
ต้านความเครียดจากอาหาร 5 หมู่ (ไทยโพสต์)
อาหารนับว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหากเราได้รับสารอาหารที่ดีและเหมาะสมในขณะที่เครียด ก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเรา ต้านทานกับความเครียดได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอาหาร5หมู่ที่เรารู้จักกันดี นพ.ภาณุวัฒน์ พุทธเจริญ โรงพยาบาลปิยะเวท ได้ออกมาแนะนำถึงอาหารคลายเครียดทั้ง 5 กลุ่มว่า
สำหรับอาหารที่จะช่วยต้านความเครียดได้ดีนั้น ต้องเป็นอาหารที่ทำให้ร่างกายของเราสร้างฮอร์โมนที่สมดุลและพอดี ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญคงที่เช่นกัน เพราะในขณะที่เราเครียด ฮอร์โมนในร่างกายของเราก็จะเสียสมดุล รวมทั้งระบบสารเคมีในร่างกายที่ทำหน้าที่ในการเผาผลาญอาหารก็จะเสียไปเช่น กัน ดังนั้นกลุ่มอาหารที่จะช่วยลดอาการเครียดได้นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 หมวดหมู่เช่นเดียวกับหมู่อาหารที่เราทราบกันดี แต่ว่าจะเน้นเพียงบางหมู่เท่านั้น คุณหมอกล่าว

อาหารต้านความเครียดกลุ่มที่ 1
"โปรตีน" เพราะโปรตีนเป็นแหล่งของกรดอะมิโนที่จำเป็นหลายชนิด ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้จะเป็นตัวทำให้ฮอร์โมนในร่างกายของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สารสื่อประสาทในสมองทำงานได้อย่างคงที่ สามารถกำจัดความเครียดได้ดียิ่งขึ้น พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าสมองขาดโปรตีนก็จะทำให้สมองล้าง่าย และก็จะจัดการกับความเครียดได้ไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง ดังนั้นกลุ่มโปรตีนจึงมีความสำคัญมากที่สุด
ซึ่งอาหารในกลุ่มโปรตีนนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ได้แก่ โปรตีนจากปลา และโปรตีนจากเนื้อไก่ ซึ่งโปรตีนในกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ย่อยง่ายและดูดซึมเร็ว
2.โปรตีนจากพืช ได้แก่ เห็ดและถั่ว เป็นต้น สำหรับโปรตีนที่ไม่แนะนำให้รับประทานคือ โปรตีนที่ได้จากเนื้อแดงทั้งหลาย เพราะเนื้อจะย่อยยาก ดูดซึมช้า และร่างกายต้องเหนื่อยในการย่อย พูดง่าย ๆ ว่า เนื้อแดงนั้นตอบสนองต่อความเครียดได้ไม่ดีนั่นเอง พร้อมกันนี้คุณหมอได้แนะนำว่า หากต้องการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนให้ได้เพียงพอภายใน 1 วัน ควรรับประทานสเต๊กปลา หรืออกไก่ประมาณ 2 ชิ้น ร่วมกับไข่ 1 ฟอง โดยให้มีทั้งไข่ขาวและไข่แดงรวมกัน ก็จะได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ

อาหารต้านความเครียดกลุ่มที่ 2
แร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีอยู่ในผักและผลไม้ ซึ่งแร่ธาตุที่กล่าวมานี้ จะเป็นตัวเสริมที่ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างคงที่ เพราะกระบวนการเคมีทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา จะต้องมีแร่ธาตุเป็นปัจจัยเสริม เพราะถ้าหากเราได้รับแร่ธาตุที่เพียงพอ เวลาที่เราเครียดร่างกายก็กำจัดความเครียดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สารเคมีในร่างกายคงที่และสม่ำเสมอ ซึ่งแร่ธาตุที่ดีและมีประโยชน์จะต้องอยู่ในผักและผลไม้สดเท่านั้น เพราะหากเป็นผักและผลไม้ที่ผ่านการแปรรูป หรือผ่านการเก็บรักษาก็จะทำให้สารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ ลดน้อยลง และเพื่อให้ได้รับแร่ธาตุที่มีอยู่ในผักและผลไม้อย่างเหมาะสมภายใน 1 วันนั้น คุณหมอกล่าวว่า
ควรรับประทานผักและผลไม้ปั่นรวมกัน 1 แก้ว หรือเลือกรับประทานผลไม้หรือผักรวมอย่างละ 1 จาน ก็สามารถได้รับแร่ธาตุจากผักและผลไม้อย่างเพียงพอเช่นกัน

อาหารต้านความเครียดกลุ่มที่ 3
คาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปของข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ซึ่งคาร์โบไฮเดรตนั้นจำเป็นต้องได้รับในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ขณะเดียวกันถ้าหากขาดคาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง สมองก็จะขาดน้ำตาล เมื่อสมองขาดน้ำตาลก็จะทำให้ทำงานได้ไม่ดี เมื่อเกิดความเครียดสมองก็จะล้าและเหนื่อยง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรือพูดง่าย ๆ ว่า ต้องไม่ใช่คาร์โบไฮเดรตที่รับประทานแล้วเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายทำงาน เร็วเกินไปนั่นเอง เช่น ขนมหวานที่มีน้ำตาลเยอะ นั้นถือว่า เป็นคาร์โบไฮเดรตผิดประเภท เพราะจะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นเร็ว เมื่อเกิดความเครียดสมองจะตื่นเต้นและลนลาน หรือไม่สามารถรับมือกับอาการเครียดได้นั่นเอง

อาหารต้านความเครียดกลุ่มที่ 4
"น้ำ" ซึ่งน้ำนั้นเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับอย่างเพียงพอเช่นกัน เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกายไม่แพ้อาหารกลุ่มอื่น ๆ

อาหารต้านความเครียดกลุ่มที่ 5
"ไขมัน" คุณหมอกล่าวว่า ไขมันจำเป็นสำหรับผู้ป่วยโรคเครียด เพราะน้ำมันจะทำให้เซลล์ในร่างกายมีความยืดหยุ่นและมีการหล่อลื่นที่ดี ก็จะทำให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะส่วนประกอบของสมองส่วนกลางของเซลล์ประสาทนั้นจะมีไขมันหุ้มอยู่บริเวณ ส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม ความต้องการเรื่องไขมันนั้นเป็นเรื่องระยะยาว แต่ถ้าหากต้องการตอบสนองกับความเครียดในระยะเฉียบพลัน คุณหมอแนะนำว่า ร่างกายของเราจำเป็นต้องได้รับ โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอจึงจะสามารถรับมือกับความเครียดได้ดี
ท้ายนี้คุณหมอฝากถึงอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในขณะเครียดว่า เป็นจำพวกอาหารสำเร็จรูปที่มีรสหวาน เพราะในอาหารเหล่านี้บางครั้งจะมีสารพิษปนเปื้อนอยู่ เมื่อรับประทานเข้าไปจะส่งผลเสียต่อสมอง นอกจากนี้ยังมีน้ำตาลขัดขาวที่มีความหวานจัดก็ไม่ควรรับประทานเช่นกัน เพราะจะทำให้สมองได้รับน้ำตาลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกิดผลเสียต่อร่างกายตามมา
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
