x close

ความจริง vs ความเชื่อ เรื่องลดน้ำหนัก


ลดน้ำหนัก


ความจริง vs ความเชื่อ เรื่องลดน้ำหนัก (สุขกายสบายใจ)

          "ความอ้วน" ภัยเงียบที่คอยบั่นทอนสุขภาพ เป็นจุดเริ่มต้นของสารพัดโรคยอดนิยม ทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และที่น่ากลัวที่สุดคือโรคมะเร็งบางชนิด

          เมื่อความอ้วนเริ่มมาเยือนตัวเรา แน่นอนทุกคนต้องมีสูตรลับขจัดความอ้วนแป็นของตนเอง แต่ละวิธีได้ผลแตกต่างกัน บางคนอาจปฏิบัติแล้วได้ผล ในขณะที่บางคนกลับไม่ได้ผล แล้วความจริงเป็นเช่นไรกันแน่?


เชื่อว่ายิ่งอดยิ่งผอม

          ร่างกาย : แท้จริงแล้วยิ่งอดยิ่งอ้วน เพราะร่างกายคิดว่าภายนอกนั้นไม่มีอาหาร เลยสร้างกลไกขึ้นมาป้องกันโดยชะลอกระบวนการเผาผลาญเพื่อประหยัดพลังงานเอา ไว้ใช้ให้นานที่สุด ไขมันสะสมต่าง ๆ ก็จะไม่ถูกนำมาใช้งาน แถมเวลาที่เรารับประทานอะไรเข้าไปถัดจากมื้อที่เราอด ร่างกายก็จะเปลี่ยนของอร่อยเหล่านั้นเป็นไขมันทันที เพราะยังเป็นห่วงไม่หายว่าในมื้อถัดไป เราจะไม่มีอะไรกิน เลยต้องสะสมพลังงานเอาไว้ก่อน

          สรุปแล้ว การอดอาหารเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมัน แทนที่จะเผาผลาญให้หมดไป

          จิตใจ : ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เวลาเราสั่งให้ตัวเองไม่กิน ความอยากอาหารทุกอย่างในโลกมักจะวิ่งเข้าชนพร้อมกันทีละหลาย ๆ เมนู เราจึงกระสับกระส่ายและรู้สึกหงุดหงิดง่าย พอถึงเวลากินในมื้อถัดไปจึงกินแบบถล่มทลาย เพราะยับยั้งชั่งใจเอาไว้ไม่อยู่ พอรู้ตัวอีกทีก็ได้แต่นั่งเสียใจว่าทำไมไม่คิดถึงรอบเอวก่อน

เชื่อว่าถ้าอยากลดน้ำหนัก ต้องตั้งเป้าให้สูงเข้าไว้

          ร่างกาย : การตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักเอาไว้สูงเกินเอื้อมจะทำให้เราปล่อยเนื้อปล่อยตัว อย่างเช่นตื่นขึ้นมาแล้วคิดว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ฉันจะไปออกกำลังกายทุกวัน เพราะฉะนั้น ระหว่างวันจึงกินไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้สึกผิด เพราะสร้างข้ออ้างให้ตนเองเอาไว้เรียบร้อย และเมื่อถึงเวลาหลังเลิกงาน อาการเหนื่อยเมื่อยล้าก็จะปรากฏ สุดท้ายจึงถอดใจยกยอดไขมันสะสมไปเผาผลาญอีกวัน ซึ่งไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะได้ไปเบิร์นจริง ๆ หรือเปล่า

          ทางที่ดีคือ ตั้งเป้าเอาไว้วันต่อวันและบังคับตนเองให้ทำตามแผนนั้นให้ได้ นอกจากนี้ยังต้องคิดเตือนตนเองทุก ๆ วัน ว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขัดขวางไม่ให้เราไปออกกำลังกาย เราต้องวางแผนควบคุมการกินอย่างไร อย่างน้อยน้ำหนักไม่ลดแต่ก็รักษาไม่ให้เพิ่มขึ้น เป็นต้น

          จิตใจ : เมื่อตั้งเป้าหมายแล้วทำตามนั้นไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก สุดท้ายก็จะล้มเลิก เพราะรู้สึกหดหู่ ในที่สุด อาการปลงตกก็จะเกิดขึ้นตามมาและในไม่ช้ารูปร่างของเราก็จะขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว


ลดความอ้วน

เชื่อว่าเลิกกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดจะทำให้ผอมไวขึ้น

          ร่างกาย : ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยโปรตีนในการสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อยิ่งมีมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่กำลังลดน้ำหนักควรจะบริโภคโปรตีนให้เพียงพอต่อความต้องการ ของร่างกาย ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่ใช้แรงต้าน เช่น การยกเวตเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

          ส่วนความต้องการโปรตีนในแต่ละวันจะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับอายุและสภาพของ ร่างกายผู้บริโภค โดยปกติแล้วบุคคลที่มีอายุ 19 ปี (อ้างอิงจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม 9) ขึ้นไปต้องการโปรตีนเพียง 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน และที่สำคัญที่สุด ควรบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่มีมันและลอกหนังทิ้งไป

          จิตใจ : นอกจากกล้ามเนื้อแล้ว โปรตีนยังเป็นสารอาหารที่จำเป็นอย่างมากสำหรับทุกเซลล์ในร่างกายโดยแหล่ง โปรตีนที่สมบูรณ์ได้มาจาก เนื้อสัตว์ นม ไข่ถั่วเหลือง และเมื่อร่างกายได้รับโปรตีนเพียงพอต่อความต้องการ ผมและเล็บของเราก็จะแข็งแรง เงางาม ผิวพรรณมีน้ำมีนวล ไม่หยาบกร้าน

          นอกจากนี้ยังช่วยลดกลไกการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งเป็นส่วนประกอบหลักของภูมิคุ้มกันในร่างกาย ดังนั้นการลดน้ำหนักแบบพึ่งพาโปรตีนจึงไม่ทำให้ร่างกายซูบโทรม แลดูมีชีวิตชีวาและทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันมีความสุขเพราะไม่เจ็บป่วย หรือเครียดเวลาที่ต้องควบคุมอาหาร


เรื่องน่ารู้

          จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ที่สุ่มตัวอย่างผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติและน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยติดตามผลเป็นเวลานาน 9 - 15 ปี พบว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 13.15 กิโลกรัม มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งรังไข่ และมะเร็งถุงน้ำดีเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติร้อยละ 60 โรคมะเร็งหลอดอาหารสูงกว่าปกติร้อยละ 51 และเสี่ยงเป็นมะเร็งที่ไตสูงกว่าปกติร้อยละ 34



  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย




ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความจริง vs ความเชื่อ เรื่องลดน้ำหนัก อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 17:17:46
TOP