หลายคนสงสัยว่าทำไมผู้หญิงจึงมักเสียงสูง เวลาพูดโกหก ทั้งที่จริง ๆ แล้วการที่ผู้หญิงมีโทนเสียงเปลี่ยนไป อาจมีเหตุผลที่มากมายกว่านั้น
1. เธอกำลังโกหก
Dr.Lillian Glass นักวิเคราะห์พฤติกรรมและผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษากาย ซึ่งทำงานร่วมกับ FBI ของสหรัฐฯ เผยว่า โทนเสียงสูงกว่าปกติของสาว ๆ เป็นสัญญาณที่บอกเราว่าเธอกำลังโกหกอยู่จริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะหากมีอาการหายใจถี่และแรงขึ้นด้วย
นั่นก็เพราะในขณะที่เราพูดโกหกหรือปิดบังความจริงอะไรบางอย่าง ร่างกายจะมีความวิตกกังวลเกิดขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานมากกว่าปกติ เราจึงควบคุมกิริยาอาการได้ยาก แม้แต่เสียงก็อาจพูดในลักษณะปกติไม่ได้ ส่วนผู้ชายอาจจะแสดงออกในทางกลับกัน โดยอาจจะพูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำ แหบ หรือพูดด้วยเสียงที่เบาลง
2. การแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย
โดยปกติแล้วฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงจะขึ้น ๆ ลง ๆ ยิ่งในช่วงวันนั้นของเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะปรวนแปรมาก ๆ ซึ่งข้อมูลจากมหาวิทยาลัยไอโอวาก็เผยว่า การที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพศหญิงต่ำลงจากภาวะไข่ตก ไม่ได้กระทบกับสภาวะอารมณ์ น้ำหนัก อาการตัวบวม หรือความหิวของเราเพียงเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้โทนเสียงของผู้หญิงเปลี่ยนไปได้ โดยบางคนอาจมีโทนเสียงสูงกว่าปกติ หรือบางคนอาจเสียงหาย เสียงแหบลงก็เป็นได้
3. เสียงสูงเพราะกำลังตกหลุมรัก
ต้องบอกก่อนว่าตามลักษณะทางกายภาพแล้ว
ผู้หญิงมักจะมีเสียงสูงมากกว่าผู้ชาย
เพราะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากกว่า
ส่วนผู้ชายที่มีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนอยู่ในตัว ก็จะมีน้ำเสียงที่ทุ้ม
ดูเแข็งแกร่งกว่าสาว ๆ อยู่แล้ว ทว่าข้อมูลที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร
Evolutionary Psychology นั้นน่าสนใจกว่าค่ะ เพราะเขาเผยว่า
การที่ผู้หญิงพูดด้วยโทนเสียงสูงกว่าปกติ
อาจหมายถึงเธอกำลังรู้สึกสนใจหรือตกหลุมรักหนุ่มคนไหนอยู่ก็เป็นได้
โดยข้อมูลนี้อ้างจากการทดลองที่ให้อาสาสมัครเพศหญิงจำนวน 45 คน ดูรูปอาสาสมัครเพศชาย จากนั้นก็ทิ้งข้อความเสียงให้หนุ่ม ๆ เอาไว้ (ตามบทที่นักวิจัยได้ให้มา) ซึ่งผลการทดลองก็พบว่า อาสาสมัครเพศหญิงทุกคนจะพูดด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้น เมื่อต้องทิ้งข้อความเสียงให้หนุ่มที่เธอรู้สึกสนใจ ซึ่งนักวิจัยก็สันนิษฐานว่า การพูดด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้นอาจเป็นวิธีการแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่าทำไมสาว ๆ ถึงต้องพูดด้วยเสียงสองเสียงสามกับแฟนหนุ่ม หรือกับคนที่กำลังจีบ ๆ กันอยู่
เห็นไหมล่ะว่าเสียงสูงของสาว ๆ มีความหมายมากกว่าคำพูดโกหกจริง ๆ ดังนั้นหากมีใครมาพูดเสียงสูงใส่ ก็อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลนะจ๊ะ ;p
ขอบคุณข้อมูลจาก
businessinsider
spring
University of Iowa
psychologytoday
เรามักจะได้ยินเสียงสูงของสาว
ๆ อยู่บ่อย ๆ ทว่าหากมองให้ลึกลงไปในเหตุผลทางวิทยาศาสตร์แล้ว
ยังพบเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นโทนสูงได้อีก ตามนี้เลย
Dr.Lillian Glass นักวิเคราะห์พฤติกรรมและผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษากาย ซึ่งทำงานร่วมกับ FBI ของสหรัฐฯ เผยว่า โทนเสียงสูงกว่าปกติของสาว ๆ เป็นสัญญาณที่บอกเราว่าเธอกำลังโกหกอยู่จริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะหากมีอาการหายใจถี่และแรงขึ้นด้วย
นั่นก็เพราะในขณะที่เราพูดโกหกหรือปิดบังความจริงอะไรบางอย่าง ร่างกายจะมีความวิตกกังวลเกิดขึ้น ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานมากกว่าปกติ เราจึงควบคุมกิริยาอาการได้ยาก แม้แต่เสียงก็อาจพูดในลักษณะปกติไม่ได้ ส่วนผู้ชายอาจจะแสดงออกในทางกลับกัน โดยอาจจะพูดด้วยโทนเสียงที่ต่ำ แหบ หรือพูดด้วยเสียงที่เบาลง
2. การแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย
โดยปกติแล้วฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงจะขึ้น ๆ ลง ๆ ยิ่งในช่วงวันนั้นของเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะปรวนแปรมาก ๆ ซึ่งข้อมูลจากมหาวิทยาลัยไอโอวาก็เผยว่า การที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายเพศหญิงต่ำลงจากภาวะไข่ตก ไม่ได้กระทบกับสภาวะอารมณ์ น้ำหนัก อาการตัวบวม หรือความหิวของเราเพียงเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้โทนเสียงของผู้หญิงเปลี่ยนไปได้ โดยบางคนอาจมีโทนเสียงสูงกว่าปกติ หรือบางคนอาจเสียงหาย เสียงแหบลงก็เป็นได้
โดยข้อมูลนี้อ้างจากการทดลองที่ให้อาสาสมัครเพศหญิงจำนวน 45 คน ดูรูปอาสาสมัครเพศชาย จากนั้นก็ทิ้งข้อความเสียงให้หนุ่ม ๆ เอาไว้ (ตามบทที่นักวิจัยได้ให้มา) ซึ่งผลการทดลองก็พบว่า อาสาสมัครเพศหญิงทุกคนจะพูดด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้น เมื่อต้องทิ้งข้อความเสียงให้หนุ่มที่เธอรู้สึกสนใจ ซึ่งนักวิจัยก็สันนิษฐานว่า การพูดด้วยโทนเสียงที่สูงขึ้นอาจเป็นวิธีการแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิงได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่าทำไมสาว ๆ ถึงต้องพูดด้วยเสียงสองเสียงสามกับแฟนหนุ่ม หรือกับคนที่กำลังจีบ ๆ กันอยู่
เห็นไหมล่ะว่าเสียงสูงของสาว ๆ มีความหมายมากกว่าคำพูดโกหกจริง ๆ ดังนั้นหากมีใครมาพูดเสียงสูงใส่ ก็อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลนะจ๊ะ ;p
ขอบคุณข้อมูลจาก
businessinsider
spring
University of Iowa
psychologytoday