x close

เอ๊ะ ยังไง ? เมื่อสาวลดน้ำหนักจาก 46.5 เป็น 47 กิโลกรัม ผลจึงเป็นแบบนี้...

ลดน้ำหนัก

          สาวลดน้ำหนักจาก 46.5 เป็น 47 กิโลกรัม ถึงแม้จะฟังดูแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับทำให้เธอคนนี้หุ่นเฟิร์มสุด ๆ จนใครหลายคนก็ต้องพากันอิจฉา !

          การลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วน อย่างที่ทฤษฎีต่าง ๆ เคยว่าไว้ ว่าการลดน้ำหนักที่ทำแล้วจะได้ผลดีที่สุดก็คือ ออกกำลังกาย และคุมอาหาร ซึ่งวิธีนี้เชื่อว่าสาว ๆ คงจะรู้จักและเข้าใจกันดี แต่ทั้งนี้หลาย ๆ คนก็ทำไม่ได้ เพราะคิดว่าไม่มีเวลา ขาดความพยายาม และขาดความตั้งใจอย่างจริงจัง เหมือนกับเธอคนนี้ที่เมื่อก่อนเคยหนัก 46.5 กิโลกรัม และขี้เกียจออกกำลังกาย เพราะคิดแต่ว่าไม่มีเวลา แต่สุดท้ายเมื่อความอ้วนและพุงห้อย ๆ เริ่มมาเยือน จึงทำให้เธอกล้าที่จะลองพิสูจน์ตัวเองด้วยการหันมาออกกำลังกายด้วยการคาร์ดิโอ เล่นเวทเทรนนิ่ง และคุมอาหารอย่างจริงจัง

          และเมื่อเวลาผ่านไปเธอเริ่มหลงรักการออกกำลังกายมากขึ้น คราวนี้จึงไม่ใช่แค่ทำเพื่อลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่เป้าหมายของเธอก็คือพยายามที่จะสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องให้สวยและเฟิร์มขึ้น ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถทำได้ กลายเป็นสาวหุ่นเฟิร์มที่มีกล้ามท้องสวยงาม และปัจจุบันเธอมีน้ำหนักอยู่ที่ 47 กิโลกรัม ถึงแม้ตัวเลขจะมากกว่าตอนก่อนลดน้ำหนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มากลับทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจมากกว่าตอนที่มีน้ำหนัก 46.5 กิโลกรัมเสียอีก

          ทั้งนี้สำหรับคุณสาว ๆ คนไหนที่อยากจะลองหันมาลดน้ำหนักอย่างจริงจังกับเขาบ้าง ลองมาดูแนวทางการออกกำลังกายและลดน้ำหนักของคุณ 1960426 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมเพื่อเป็นแรงบันดาลใจกันดีกว่าค่ะ เพราะไม่แน่ว่าต่อไปคุณเองก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งคนที่มีหุ่นฟิตและเฟิร์มเหมือนกับเธอคนนี้ก็เป็นได้ ^^


เลิกสนใจตัวเลขบนตาชั่งกันได้แล้ว ให้ส่องกระจกดูเอาค่ะ

          สวัสดีค่ะ นัทมีประสบการณ์ดี ๆ มาเล่าให้ฟัง ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อน นัทอายุ 35 ปี สูง 158 เซนติเมตร ตอนนี้หนัก 47 กิโลกรัม แต่ก่อนตอนที่นัทเริ่มอ้วน นัทน้ำหนัก 46.5 กิโลกรัมค่ะ ดูได้จากรูปทางซ้ายมือ คือนัทไม่ได้เป็นคนที่อ้วนมากแต่กำลังจะเริ่มอ้วน คือเป็นคนที่รูปร่างผอมมาตลอด แต่พออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญของคนเรามันทำงานแย่ลงค่ะ แล้วที่นัทอ้วนขึ้น นัทไม่ได้รู้โดยการชั่งน้ำหนักนะคะ แต่โดยการสังเกตตัวเองคือ ยูนิฟอร์มที่ใส่ทำงานทุกวัน ๆ เริ่มใส่ไม่ได้ค่ะ ต้องเอาไปแก้... ร้องไห้เบา ๆ แต่นาน

          แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองอ้วนเท่าไร เพราะแต่ก่อนเคยเป็นคนผอม น้ำหนักขึ้นยาก แล้วพอน้ำหนักขึ้นมาก็รู้สึกว่าดีใจที่ตัวเองอ้วนขึ้นนิดหนึ่ง 555 แต่จุดพีคที่สุดที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ้วนขึ้นมากก็คือ ตอนนั้นไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ๆ ใส่ชุดบิกินี่แล้วเห็นพุงแบบเต็ม ๆ เลย แขม่วเท่าไรก็ยังยื่นอยู่ รู้สึกรับตัวเองไม่ได้จริง ๆ ตอนนั้น โชคดีมีพี่ที่ไปด้วยเขาออกกำลังกายเข้าฟิตเนส เขาก็เลยอธิบายเรื่องการลดความอ้วนด้วยการออกกำลังกายและคุมอาหารให้ฟัง

          จริง ๆ คือตอนนั้นนัทก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกว่านัทจะทำได้ เพราะพี่เขาบอกว่ามันต้องใช้เวลาและอาศัยความสม่ำเสมอ แต่นัทเป็นคนขี้เกียจ แค่ทำงานกลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้ว ถ้าจะให้ไปออกกำลังกายด้วยคงจะยาก แต่ก็คิดในใจกับตัวเองว่า เอ้า ลองดูสักตั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าออกกำลังกายแล้วมันจะทำให้คนผอมได้จริง ๆ เหรอ แล้วก็อยากพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าฉันทำได้

ลดน้ำหนัก

หนูทำได้

คราวนี้มาดูวิธีการว่านัททำยังไงบ้าง

          สิ่งที่นัททำก็คือเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วค่ะ ซึ่งก็คือคาร์ดิโอ+เวทเทรนนิ่ง+คุมอาหาร

          คาร์ดิโอ คือการลด หรือการกำจัดไขมันออกจากร่างกายเราค่ะ ซึ่งก็จะได้แก่ การออกกำลังกายประเภทวิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอโรบิก ตีแบด ตีเทนนิส ตีปิงปอง หรือการทำอะไรก็ตามที่ให้ heart rate ของเราเพิ่มขึ้นเป็นเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปคือการคาร์ดิโอหมดค่ะ

          เวทเทรนนิ่ง คือการเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม หรือขั้นกว่าคือการเพิ่มกล้ามเนื้อค่ะ แต่สำหรับผู้หญิง ไม่ต้องกลัวนะคะว่าเล่นเวทแล้วจะล่ำ กล้ามใหญ่เป็นกล้ามปูอะไรอย่างนี้ อยากบอกว่ามันยากมากค่ะ (ยากมาก ก.ไก่ล้านตัว) ขนาดผู้ชายยังยากเลยค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวนะคะ ดูนัทเป็นตัวอย่าง นัทก็เล่นเวทเยอะ ไม่เห็นจะล่ำเลย

          การคุมอาหาร ก็คือการกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย eat right ไม่ใช่ eat less กินให้ถูกต้อง ไม่ใช่กินให้น้อยลง หรือปัจจุบันที่เค้าเรียกกันว่า eat clean นั่นแหละค่ะ ใครที่ลดน้ำหนักด้วยการกินให้น้อยที่สุด นั่นคือการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีนะคะ เพราะสิ่งที่ลดลงไปนั่นคือน้ำในร่างกายและมวลกล้ามเนื้อบางส่วน ไม่ใช่ไขมันค่ะ ไขมันยังอยู่เหมือนเดิม เซลลูไลท์ก็ไม่หายไปไหน และก็เห็นชัดขึ้นด้วยค่ะ

          ช่วง 1 ถึง 5 เดือนแรก นัทออกกำลังกายเองที่บ้านค่ะ โดยดูตาม You Tube หรือถามผู้รู้และเอามาปฏิบัติเองที่บ้าน ลองผิดลองถูกมาสารพัดเพราะแต่ก่อนการออกกำลังกายยังไม่ฮิตขนาดนี้ ไม่ค่อยมีใครให้ถาม โดยนัทจะเน้นคาร์ดิโอค่ะ ช่วงแรก ๆ เพราะเป้าหมายของนัทตอนนั้นคืออยากกำจัดไขมัน และตอนนั้นนัทก็ไม่รู้ว่าเวทเทรนนิ่งก็ช่วยกำจัดไขมันได้ นัทมาแบบสายโหดนะคะ ช่วง 1-6 เดือนแรก ตอนนั้นนัทคาร์ดิโอสัปดาห์ละ 4 ถึง 6 วัน วันละประมาณ 40 ถึง 60 นาทีค่ะ ส่วนเรื่องกินนัทก็เน้นกินโปรตีนค่ะ (โปรตีนก็จะเน้นพวกไก่กับปลาค่ะ) คือมื้อเช้าจะจัดเต็ม มื้อกลางวันจะน้อยลง เน้นโปรตีนค่ะ หมูหมากาไก่ กินเข้าไป คาร์โบไฮเดรตกินน้อยลงกว่าเดิมนิดหนึ่ง จาก  2 ทัพพีเป็น 1 ทัพพีอะไรประมาณนั้น ส่วนมื้อเย็นนัทไม่ทานคาร์โบไฮเดรตเลยค่ะ ทานแต่โปรตีนกับผัก บอกแล้วว่าตอนนั้นนัทสายโหด ส่วนเวทเทรนนิ่งก็เล่นบ้างนิดหน่อยตามคลิปใน You Tube ถ้าทำได้อย่างนี้นะคะ 2 เดือนเราก็จะรู้เลยว่าเราผอมลง และ 3 เดือนก็จะมีคนทักเลยค่ะว่านัทไปทำอะไรมา ดูผอมลงอะ ดูรูปตอนที่นัทออกกำลังกายได้ 3 เดือน

ลดน้ำหนัก

ผอมเหมือนเดิมแล้ว กล้ามท้องมาเบา ๆ

          พอนัทรู้สึกว่าผอมลง นัทก็เลยเริ่มหันมาสนใจเวทเทรนนิ่งมากขึ้น เพราะเท่าที่ศึกษามาก็รู้ว่า การเล่นเวททำให้กล้ามเนื้อมันกระชับและเป็นรูปร่างสวยงามมากขึ้น นัทอยากมีหุ่นที่เฟิร์มแลดูกระชับสวยงามค่ะ ไม่ได้อยากได้หุ่นแบบผอมแห้ง นัทก็เลยเพิ่มเวทเทรนนิ่งมากขึ้นและลดคาร์ดิโอลง คราวนี้เล่นเวทสัปดาห์ละ 5 วันเลยค่ะ โดยใช้บอดี้เวทเล่นเองที่บ้าน ยังไม่ได้เข้าฟิตเนส ส่วนคาร์ดิโอลดลงเหลืออาทิตย์ละประมาณ 2 ถึง 3 วันค่ะ ดูรูปนัทประมาณ 5 เดือนหลังจากที่เริ่มออกกำลังกายได้

ลดน้ำหนัก

5 เดือนแล้ว ร่างกายเริ่มสวยงามขึ้น เพราะเล่นเวท

          พอเข้าเดือนที่ 6 นัทเริ่มเข้าฟิตเนสและจ้างเทรนเนอร์ค่ะ เพราะเป้าหมายของนัทคืออยากมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น อยากมีช่วงบนที่สมส่วนและก้นเด้งดึ๋ง ๆ เหมือนฝรั่ง 555

          ตั้งแต่เดือนที่ 6 จนถึงปัจจุบัน นัทก็ออกกำลังกายด้วยการมีเทรนเนอร์ หรือบางทีเทรนเนอร์ว่างไม่ตรงกับนัท นัทก็ออกเอง ออกมาอย่างสม่ำเสมอค่ะ อาทิตย์หนึ่งนัทจะออกกำลังกายอย่างน้อย 2 วัน แต่บางทีไม่สบายก็ไม่ได้ออกเป็นอาทิตย์ ๆ ก็มีนะคะ แต่สำหรับคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาตลอดและควบคุมอาหารดี ๆ นั้น การขาดออกไปอาทิตย์หนึ่ง มันไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ

ลดน้ำหนัก

เข้ายิมแล้วอุปกรณ์เยอะ ออกได้มากขึ้น ผลที่ได้ก็ดีขึ้นค่ะ

          นัทเป็นสายโหดคือออกกำลังกายเยอะมาก กินคลีนมาก ได้ 6 เดือน หลังจาก 6 เดือน นัทก็ค้นพบสัจธรรมค่ะ คือจะทำอะไรต้องเลือกเดินทางสายกลางดีที่สุด ไม่ตึงหรือไม่หย่อนเกินไป ตอนที่นัทตึงมากๆ ชีวิตมันเครียดค่ะ วันไหนไม่ได้ออกกำลังกายก็เครียด วันไหนกินไม่ดีหน่อยก็เครียด กลัวจะกลับไปอ้วนเหมือนเดิม ใช้ชีวิตลำบากมาก ไปกินข้าวกับใครก็ไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วค่ะ ออกกำลังกายแบบพอดี ๆ กินคลีนบ้างไม่คลีนบ้างปน ๆ กันไป แต่ก็ไม่ได้กินอะไรที่มันแย่มากนะคะ เลือกเอาที่มันดู healthy หน่อย เพราะถ้าเรากินแย่ ถึงแม้เราจะออกกำลังกายเยอะ แต่มันจะเห็นผลช้ามากค่ะ เราคงจะท้อใจไปก่อนที่จะสำเร็จ

          สุดท้ายนี้อยากให้กำลังใจทุกคนที่หันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและลดความอ้วนนะคะ นัทอยากบอกว่าวิธีลดความอ้วนลดน้ำหนักที่ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร  ให้เราเลือกทำในแบบที่จะทำไปได้นาน ๆ ไม่ใช่ตึงเกิน เหมือนคนมาบังคับ อันนั้นมันจะทำได้แป๊บเดียว แล้วก็ไม่ใช่หย่อนเกิน กินตามใจปาก ออกกำลังกายตามอารมณ์ อันนี้กว่าจะผอมคงจะแก่ก่อน 555

ขอย้ำอีกครั้งนะคะว่า อยากได้หุ่นสวยสุขภาพดีมันไม่มีทางลัดค่ะ good things take time

          การลดน้ำหนักลดความอ้วนด้วยวิธีออกกำลังกายและคุมอาหารคือวิธีที่ดีที่สุด แต่มันยาก ต้องใช้แรงใจอย่างมาก และเห็นผลช้า ไม่ทันใจ คนเลยล้มเลิกความตั้งใจ หันไปหาวิธีที่เห็นผลเร็ว ๆ กัน แต่วิธีแบบนั้นมันทำให้สวยแบบชั่วคราว และสุขภาพจะเสียอย่างแน่นอนค่ะ

ลดน้ำหนัก

หน้าท้องแบน ก้นเด้ง ถ้าเอาจริง ๆ มันก็ทำได้ค่ะ

ลดน้ำหนัก

หุ่นในฝันของใครหลาย ๆ คน แต่ตอนนี้คือหุ่นเรา ไม่รู้จะบรรยายยังไงว่ามันมีความสุขแค่ไหน

ลดน้ำหนัก

          กว่าจะได้มา บางครั้งก็เจียนตายเหมือนกันค่ะ บางทีก็เช็ดทั้งเหงื่อและน้ำตาในคราวเดียวกัน

ลดน้ำหนัก

ออกกำลังกายสวยชาตินี้จ้า

          อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะนัทก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกัน นัททำงานหลายอย่าง ไม่ได้อยู่บ้านเฉย ๆ แต่นัทก็จัดเวลาในการออกกำลังกายค่ะ เพราะนัทรู้ว่ามันดีต่อเรายังไง ถ้าเรามีใจ มันก็มีทางแน่นอนค่ะ

ลดน้ำหนัก

สู้ ๆๆๆๆ



          ถึงแม้น้ำหนักจาก 46.5 จะเป็น 47 กิโลกรัม แต่บอกเลยว่าหุ่นเฟิร์มสวยขึ้นมาก ๆ สำหรับคุณสาว ๆ คนไหนที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักให้กับตัวเอง ลองเอาแนวคิดของเธอคนนี้ไปใช้กันดูนะคะ เลิกดูตาชั่ง แต่หันมาดูผลลัพธ์จากตัวเอง แค่นี้คุณสาว ๆ ก็จะมีความสุข และภูมิใจกับหุ่นสวย ๆ ที่ได้มาแน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 1960426 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอ๊ะ ยังไง ? เมื่อสาวลดน้ำหนักจาก 46.5 เป็น 47 กิโลกรัม ผลจึงเป็นแบบนี้... อัปเดตล่าสุด 27 พฤษภาคม 2558 เวลา 09:27:28 24,356 อ่าน
TOP