ในเมื่อเลี่ยงกินของทอดไม่ได้ ก็ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูสิ เผื่อจะได้กินของทอดได้อย่างสบายใจขึ้นอีกหน่อย
การกินของทอดให้ได้ผลเสียต่อสุขภาพน้อยที่สุดก็คือ ควรจำกัดปริมาณการรับประทานในแต่ละครั้ง
โดยผู้หญิงไม่ควรกินเกินครั้งละ 85-115 กรัม ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 115-140
กรัม นอกจากนี้ยังควรรับประทานผักที่มีแร่ธาตุวิตามิน และไฟเบอร์สูง
เพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น
เพราะไฟเบอร์จะเข้าไปดูดซับไขมันแล้วช่วยขับออกจากร่างกาย
ทำให้ไขมันจากของทอดไม่สะสมเอาไว้แล้วย้อนกลับมาทำลายสุขภาพของเรามากนัก
ซึ่งผักที่ควรรับประทาน ได้แก่ ผักใบเขียว กะหล่ำปลี บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม
และผักปวยเล้ง เป็นต้น
6. ทอดในน้ำมันอุณหภูมิที่พอเหมาะ
อุณหภูมิของน้ำมันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อาหารทอดนั้นมีโทษต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน
โดยอุณหภูมิน้ำมันที่เหมาะสมในการนำอาหารลงไปทอดก็คือควรสูงกว่า 180
องศาเซลเซียส
หากต่ำกว่านี้จะทำให้ต้องใช้เวลาทอดนานและทำให้อาหารอมน้ำมันโดยไม่จำเป็น
และถ้าหากสูงเกินไปก็อาจจะทำให้น้ำมันที่ทอดอาหารปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่าสารโพลาร์
(Polar Compound) อันเป็นสารก่อมะเร็งออกมาได้ค่ะ
เวลาที่จะทำอาหารชุบแป้งทอด
แป้งอเนกประสงค์คือสิ่งที่เราหยิบมาใช้กันบ่อยที่สุด
ซึ่งแป้งเหล่านั้นจะมีโปรตีนกลูเตนเป็นส่วนประกอบ
ที่ถึงแม้จะช่วยให้แป้งที่ชุบติดกับอาหารแต่ก็ส่งผลให้แป้งเหล่านั้นอมน้ำมันอย่างมากมายมหาศาล
ลองเปลี่ยนจากการใช้แป้งอเนกประสงค์ มาใช้แป้งข้าวโพดหรือแป้งข้าวเจ้าดูสิ
รสชาติอร่อยเหมือนกัน แต่ไม่อมน้ำมัน และดีกับสุขภาพขึ้นมาอีกนิดหนึ่งด้วย
9. เติมโรสแมรีลงไปในระหว่างการทอด
ของว่างอย่างเฟรนช์ฟรายส์จัดเป็นอาหารทอดที่เสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งแบบสุด ๆ
และสารก่อมะเร็งที่อาจพบจากมันฝรั่งทอดได้มากที่สุดก็คือ อะคริลาไมด์
(Acrylamide)
ซึ่งเราสามารถลดการก่อตัวของสารชนิดนี้ได้โดยการนำมันฝรั่งมาล้างให้สะอาดก่อนแล้ววางทิ้งไว้ประมาณ
2 ชั่วโมง จากนั้นค่อยนำมาทอด หรือในขณะทอดจะเติมโรสแมรีลงไปด้วย
ก็จะช่วยลดการก่อตัวของสารดังกล่าวได้ถึง 60% เลยทีเดียว
แต่ก็อย่าทอดนานจนเกินไป ควรทอดให้สุกแบบพอดี ๆ จะได้ไม่อมน้ำมัน
ถึงแม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยให้กินของทอดได้อย่างสบายใจขึ้นบ้าง
แต่อย่างไรอาหารทอดก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพอยู่ดี
ดังนั้นรับประทานแต่น้อย
และรู้จักปฏิเสธให้เป็น จะได้ผลดีกว่าการมาแก้ทีหลังแบบนี้นะคะ
thestonesoup.com
shape.com
ibtimes.com
lifehack.org
เราได้ยินกันมานักต่อนักแล้วว่าอาหารทอดไม่ดีกับสุขภาพสักเท่าไร
และควรหลีกเลี่ยงถ้าไม่จำเป็น เพราะอาหารทอดนั้นอุดมไปด้วยน้ำมัน ไขมัน
และบางครั้งก็อาจจะมีสารก่อมะเร็งติดตามมาด้วย
แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ล่ะเราจะทำอย่างไรดี ? ปัญหานี้แก้ได้ค่ะ
หากคุณจำเป็นที่จะต้องรับประทานของทอดละก็
ลองมาดูวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้
1. กินของที่ทอดใหม่ ๆ และใช้กระดาษซับน้ำมันก่อนกิน
ก่อนรับประทานของทอด ควรใช้กระดาษซับน้ำมันซับเสียก่อน เพื่อลดปริมาณไขมันที่ติดมากับชิ้นอาหาร และแนะนำให้กินของทอดที่ร้อน ๆ ทำออกมาใหม่ ๆ เพราะอาหารที่ทอดไว้นานแล้วนอกจากจะอมน้ำมันก็ยังมีสารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่า
ก่อนรับประทานของทอด ควรใช้กระดาษซับน้ำมันซับเสียก่อน เพื่อลดปริมาณไขมันที่ติดมากับชิ้นอาหาร และแนะนำให้กินของทอดที่ร้อน ๆ ทำออกมาใหม่ ๆ เพราะอาหารที่ทอดไว้นานแล้วนอกจากจะอมน้ำมันก็ยังมีสารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่า
2. กินร่วมกับผัก-เครื่องเคียง
3. รับประทานผัก-ผลไม้ก่อนกินของทอด
อาจเลือกกินสลัด ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ก่อนกินของทอด ด้านหนึ่งคือจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ไม่เผลอกินของทอดในปริมาณมาก ๆ ส่วนอีกด้าน ไฟเบอร์ในผัก ผลไม้ จะช่วยดูดซับไขมันและเพิ่มกากใยให้ขับถ่ายเอาไขมันออกไปง่ายขึ้นด้วย
อาจเลือกกินสลัด ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ก่อนกินของทอด ด้านหนึ่งคือจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ไม่เผลอกินของทอดในปริมาณมาก ๆ ส่วนอีกด้าน ไฟเบอร์ในผัก ผลไม้ จะช่วยดูดซับไขมันและเพิ่มกากใยให้ขับถ่ายเอาไขมันออกไปง่ายขึ้นด้วย
4. กินในมื้อเช้าหรือกลางวัน
น้ำมันจัดเป็นอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งถ้าเรากินในช่วงเย็นหรือก่อนนอน ไขมันอาจสะสมในร่างกายได้เยอะกว่า เพราะเป็นเวลาที่เราไม่ค่อยได้ใช้พลังงานแล้ว จึงเผาผลาญออกได้น้อย แต่ถ้าเลือกกินในเวลาเช้าหรือกลางวัน ร่างกายเราจะยังมีกิจกรรมให้ใช้พลังงานมากกว่า
น้ำมันจัดเป็นอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งถ้าเรากินในช่วงเย็นหรือก่อนนอน ไขมันอาจสะสมในร่างกายได้เยอะกว่า เพราะเป็นเวลาที่เราไม่ค่อยได้ใช้พลังงานแล้ว จึงเผาผลาญออกได้น้อย แต่ถ้าเลือกกินในเวลาเช้าหรือกลางวัน ร่างกายเราจะยังมีกิจกรรมให้ใช้พลังงานมากกว่า
5. เลือกน้ำมันให้ถูกชนิด
เราอาจจะคิดว่าการทอดอาหารควรใช้น้ำมันพืชจะดีกว่า
แต่นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดค่ะ
เพราะน้ำมันพืชหลายชนิดมีจุดเกิดควันต่ำ (Low Smoke Point)
ทำให้ไขมันที่อยู่ในน้ำมันเปลี่ยนสภาพและกลายเป็นพิษได้
ดังนั้นจึงควรเลือกน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง (High smoke Point)
ซึ่งได้แก่ น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน
และน้ำมันคาโนลา เป็นต้นค่ะ
แต่ถ้าอยากจะใช้น้ำมันมะกอกทอดก็สามารถทำได้ แต่ต้องควบคุมความร้อนของน้ำมันไม่ให้เกิน
180 องศาเซลเซียส เพราะถ้าสูงกว่านั้นก็เป็นพิษได้เช่นกัน
7. ใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
หม้อทอดไร้น้ำมันจะช่วยให้เราฟินกับของทอดโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน จึงลดการบริโภคไขมัน และลดความเสี่ยงสารก่อมะเร็งชนิด Acrylamide ที่มาจากการปรุงสุกด้วยความร้อนสูงในน้ำมันท่วม ๆ เป็นเวลานาน ๆ แต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อนว่า การกินแบบนี้ก็ยังอ้วนได้เหมือนกัน ถ้าไม่จำกัดปริมาณหรือกินเป็นประจำเพราะคิดว่าไม่อ้วน เนื่องจากอาหารทอดยังไงก็ให้พลังงานสูงอยู่ดี
- หม้อทอดไร้น้ำมัน ดีต่อสุขภาพจริงไหม กินของทอดได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วน ?
8. หากเป็นอาหารชุบแป้งทอด ควรเลือกแป้งแบบไร้โปรตีนกลูเตนหม้อทอดไร้น้ำมันจะช่วยให้เราฟินกับของทอดโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน จึงลดการบริโภคไขมัน และลดความเสี่ยงสารก่อมะเร็งชนิด Acrylamide ที่มาจากการปรุงสุกด้วยความร้อนสูงในน้ำมันท่วม ๆ เป็นเวลานาน ๆ แต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อนว่า การกินแบบนี้ก็ยังอ้วนได้เหมือนกัน ถ้าไม่จำกัดปริมาณหรือกินเป็นประจำเพราะคิดว่าไม่อ้วน เนื่องจากอาหารทอดยังไงก็ให้พลังงานสูงอยู่ดี
- หม้อทอดไร้น้ำมัน ดีต่อสุขภาพจริงไหม กินของทอดได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วน ?
9. เติมโรสแมรีลงไปในระหว่างการทอด
10. กินแล้วออกกำลังกายด้วย
ขอบอกว่าถึงจะชิ้นเล็ก แต่ก็มาพร้อมกับแคลอรีมหาศาล อย่างเปาะเปี๊ยะทอด 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 63 กิโลแคลอรี, กล้วยแขก 1 ชิ้น (25 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 81 กิโลแคลอรี เทียบแล้วการกิน 1 ชิ้น อาจเท่ากับกินข้าว 1 ทัพพี (80 แคลอรี) เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าวันไหนรู้สึกจัดเต็มกับของทอดมากเกินไป ควรลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายออกกำลังกายสักหน่อย แคลอรีจะได้ไม่สะสมมากนัก
ขอบอกว่าถึงจะชิ้นเล็ก แต่ก็มาพร้อมกับแคลอรีมหาศาล อย่างเปาะเปี๊ยะทอด 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 63 กิโลแคลอรี, กล้วยแขก 1 ชิ้น (25 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 81 กิโลแคลอรี เทียบแล้วการกิน 1 ชิ้น อาจเท่ากับกินข้าว 1 ทัพพี (80 แคลอรี) เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าวันไหนรู้สึกจัดเต็มกับของทอดมากเกินไป ควรลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายออกกำลังกายสักหน่อย แคลอรีจะได้ไม่สะสมมากนัก
ขอบคุณข้อมูลจาก
blackdoctor.org thestonesoup.com
shape.com
ibtimes.com
lifehack.org