กินเพื่อสุขภาพ (ภาพยนตร์บันเทิง)
สมัยก่อนผู้เฒ่าผู้แก่ สุขภาพแข็งแรง เพราะกินอาหารที่ปราศจากสารเคมี แถมเนื้อดินที่ชาวสวนชาวไร่ ชาวนา ทำเกษตรกรรมก็สมบูรณ์ ปลูกพืชผักชนิดใดก็งดงาม ต่อมามีการใช้สารเคมี จะด้วยเรื่องธุรกิจการค้าจำหน่ายปุ๋ยเคมีภัณฑ์ก็ตามที ชักจูงโน้มน้าวให้เกษตรกรซื้อใช้เพื่อให้ได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น เมื่อใช้สารเคมีเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ก็ตายผ่อนส่ง อย่ารังเกียจพืชที่ใบพรุนจากการเจาะไชของแมลง เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเป็นผักที่ไร้สารเคมี
เดี๋ยวนี้จะเห็นผักปลอดสารพิษที่ได้รับการดูแลอย่างดี ห่อพลาสติกขายในตลาดห้องแอร์ แปะว่า "ผักปลอดสารพิษ" ราคาแพงยิบเชียวล่ะ แต่เพื่อสุขภาพก็ต้องเลือกกินของที่ให้ประโยชน์ มากกว่าของยั่วน้ำลาย หรืออาหารที่พ่อค้านายทุนหลอกให้เราลงโลงเร็ว ๆ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หยิบข้อมูล โดยการคัดลอกมาจากหนังสือ กินต้านโรค ซึ่ง ค้นคว้ามาจากหนังสือดี ๆ มากมาย และอ้างอิงจากเอกสารจำนวนไม่น้อยโดย พรพรรณ รพี
สุขภาพดี เป็นยอดปรารถนาของทุกคน เรื่องกิน เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้คนมีสุขภาพดีหรือเสียได้ คนเราจึงควรมีหลักยึดในเรื่องการกินไว้บ้าง เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละมื้อควรเลือกกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ คือมีทั้ง เนื้อสัตว์ หรือสิ่งทดแทนเนื้อสัตว์ เช่น ไข่ นมถั่วเหลือง มีไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เราจะได้ไขมันจากการประกอบอาหารและอาหารชนิดต่าง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินเพิ่มเติม มีข้าว แป้ง หรืออาหารที่ทำจากข้าว แป้ง เช่น พวกก๋วยเตี๋ยว มีผักชนิดต่าง ๆ ทั้งผักสุก ผักสด และหมู่สุดท้ายก็คือ ผลไม้ หากเราไม่สามารถกินให้ครบ 5 หมู่ ในแต่ละมื้อ ก็ควรให้ครบในแต่ละวัน
กินอาหารให้อิ่มพอดี ไม่อิ่มเกินไป กินน้อยเกินไปก็จะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร ผอม ร่างกายไม่แข็งแรง กินมากเกินก็จะทำให้อ้วน เป็นต้น เหตุของโรคต่าง ๆ อีกมากมาย
กินอาหารหลาย ๆ ชนิด หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันทุกวัน เช่นเนื้อสัตว์มื้อนี้กินไก่ไปแล้ว มื้อต่อไปก็ควรเปลี่ยนเป็นกุ้งบ้าง หมูบ้าง ปลาบ้าง เป็นต้น ผักหรืออาหารอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ควรหมุนเวียนกันไป ผักมีเป็นร้อยชนิดกินไม่ให้ซ้ำใน 1 อาทิตย์ก็ยังได้ นอกจากนั้นการประกอบอาหารก็ควรจะสับเปลี่ยนวิธีประกอบอาหารหลาย ๆ วิธี มีต้มบ้าง ผัดบ้างทอดบ้าง (ถ้าต้องการลดน้ำหนักไม่ควรกินของทอด ๆ หรือของมีมันอื่น ๆ)
เลือกกินอาหารธรรมชาติให้มากที่สุด อาหารที่ได้มาสด ๆ จากธรรมชาติเป็นอาหารที่วิเศษที่สุด ถ้าสามารถเก็บกินผักสด ๆ ผลไม้สด ๆ จากต้น จะได้วิตามินอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะวิตามินซีไม่สูญเสียไปไหนเลย ถ้าเป็นผักและผลไม้ที่ปลูกเอง จะยิ่งแน่ใจว่าไม่ต้องไปรับสารเคมี ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างอยู่ตามใบผักหรือผิวผลไม้ ส่วนเนื้อสัตว์เช่นกัน ถ้าเลี้ยงปลา เป็ด ไก่ ไว้กินเองได้ย่อมดีกว่า สำหรับชีวิตคนกรุงคงเป็นไปได้ยากมาก แต่เราก็เลือกซื้อได้ เลือกเนื้อสัตว์ที่สดไม่เป็นโรค
นอกจากการเลือกกินอาหารสด ๆ จากธรรมชาติแล้ว ก็ยังควรเลือกอาหารสดมาประกอบเอง และเลือกกินอาหารประเภทต่าง ๆ ที่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปจากโรงงานอุตสาหกรรมทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ให้น้อยที่สุด
พยายามทำอาหารกินเองในครอบครัว การกินอาหารนอกบ้านควรจะเป็นนานๆ ครั้ง หรือหากจำเป็นจำต้องซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จ หรือที่เรียกกันว่า กับข้าวถุง ค่อนข้างบ่อย ก็ควรเลือกจากร้านที่ไว้ใจได้ สะอาดทั้งอาหาร คนทำ และภาชนะที่ใส่และที่ตักอาหารควรสะอาดด้วย นอกจากนั้นควรเลือกซื้อจากร้านที่อาหารสุกใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม อาหารที่วางขายค้างนานมักจะไว้ใจไม่ค่อยได้ เนื่องจากในบรรยากาศมีเชื้อจุลินทรีย์ สามารถลงไปในอาหารได้ แบคทีเรียสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วมาก แบคทีเรีย 1 ตัว ในอาหาร จะเพิ่มเป็น 250,000 ตัว ในเวลา 6 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ๆ ย่าง ๆ จนไหม้ เกรียม และอาหารทอดในน้ำมันที่เปลี่ยนสีไปจากเดิม อาหารต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุที่จะได้สารที่ทำให้เกิดมะเร็ง ต่อไปนี้จะซื้อปาท่องโก๋ กล้วยแขก ทอดมัน ฯลฯ คงต้องมองไปที่น้ำมันในกระทะด้วยว่า น้ำมันยังใหม่อยู่หรือเปล่า
หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ใส่สารเคมีที่เป็นวัตถุเจือปนในอาหารบ่อย ๆ เช่น การเติมสี แต่งกลิ่น เพิ่มรสชาติต่างๆ การกินอาหารใส่สีเป็นประจำนั้น เสี่ยงต่อสารพิษ ถ้าสีนั้นไม่ชี่จากธรรมชาติ แม้แต่สีสังเคราะห์ซึ่งเป็นสีอาหาร หากกินเป็นปริมาณมากและเป็นประจำ ก็เป็นโทษต่อสุขภาพได้เช่นกัน วัตถุเจือปนในอาหารยังมีอีกหลายชนิด เช่น สารกันบูด ดินประสิว สารบอแรกซ์ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถ้าสะสมอยู่ในร่างกายในปริมาณมาก
หลีกเลี่ยงอาหารปลอม อาหารปลอมอย่างน้ำส้มสายชู น้ำปลา ผงชูรส ฯลฯ ก่อนซื้อถ้าไม่พิจารณาให้ดี ก็จะพบของปลอม ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด การกินอาหารรสจัดจะเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ ได้หลายโรค เช่น กินเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาจเป็นโรคกระเพาะได้ กินอาหารเค็มจัด เสี่ยงกับโรคไต หรืออาหารที่หวานจัด ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน ฉะนั้นควรกินอาหารสกลางๆ ไว้เป็นดีที่สุด
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีสารเสพติด เครื่องดื่มที่เหมาะควรเป็นน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้ว หรือน้ำฝนสะอาดๆ และควรดื่มให้ได้วันละ 6-8 แก้ว
ควรกินอาหารให้เป็นเวลาทุกมื้อ อาจจะช้าหรือเร็วกว่าปกติไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะเมื่อถึงเวลา น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารจะขับออกมาเตรียมพร้อมที่จะย่อยอาหาร ถ้าไม่มีอาหารให้ย่อยน้ำย่อยจะย่อยผนังกระเพาะอาหารแทน ทำให้กระเพาะสึกกร่อน เป็นแผล เกิดโรคกระเพาะอาหารได้
หวังอย่างยิ่งว่า ท่านผู้บริโภคทั้งหลายจะนำเอาหลักนี้ไปปฏิบัติกับอาหารการกิน เพื่อผลดีต่อสุขภาพของตัวท่านเองและสมาชิกในครอบครัว
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
