัครค่ะ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของเทรนเนอร์และเพื่อน ๆ ญาติ ๆ

การฟิตซ้อมก่อนการแข่งขัน

           ต้องบอกว่าไม่มีอะไรพิเศษนอกเหนือไปจากการซ้อมปกติเลยค่ะ การกินก็ปกติ สบาย ๆ เน้นอิ่ม ไม่อดค่ะ 10 วันก่อนแข่งก็คือแต่ละวันจะยืดเหยียดก่อนซ้อม 5 นาที กระโดดเชือก 500 - 1000 ครั้ง, ล่อเป้า 5 ยก, บางวันก็มีลงนวม 3 ยก เทรนเนอร์ก็พยายามโน้มน้าวให้ถอนตัว

           ขู่ว่าเจ็บบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตัดสินใจแล้วนี่คะ

วันชั่งน้ำหนัก

           ไปคนเดียวเลยค่ะ  แอบเหงาเหมือนกันเพราะคนอื่นที่มาก็มีทางค่ายพามา มีเพื่อน ๆ มาด้วย ไม่กินข้าวเช้าเลยค่ะ ได้ขึ้นตาชั่งตอนเกือบ ๆ 10 โมง หิวมากกกก ชั่งได้ 53 กิโลกรัม เนื่องจากการจัดครั้งแรกมีมวยหญิงน้อยค่ะ ทีมงานของแฟร์เท็กซ์ (เข้าใจว่าคงเป็นครูมวย) จึงเสนอว่าชกกับลูกสาวเขามั้ย น้องอายุ 13 ปีค่ะ รุ่นลูกเลยทีเดียว น้ำหนักน้องก็ไม่ได้ชั่ง แต่คิดว่าน่าจะหนักกว่าเรา แต่กลัวไม่มีคู่ชก เลยตอบตกลง ชั่งน้ำหนักเสร็จก็ปอบลงเลยค่ะ  กิน ๆๆๆๆๆๆ แบบให้สะใจ

สาวออฟฟิศ 30+

วันขึ้นชกจริง (อยู่มุมน้ำเงินค่ะ)

           คือชั่งน้ำหนักวันเสาร์ วันอาทิตย์ก็ชกเลยค่ะ คราวนี้มีเพื่อน ๆ ไปด้วย ก่อนแข่งก็วอร์มเบา ๆ นวดน้ำมันมวย เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปใส่อุปกรณ์ป้องกัน และนวมขนาด 10 ออนซ์ เห็นแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อย คิดว่าคงไม่เจ็บมาก

           ชกยกละ 2 นาที พัก 2 นาที ระหว่างที่ชก 2 นาทีนี้ เป็น 2 นาทีที่ยาวนานมากจริง ๆ ค่ะ ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ (แต่พอทนค่ะ) แบบคอแห้งเป็นผง หายใจไม่ทัน โดนต่อยทีหน้าหงาย เพราะการ์ดตกตลอด ๆ (คอเคล็ดไปหลายวัน) เข้าใจว่า เสียงเชียร์ เสียงพี่เลี้ยงคงดังทีเดียว แต่ตอนนั้นไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ T_T คิดว่าค่อนข้างเป็นรอง แต่ยกสองนี้ฟลุ๊ค คู่ชกล้มไปกองกับพื้น ไม่รู้โดนอะไร เพราะมั่ว ยกสามเราโดนจัดหมัดชุดใหญ่ แต่ยังทรงตัวยืนอยู่ได้ ครบสามยกอย่างไม่น่าเชื่อ กรรมการชูมือเสมอค่ะ

สาวออฟฟิศ 30+

ชกมวยไทยครั้งที่สอง

           ครั้งที่สองนี้ เป็นการชกแบบอาชีพค่ะ ไม่มีเครื่องป้องกัน มีการไหว้ครูก่อนชก เทรนเนอร์หามวยใหม่ ๆ ไปชกโปรโมทตลาดนัดแห่งหนึ่ง ย่านศรีนครินทร์ เราก็กลัวเจ็บเหมือนกันนะคะ แต่ได้ค่าตัว 1,500 บาท เลยตอบตกลง ^^

การฟิตซ้อมก่อนการแข่งขัน

           มีเวลาเตรียมตัวเกือบ ๆ 4 อาทิตย์ค่ะ เทรนเนอร์อยากให้ซ้อมเช้า-เย็นเลย แต่เราก็ทำได้แค่วิ่งตอนเช้า (บางวัน) กับซ้อมตอนเย็น  เพราะต้องทำงานเต็มเวลา ตามประสามนุษย์เงินเดือน

           การซ้อมแต่ละวันก็จะหนัก-เบา ตามสังขาร ไม่ได้หนักเท่านักมวยจริง ๆ นะคะ ซึ่งก็จะมี ยืดเหยียด 5 นาที, กระโดดเชือก 15 นาที, กระโดดบนยาง (ล้อรถบรรทุก) 15 นาที, ล่อเป้า ยกละ 5 นาที 8-10 ยก, ลงนวม ยกละ 5 นาที 5-10 ยก, ตีเข่ากระสอบ 200 ครั้ง, เตะกระสอบเบิ้ล 100 ครั้ง, ซิทอัพ 100 ครั้ง, ซิทอัพแบบยกเวทด้วย 50 ครั้ง 2 เซท และบางวันต้องมีการซ้อมใส่ฟันยางชกด้วย เพื่อให้คุ้น เพราะเวลาใส่ฟันยางจะหายใจลำบาก

           วันไหนตื่นทันก็จะมีวิ่งตอนเช้า 5 กิโลเมตร  ใกล้ ๆ วันก็หัดรำไหว้ครู เพราะเราทำไม่เป็นเลย ส่วนการปล้ำเข่านี้ไม่ได้หัดเลยค่ะ เพราะไม่มีคู่ปล้ำที่เป็นผู้หญิง และค่ายที่ซ้อมอยู่ก็แค่แบบแนวฟิตเนสออกกำลังกาย ไม่ใช่แบบส่งขึ้นชกจริง (จริง ๆ การปล้ำเข่าจำเป็นมากสำหรับการชกจริง แต่การซ้อมจะถึงเนื้อถึงตัวมาก อาจดูน่ากลัวไปสำหรับลูกค้าคนอื่น ๆ )

           การกินก็เยอะกว่าปกติมากค่ะ โด๊ปสุด ๆ อัด ๆ ยัด ๆ เน้นเนื้อนมไข่ คาร์ปมาก ๆ ผัก-ผลไม้บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ เราลดน้ำหนักมาได้ถึง 49-50 กิโลกรัม แต่คู่ชกที่จัดไว้ให้นี้หนัก 58 กิโลกรัมค่ะ เราจึงพยายามปล่อยน้ำหนักให้เข้าใกล้คู่ชกค่ะ เนื่องจากการซ้อมที่หนักกว่าปกติ น้ำหนักจึงขึ้นได้แค่ 53-54 กิโลกรัม (หลังชก ดีดขึ้นมา 57-58 เลย เพราะติดกินเยอะ และซ้อมน้อยกว่าเดิม)

วันขึ้นชกจริง (อยู่มุมแดงค่ะ)

สาวออฟฟิศ 30+

สาวออฟฟิศ 30+

           ไม่มีการชั่งน้ำหนักค่ะ และมีการเปลี่ยนตัวคู่ชกให้ เพราะคู่ชกที่จัดให้ครั้งแรกเป็นนักมวยชาวสวิสเคยชกมาสิบกว่าครั้ง และชนะมา 7 ครั้ง คู่ชกเปลี่ยนมาเป็นคนไทยอายุ 19 ปี (รุ่นลูกอีกแล้ว ^^) ชกมาครั้งหรือสองครั้งนี่แหละ ไม่ทราบน้ำหนัก แต่คงเยอะกว่า เราค่อนข้างปอดแหกเลยค่ะ กลัวเจ็บ กลัวโดนต่อยจมูกหัก (ทำจมูกมาค่ะ ตอนโดนต่อยจะเจ็บกว่าปกติ) แถมนอนไม่หลับด้วยสิ T_T

           ถึงเวลาใกล้จะชก เจ้าของค่ายไปรับนวมมา ซึ่งผู้จัดเป็นคนเตรียมให้ พอเห็นนวมนี่ขมคอเลยค่ะ เพราะนวมขนาด 6 ออนซ์ บางมากกกก โดนต่อยนี่จะเจ็บมาก เพราะแค่ป้องกันไม่ให้มือเจ็บ แต่ไม่ป้องกันหน้าคนโดยต่อย แอบอยากถอนตัวเลยทีเดียว แต่ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องตามน้ำไปล่ะค่ะ T_T

           พอขึ้นเวที คู่ชกก็ยิ้มหวานให้ น่ารักทีเดียว (แต่ทักษะดี หมัดหนักสุด ๆ 555) ก็ทำการไหว้ครูตามจังหวะปี่กลองมวยไทยตามมปกติ พอนั่งคุกเข่าลงไปนี่ เราก็อยากจะเป็นลมตรงเวทีนั้นเลยค่ะ เพราะมองเห็นรอยเลือดหยดบนผืนผ้าใบ (คาดว่าจะเป็นเลือดฝรั่งคู่ก่อนหน้านี้ เห็นมีแตก

           มีเย็บกัน แต่ไม่รู้ว่ากี่เข็ม) แต่ก็พยายามรำไหว้ครูต่อไป (เพื่อน ๆ ที่มาเชียร์กับพี่เลี้ยงบอกว่าเราหน้าซีดและขาสั่นมาก)

           พอเริ่มยกที่ 1 ก็มีการเตะ ต่อย ถีบ ทักทายกันบ้าง (พี่เลี้ยงตะโกนบอกว่าไม่ต้องรีบ แต่เราไม่ได้ยินค่ะ) มาเสียท่าเลยนี่โดนกอดคอตีเข่าค่ะ จุกน้ำตาเล็ดเลย เพราะไม่เคยโดนมาก่อน และไม่เคยเรียนปล้ำเข่า เลยป้องกันไม่เป็นค่ะ ต่อด้วยหมัดลุ่น ๆ เข้าขมับ วิ้งงงงไปเลยค่ะ เห็นดาวเลยจริง ๆ เราเดินถอยไปพิงเชือก คราวนี้โดนประเคนหมัดชุดใหญ่เลยค่ะ กรรมการเลยเข้ามานับ 1-7 แล้วถามเราว่าไหวไหม ด้วยความใจเสาะ รีบส่ายหัวตอบทันทีเลยค่ะ กรรมการจึงยุติการชกไว้ที่ยกแรก ด้วยเวลาไม่ถึงสองนาที แพ้ T.K.O ไปค่ะ เสียใจอยู่นะคะ แต่ก็โล่งใจ ที่ทำหน้าที่ที่เราได้รับปากไว้เรียบร้อยแล้ว T_T

           เป็นไงบ้างคะ พอจะมีประโยชน์สำหรับคนที่จะขึ้นชกมวยไทยบ้างไหมคะ 555 ถ้าใจสู้ ซ้อมหนักพอ กินอิ่ม นอนหลับก็ไม่ต้องกลัวอะไรนะคะ

หมายเหตุ

           สำหรับสาว ๆ ตอนขึ้นชกไม่ควรแต่งหน้านะคะ เพราะจะต้องโดนโปะวาสลีนหนา ๆ เพื่อให้ลื่น ๆ ลดแรงเสียดสี ป้องกันการเกิดบาดแผลไปได้ (บ้าง) ถ้าแต่งหน้าไป เครื่องสำอางจะเยิ้มค่ะ หน้าสดไปเลยจะสะดวกกว่า



           เห็นแบบนี้แล้ว ขอบอกเลยว่าเส้นทางแห่งสังเวียนมวยไทยนั้นอาจจะไม่ได้มาง่าย ๆ แต่ถ้าคุณทำมันได้ นอกจากจะเป็นศิลปะป้องกันตัวที่จะช่วยให้คุณรอดปลอดภัยจากสถานการณ์คับขันต่าง ๆ ได้แล้ว มันยังจะเป็นประสบการณ์ดี ๆ ในชีวิตให้คุณภาคภูมิใจ ไม่แน่นะคะ แชมป์มวยไทยคนต่อไปอาจเป็นคุณก็ได้ ใครจะไปรู้







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แชร์ประสบการณ์... จากสาวออฟฟิศวัย 30+ สู่สังเวียนมวยไทย ! อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2557 เวลา 14:04:38 9,835 อ่าน
TOP