อาหารแจ่ม ๆ ของผู้หญิง เพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ (Lisa)
ขอย้ำอีกครั้ง ร่างกายผู้หญิงแตกต่างจากผู้ชาย และบอบบางกว่ามากในแง่ของสุขภาพ ดังนั้น เราจึงต้องดูแลโภชนาการกันเป็นพิเศษ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันนี้และวันต่อ ๆ ไปค่ะ
บร็อกโคลี่ถ้าเป็นเรื่องสรรพคุณต้านโรคมะเร็งแล้ว บร็อกโคลี่ถือเป็นอาหารชั้นหนึ่งที่มีไฟโตนิวเทรียนต์ช่วยสลายสารก่อมะเร็ง และกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเอนไซม์ที่สามารถชะล้างสารพิษอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งใยอาหาร มีทั้งวิตามินเค ซี เอ บี แมงกานีส ทริปโตแฟน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โปรตีน และธาตุต่าง ๆ อย่างธาตุเหล็ก และสังกะสี ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะส่งเสริมกันและกัน เช่น วิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก วิตามินเค ช่วยให้กระดูกดูดซึมแคลเซียม เป็นต้น
เรื่องดี ๆ สำหรับสาว ๆ
สารอินโดล-3-คาร์บินอลในบร็อกโคลี่อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกไปพร้อม ๆ กับช่วยป้องกันมิให้เซลล์มะเร็งกระจายตัว และยังมีฟลาโวนอยด์ที่ชื่อว่า แคมป์เฟอรอล ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็งรังไข่
บร็อกโคลี่ มีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่จะช่วยลดอาการบวมน้ำก่อนมีประจำเดือน
สำหรับสตรีมีครรภ์ บร็อกโคลี่เป็นอาหารที่ดียิ่งยวด เพราะโฟเลตในผักชนิดนี้จะช่วยให้ทารกสร้างระบบประสาทและป้องกันไม่ให้พิการได้ รวมถึงเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมองของคุณแม่ ซึ่งเป็นการต้านโรคซึมเศร้าไปในตัว
Tip
ในการลวกหรือนึ่งบร็อกโคลี่ไม่ควรใช้เวลาเกิน 5 นาที เนื่องจากไฟโตนิวเทรียนต์จะถูกทำลายจนหมดหากสูงเกินไป
หัวหอมของประจำครัวอย่างหัวหอมถือเป็นยาแก้อักเสบตามธรรมชาติ มีสรรพคุณฆ่าเชื้อและต้านการแข็งตัวของเลือด หัวหอมอุดมไปด้วยโครเนียม วิตามินซี บี6 แมงกานีส โฟเลต และโพแทสเซียม ทั้งหมดนี้ทำให้หัวหอมเป็นอาหารชั้นยอดในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ หรือแม้แต่โรคพื้นบ้านอย่างไข้หวัดและหอบหืด นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า หัวหอมจะทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดความดันโลหิตและระดับไตรกลีเซอไรด์ได้
บ๊าย บาย กระดูกพรุน
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ผู้หญิงเป็นโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า และจุดนี้เองที่หัวหอมสามารถช่วยได้ เนื่องจากมีฤทธิ์คล้ายยา Bisphophonate ซึ่งเป็นยาเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคกระดูกพรุน ต่างกันตรงที่การบริโภคหัวหอมจะไม่มีผลข้างเคียงเท่านั้น
ผักใบเขียวไม่ว่าจะเป็นคะน้า ผักโขม ใบผักกาด กะหล่ำปลี หรือผักใบเขียวอื่น ๆ ต่างก็มีสารอาหารคล้าย ๆ กัน ได้แก่ วิตามินเอ ซี เค แคลเซียม โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน แมงกานีส โฟเลต แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และใยอาหารต่าง ๆ โดยที่แมกนีเซียมในผักใบเขียวจะช่วยลดความดันโลหิต ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันและกระดูกแข็งแรง กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และหลับสนิท ส่วนแมงกานีสอาจช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะโดยเฉพาะไมเกรน และป้องกันไม่ให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวมากกว่าปกติอีกด้วย
คุณค่าที่สาว ๆ คู่ควร
ในผักคะน้าจะมีแคมป์เฟอรอลมากเป็นอันดับสองรองจากบร็อกโคลี่ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ได้
ผักที่มีใบสีเขียวเข้มอย่างผักโขมที่ธาตุเหล็กสูงมาก ซึ่งธาตุเหล็กสำคัญต่อผู้หญิงที่มีประจำเดือนหรือสตรีมีครรภ์ และช่วยปกป้องระบบภูมิคุ้มกันพร้อม ๆ กับกระตุ้นให้ร่างกายผลิตพลังงาน
สำหรับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน วิตามินอีในผักใบเขียวจะช่วยลดอาการร้อนวูบวาบได้
ถั่วถั่ว ประเภทไหนก็ดีทั้งนั้น เนื่องจากถั่วเปี่ยมไปด้วยโฟเลต ใยอาหาร ทริปโตแฟน โปรตีน ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ถั่วเพียง 1 ถ้วย จะให้ใยอาหารเกือบ 15 กรัม ซึ่งใยอาหารนี้จะทำให้คุณรู้สึกอิ่ม ช่วยป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2 โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ นอกจากนี้ ทริปโตแฟนยังกระตุ้นให้สมองผลิตสารเซโรโทนิน ทำให้เราอารมณ์ดี นอนหลับ และคอยควบคุมความอยากอาหารอีกด้วยค่ะ
อาหารเพื่อผู้หญิง
ถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวนส์ ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพของกระดูก ทำให้ป้องกันโรคกระดูกพรุนไปในตัว และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เพียงแค่หนึ่งถ้วยก็ให้โปรตีนมากถึง 29 กรัมเชียวนะ
แซลมอนธรรมชาติทราบหรือไม่ว่า ปลาแซลมอนจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาในฟาร์ม โดยปลาเลี้ยงจะมีสารก่อมะเร็งและสารพิษอื่น ๆ สำหรับสาว ๆ ที่กลัวไขมัน ความจริงแล้วการรับประทานไขมันจำเป็น (Essential Fat) เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะร่างกายของเราไม่สามารถผลิตเองได้ และปลาแซลมอนตามธรรมชาตินี่ล่ะที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยเพิ่มระดับ HDL (คอเลสเตอรอลดี) และป้องกันโรคหัวใจค่ะ
สาว ๆ ไม่กินไม่ได้
เนื่องจากผู้หญิงเราเสี่ยงกับโรคกระดูกพรุนมาก วิตามินดีจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการดูดซึมและรักษาระดับแคลเซียมภายในเลือด โดยที่ปลาแซลมอนตามธรรมชาติ 4 ออนซ์ จะให้วิตามินดี 739IU แต่ปลาในฟาร์มจะมีวิตามินดีเฉลี่ยที่ 411 IU เท่านั้น สำหรับคนไทยปริมาณแนะนำอยู่ที่ 200IU ต่อวัน การขาดวิตามินดีจะทำให้ผู้หญิงเราเสี่ยงกับโรคซึมเศร้าและโรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis หรือโรคเอ็มเอส) ซึ่งเราเสี่ยงต่อโรคทั้งหมดนี้มากกว่าผู้ชายค่ะ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
