กินของทอดอย่างไรไม่ให้อ้วน-สุขภาพพัง สายกินต้องรู้ถ้ายังเลี่ยงไม่ได้

          ในเมื่อเลี่ยงกินของทอดไม่ได้ ก็ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูสิ เผื่อจะได้กินของทอดได้อย่างสบายใจขึ้นอีกหน่อย

ของทอด

          เราได้ยินกันมานักต่อนักแล้วว่าอาหารทอดไม่ดีกับสุขภาพสักเท่าไร และควรหลีกเลี่ยงถ้าไม่จำเป็น เพราะอาหารทอดนั้นอุดมไปด้วยน้ำมัน ไขมัน และบางครั้งก็อาจจะมีสารก่อมะเร็งติดตามมาด้วย แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ล่ะเราจะทำอย่างไรดี ? ปัญหานี้แก้ได้ค่ะ หากคุณจำเป็นที่จะต้องรับประทานของทอดละก็ ลองมาดูวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้

1. กินของที่ทอดใหม่ ๆ และใช้กระดาษซับน้ำมันก่อนกิน

         ก่อนรับประทานของทอด ควรใช้กระดาษซับน้ำมันซับเสียก่อน เพื่อลดปริมาณไขมันที่ติดมากับชิ้นอาหาร และแนะนำให้กินของทอดที่ร้อน ๆ ทำออกมาใหม่ ๆ เพราะอาหารที่ทอดไว้นานแล้วนอกจากจะอมน้ำมันก็ยังมีสารที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่า

2. กินร่วมกับผัก-เครื่องเคียง

ของทอด

          การกินของทอดให้ได้ผลเสียต่อสุขภาพน้อยที่สุดก็คือ ควรจำกัดปริมาณการรับประทานในแต่ละครั้ง โดยผู้หญิงไม่ควรกินเกินครั้งละ 85-115 กรัม ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 115-140 กรัม นอกจากนี้ยังควรรับประทานผักที่มีแร่ธาตุวิตามิน และไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น เพราะไฟเบอร์จะเข้าไปดูดซับไขมันแล้วช่วยขับออกจากร่างกาย ทำให้ไขมันจากของทอดไม่สะสมเอาไว้แล้วย้อนกลับมาทำลายสุขภาพของเรามากนัก ซึ่งผักที่ควรรับประทาน ได้แก่ ผักใบเขียว กะหล่ำปลี บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม และผักปวยเล้ง เป็นต้น

3. รับประทานผัก-ผลไม้ก่อนกินของทอด

          อาจเลือกกินสลัด ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ก่อนกินของทอด ด้านหนึ่งคือจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ไม่เผลอกินของทอดในปริมาณมาก ๆ ส่วนอีกด้าน ไฟเบอร์ในผัก ผลไม้ จะช่วยดูดซับไขมันและเพิ่มกากใยให้ขับถ่ายเอาไขมันออกไปง่ายขึ้นด้วย

4. กินในมื้อเช้าหรือกลางวัน

          น้ำมันจัดเป็นอาหารที่ย่อยยาก ซึ่งถ้าเรากินในช่วงเย็นหรือก่อนนอน ไขมันอาจสะสมในร่างกายได้เยอะกว่า เพราะเป็นเวลาที่เราไม่ค่อยได้ใช้พลังงานแล้ว จึงเผาผลาญออกได้น้อย แต่ถ้าเลือกกินในเวลาเช้าหรือกลางวัน ร่างกายเราจะยังมีกิจกรรมให้ใช้พลังงานมากกว่า 

5. เลือกน้ำมันให้ถูกชนิด

          เราอาจจะคิดว่าการทอดอาหารควรใช้น้ำมันพืชจะดีกว่า แต่นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดค่ะ เพราะน้ำมันพืชหลายชนิดมีจุดเกิดควันต่ำ (Low Smoke Point) ทำให้ไขมันที่อยู่ในน้ำมันเปลี่ยนสภาพและกลายเป็นพิษได้ ดังนั้นจึงควรเลือกน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง (High smoke Point) ซึ่งได้แก่ น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันคาโนลา เป็นต้นค่ะ แต่ถ้าอยากจะใช้น้ำมันมะกอกทอดก็สามารถทำได้ แต่ต้องควบคุมความร้อนของน้ำมันไม่ให้เกิน 180 องศาเซลเซียส เพราะถ้าสูงกว่านั้นก็เป็นพิษได้เช่นกัน

6. ทอดในน้ำมันอุณหภูมิที่พอเหมาะ

          อุณหภูมิของน้ำมันก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อาหารทอดนั้นมีโทษต่อสุขภาพมากน้อยแค่ไหน โดยอุณหภูมิน้ำมันที่เหมาะสมในการนำอาหารลงไปทอดก็คือควรสูงกว่า 180 องศาเซลเซียส หากต่ำกว่านี้จะทำให้ต้องใช้เวลาทอดนานและทำให้อาหารอมน้ำมันโดยไม่จำเป็น และถ้าหากสูงเกินไปก็อาจจะทำให้น้ำมันที่ทอดอาหารปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่าสารโพลาร์ (Polar Compound) อันเป็นสารก่อมะเร็งออกมาได้ค่ะ

7. ใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
 
          หม้อทอดไร้น้ำมันจะช่วยให้เราฟินกับของทอดโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน จึงลดการบริโภคไขมัน และลดความเสี่ยงสารก่อมะเร็งชนิด Acrylamide ที่มาจากการปรุงสุกด้วยความร้อนสูงในน้ำมันท่วม ๆ เป็นเวลานาน ๆ แต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อนว่า การกินแบบนี้ก็ยังอ้วนได้เหมือนกัน ถ้าไม่จำกัดปริมาณหรือกินเป็นประจำเพราะคิดว่าไม่อ้วน เนื่องจากอาหารทอดยังไงก็ให้พลังงานสูงอยู่ดี

          - หม้อทอดไร้น้ำมัน ดีต่อสุขภาพจริงไหม กินของทอดได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วน ?
 
 8. หากเป็นอาหารชุบแป้งทอด ควรเลือกแป้งแบบไร้โปรตีนกลูเตน

ของทอด

          เวลาที่จะทำอาหารชุบแป้งทอด แป้งอเนกประสงค์คือสิ่งที่เราหยิบมาใช้กันบ่อยที่สุด ซึ่งแป้งเหล่านั้นจะมีโปรตีนกลูเตนเป็นส่วนประกอบ ที่ถึงแม้จะช่วยให้แป้งที่ชุบติดกับอาหารแต่ก็ส่งผลให้แป้งเหล่านั้นอมน้ำมันอย่างมากมายมหาศาล ลองเปลี่ยนจากการใช้แป้งอเนกประสงค์ มาใช้แป้งข้าวโพดหรือแป้งข้าวเจ้าดูสิ รสชาติอร่อยเหมือนกัน แต่ไม่อมน้ำมัน และดีกับสุขภาพขึ้นมาอีกนิดหนึ่งด้วย

9. เติมโรสแมรีลงไปในระหว่างการทอด

ของทอด

          ของว่างอย่างเฟรนช์ฟรายส์จัดเป็นอาหารทอดที่เสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งแบบสุด ๆ และสารก่อมะเร็งที่อาจพบจากมันฝรั่งทอดได้มากที่สุดก็คือ อะคริลาไมด์ (Acrylamide) ซึ่งเราสามารถลดการก่อตัวของสารชนิดนี้ได้โดยการนำมันฝรั่งมาล้างให้สะอาดก่อนแล้ววางทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นค่อยนำมาทอด หรือในขณะทอดจะเติมโรสแมรีลงไปด้วย ก็จะช่วยลดการก่อตัวของสารดังกล่าวได้ถึง 60% เลยทีเดียว แต่ก็อย่าทอดนานจนเกินไป ควรทอดให้สุกแบบพอดี ๆ จะได้ไม่อมน้ำมัน
        
10. กินแล้วออกกำลังกายด้วย

          ขอบอกว่าถึงจะชิ้นเล็ก แต่ก็มาพร้อมกับแคลอรีมหาศาล อย่างเปาะเปี๊ยะทอด 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 63 กิโลแคลอรี, กล้วยแขก 1 ชิ้น (25 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 81 กิโลแคลอรี เทียบแล้วการกิน 1 ชิ้น อาจเท่ากับกินข้าว 1 ทัพพี (80 แคลอรี) เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าวันไหนรู้สึกจัดเต็มกับของทอดมากเกินไป ควรลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายออกกำลังกายสักหน่อย แคลอรีจะได้ไม่สะสมมากนัก

          ถึงแม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยให้กินของทอดได้อย่างสบายใจขึ้นบ้าง แต่อย่างไรอาหารทอดก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพอยู่ดี ดังนั้นรับประทานแต่น้อย และรู้จักปฏิเสธให้เป็น จะได้ผลดีกว่าการมาแก้ทีหลังแบบนี้นะคะ


ขอบคุณข้อมูลจาก
blackdoctor.org
thestonesoup.com
shape.com
ibtimes.com
lifehack.org
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กินของทอดอย่างไรไม่ให้อ้วน-สุขภาพพัง สายกินต้องรู้ถ้ายังเลี่ยงไม่ได้ อัปเดตล่าสุด 12 ตุลาคม 2564 เวลา 22:11:32 34,477 อ่าน
TOP
x close