สัญญาณเตือนจากร่างกายคุณ (Momypedia)
โดย: อมรรัตน์ ศรีสุรินทร์
บางครั้งร่างกายก็ส่งสัญญาณเตือนเรา แต่เราแทบจะไม่ใส่ใจมันเลย เพราะบางทีอาการแปลก ๆ มันก็หายไปได้เอง แต่อาการบางอย่างหากว่าเราได้รู้ไว้สักนิดว่า อาการอย่างไรจึงจะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา และอย่างไหนจึงจะถือว่าร่างกายส่งใบแดงมาเตือนแล้ว ก็จะทำให้เรารู้ทันสังขาร และสามารถที่จะถนอมใช้มันเหมือนรถคู่ชีพของคุณที่จะช่วยพาคุณไปไหนต่อไหนได้อีกหลาย ๆ สิบปี
เรามาดูกันซิว่า อาการเตือนจากร่างกายนั้นมีอะไรบ้าง ก่อนที่คุณจะตื่นตกใจกับอาการที่ไม่น่าเป็นกังวล หรือนิ่งนอนใจกับอาการที่น่าเป็นห่วง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณไม่แพ้กัน
มองเห็นหยากไย่ลอยไปมา
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : หากวันหนึ่งวันใด เมื่อคุณออกมองไปแล้วเห็นเส้นใยๆที่ดูคล้ายหยากไย่ลอยไปมา แม้คุณพยายามขยี้ตาก็ยังไม่หาย แต่เมื่อคุณมองไปตรง ๆ มันจะลอยไปมาช้า ๆ โดยที่คุณไม่มีอาการเจ็บ หรือสูญเสียการมองเห็นแต่อย่างใด มันคืออาการวุ้นในลูกตาเริ่มเสื่อม
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : หากคุณมองเห็นกลุ่มหยากไย่สีดำในทันทีทันใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดร่วมกับการมองเห็น แสงสว่างวาบ มันอาจเป็นอาการของการฉีกขาดของเรตินาหรือจอรับภาพของลูกนัยน์ตาซึ่งจะทำให้คุณตามัว มองภาพไม่ชัด คุณจะต้องพบแพทย์โดยด่วน หากมีเส้นสีแดง ๆ อยู่ที่นัยน์ตา และทำให้คุณสูญเสียการมองเห็นเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด หรือมีเลือดออกจากนัยน์ตา นี่คือการเลือดออกในวุ้นตาที่พบได้ในคนที่เป็นเบาหวานเป็นระยะเวลานาน คุณจะต้องไปพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัย
นอนสะดุ้ง
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังเคลิ้มใกล้จะหลับ ทันใดนั้นคุณจะมีอาการสะดุ้งตื่น ซึ่งรบกวนการนอนของคุณ และทำให้คุณหลับไม่สบาย แต่ก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อาการนี้เกิดขึ้นขณะที่คุณยังหลับไม่ลึก เมื่ออุณหภูมิร่างกายของคุณต่ำลง หัวใจเริ่มเต้นช้าลง และจิตสำนึกของคุณเริ่มผ่อนคลาย สภาวะเช่นนี้ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่หดตัว และในบางครั้งคุณก็จะฝันไปว่า คุณกำลังตกลงมาจากที่ไหนสักแห่ง
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : หากคุณมีอาการนอนสะดุ้งอยู่บ่อยๆ อาการนี้จะรักษาได้ด้วยยาระงับประสาทอย่างอ่อน ภายในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ หากเกิดอาการนี้บ่อย ๆ อาจพัฒนาไปสู่อาการกลัวการนอนหลับ และโรคนอนไม่หลับซึ่งยังพบได้น้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้จักวิธีทำให้ตนเอง และช่วยให้คุณเปลี่ยนความคิดและความรู้สึกที่เป็นลบที่ทำให้คุณเป็นกังวลจนนอนไม่หลับ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : อาการนี้จะทำให้หัวใจของคุณเต้นเร็วผิดปกติ ซึ่งรู้สึกได้จากอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งเกิดจากความเครียดทางจิตใจหรือจากกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายตึงเครียด การดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไปจะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น คนไข้ที่มีอาการนี้จะอธิบายว่า รู้สึกราวกับว่าหัวใจกำลังวิ่งแข่ง แต่ส่วนใหญ่แล้วคนไข้จะรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจมากขึ้น
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะไม่ใช่สัญญาณเตือนแรกของโรคหัวใจอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่มันอาจจะเป็นอาการบ่งชี้ของปัญหาอื่น เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระดับเลือดในร่างกายซึ่งจะเป็นปัญหาไปสู่โรคหัวใจ อาการนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากคลื่นไฟฟ้าของหัวใจถูกรบกวนหากมีอาการมาก อาจเป็นเพราะหัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะ (ventricular tachycardia) ซึ่งคลื่นไฟฟ้าของหัวใจเต้นผิดปกติ และหัวใจจะเต้นเร็วมากคนไข้จะมีอาการหน้ามืด หรืออาจถึงกับเสียชีวิต หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ดังนั้น หากคุณมีอาการหัวใจเต้นเร็วอยู่บ่อย ๆ ต้องรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
เป็นแผลในปาก
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : แผลพุพองในปาก ซึ่งทำให้คุณเจ็บและรำคาญ มักเป็นสัญญาณบอกว่า ร่างกายของคุณกำลังอ่อนแอ และอาจมีการติดเชื้อเฉพาะแห่ง แต่มันอาจบอกว่าคุณได้รับวิตามินซีน้อยเกินไป หรือแพ้อาหารบางอย่าง ส่วนใหญ่แล้ว มันมักจะหายไปได้เอง หรือคุณอาจซื้อยาป้ายแผลในปากมาทาก็ได้
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : ในกรณีของมะเร็ง คุณอาจมีก้อนเนื้อในเยื่อบุช่องปากหรือบนลิ้น ที่มีขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ หากแผลของคุณมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีอาการอยู่เป็นเดือน หรือมีสีเปลี่ยนไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขยายวงเป็นปื้นสีขาว ๆ การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งในช่องปาก แต่ข่าวดีก็คือหากพบได้เร็วก็จะสามารถรักษาอย่างได้ผล
เลือดออกตามไรฟัน
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : สังเกตเห็นง่าย ๆ ว่ามีเลือดออกขณะแปรงฟันซึ่งอาจเป็นอาการของเหงือกอักเสบหรือโรคเหงือกแม้จะไม่มีอันตรายอะไรแต่ก็อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะนั่นแสดงว่าคุณมีหินปูนมากเกินไป จึงเป็นสาเหตุให้เหงือกบวม ทำให้มีเลือดไปคั่งอยู่ที่บริเวณเหงือกและเมื่อคุณแปรงฟันจึงทำให้เส้นเลือดฝอยฉีกขาด ดังนั้น คุณจึงควรไปพบทันตแพทย์ เพื่อรักษาอาการดังกล่าว
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรง มักเกิดร่วมกับปัญหาในช่องปากอย่างอื่น เช่น การติดเชื้อของเนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟัน ซึ่งเรียกกันว่า โรคปริทันต์ ซึ่งอาจทำให้ฟันโยกและฟันร่วง แต่หากมีการรักษาที่ทันท่วงที ก็จะไม่เกิดอาการดังกล่าว แบคทีเรียจากเหงือกที่ติดเชื้ออาจแทรกเข้าไปในกระแสเลือดและกระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ ได้ มีงานวิจัยรายงานว่าโรคเหงือกอาจนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจและหัวใจวายได้เช่นกัน และอาจจะทำให้โรคหัวใจที่เป็นอยู่แล้วกำเริบขึ้นได้ หากคุณมีเลือดออกมาก จะต้องปรึกษาแพทย์โดยไม่รอช้า
มีเสียงดังตามข้อ (คอ, ศอก, เข่า, ข้อเท้า)
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : ไม่มีสาเหตุของอาการที่แน่ชัด แต่อาจเป็นเพราะเส้นเอ็นที่บริเวณข้อเหล่านั้นเคลื่อนขณะที่กล้ามเนื้อหดตัวอย่างรวดเร็วแม้จะฟังดูน่ากลัว แต่ข้อจะไม่ได้รับอันตรายอะไร คนหนุ่มสาวที่แข็งแรงก็อาจมีเสียงลั่นดัง ก๊อก ตามข้อต่าง ๆโดยไม่ทราบสาเหตุและไม่มีอาการอะไรรุนแรงอีกเลย
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : หากอาการลั่นก๊อกแก๊กดังกล่าวเกิดพร้อมกับการบวมหรือมีอาการปวดอยู่บ่อย ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของโรคข้อเสื่อมซึ่งมักจะเกิดกับผู้สูงอายุในวัยประมาณ 40 ตอนปลายหรือในวัย 50 ปีขึ้นไป แต่จะพบได้น้อยมากในคนวัยหนุ่มสาว อาการหลักที่พบได้บ่อย ๆ คือ ข้อจะแข็งและปวด อาการปวดจะรุนแรงขึ้นหากออกกำลังโดยใช้ข้อและมักจะเกิดในตอนเย็นหรือค่ำ ข้ออาจเคลื่อนไหวไม่ดีเท่าที่เคย และเหยียดไม่ค่อยได้และอาจมีเสียงลั่นฝืด ๆ หรือเสียงก๊อกแก๊กการออกกำลังกายที่จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อบริเวณข้อนั้น ๆ จะช่วยป้องกันอาการได้
มือสั่น
อาการที่ยังไม่ต้องวิตก : เรามักจะไม่ใส่ใจมันท่าไหร่ เพราะมือของเราจะสั่นนิด ๆ อยู่ตลอดเวลาที่เราตื่นอยู่แล้วที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะกล้ามเนื้อมัดเล็ก ๆ ในนิ้วมือและกล้ามเนื้อแขนของเราจะยืดหดเป็นช่วง ๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา แต่เมื่ออาการสั่นนั้นเริ่มจะเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเขียนหนังสือ หรือ ถือแก้วน้ำหรือถือถ้วยกาแฟ หรือการจับมีดและส้อม แสดงว่ามันเริ่มที่จะเป็นปัญหาแล้ว
อาการที่ต้องไปพบแพทย์ : อาการมือสั่นอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุซึ่งมักจะเกิดจากพันธุกรรมในครอบครัว แต่ทว่าไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต นอกเสียจากทำให้รู้สึกรำคาญ อาการจะปรากฏมากขึ้น เมื่อพยายามที่จะหยิบจับของชิ้นเล็ก ๆ หรือพยายามที่จะประคองแก้วในมือให้นิ่ง ๆ เป็นสภาวะที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคจิตประสาท (แม้ว่าอาการจะเป็นมากขึ้นเมื่อคุณเครียดหรือตื่นเต้น)
หากอาการสั่นมีผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันมาก ๆ แพทย์อาจจะสั่งยาให้คุณรับประทานเพื่อให้อาการทุเลาลง คุณจะหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้นด้วยการไม่รับประทานชาหรือกาแฟที่แก่จัดจนเกินไป อาการมือสั่นอาจเกิดร่วมกับโรคพาร์กินสัน ซึ่งบางกรณีจะเกิดอาการสั่นมากขึ้นขณะที่พักผ่อนอยู่เฉย ๆ แต่ก็ยัง นับว่าพบได้น้อยมาก
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก