ผลวิจัยชี้อายุยืนหากสนิทสนมเพื่อนร่วมงาน (ไทยโพสต์)
งานวิจัยระดับมหาวิทยาลัยพบว่า หากคุณสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี จะช่วยให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น
ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ทำงานวิจัยต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี โดยเก็บข้อมูลสุขภาพของคนวัยทำงาน 25-65 ปี ซึ่งทำงานโดยเฉลี่ยวันละ 8 ชม. โดยอาสาสมัครทั้งหมดจะคัดกรองข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่สุขภาพจิต นิสัยประจำตัว ปัจจัยความเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่ โรคอ้วน ไปจนถึงอาการจิตตก รวมทั้งยังเก็บตัวอย่างคละกันจากหลายอาชีพ ทั้งด้านไฟแนนซ์และสุขภาพ ไปจนถึงแรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับอาสาสมัครทุกคน จะถูกสอบถามถึงความสัมพันธ์กันในที่ทำงาน ตั้งแต่เจ้านายไปจนถึงเพื่อนร่วมงาน ว่ามีความสนิทสนมหรือมีความสัมพันธ์ดีแค่ไหน ซึ่งผลจากการวิจัยพบว่า อาสาสมัครส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตในระหว่างการวิจัย มักมีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ หรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า การขาดมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในอีก 20 ปีข้างหน้าถึง 140% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงาน ขณะที่ผู้ที่มีปัญหาเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ มีโอกาสที่จะเสียชีวิตเร็วมากกว่าผู้ที่เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี 2.4 เท่า
ดร.ชารอน โตเกอร์ จากภาควิชาพฤติกรรมองค์กร คณะบริหารธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ กล่าวว่า "คนวัยทำงานส่วนใหญ่ใช้ชีวิตทั้งวันในที่ทำงาน และไม่สามารถพบปะเพื่อนฝูงได้ตลอดทั้งสัปดาห์ ดังนั้นสถานที่ทำงานควรเป็นสถานที่ที่สามารถให้การพึ่งพิงทางจิตใจได้"
เธอชี้ว่า งานวิจัยพบว่า ความมั่นคงทางจิตใจเป็นตัวชี้วัดสุขภาพในอนาคต แม้ว่าการช่วยเหลือและสนับสนุนทางด้านจิตใจกันระหว่างเพื่อนร่วมงานจะเป็นเรื่องปกติ แต่ ดร.โตเกอร์ย้ำว่า สถานที่ทำงานหลายแห่งล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ดร.โตเกอร์ ยังกล่าวอีกว่า แม้จะออกแบบสำนักงานให้เป็นสำนักงานเปิดสามารถคุยกันได้ทั้งห้อง แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับชอบพูดคุยกันผ่านอีเมล์ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์กแทน เธอกล่าวว่า แม้สิ่งเหล่านี้จะอำนวยความสะดวกในการติดต่อ แต่กลับตัดโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่จำเป็นต่อมนุษย์
เธอยังแนะนำว่า หากอยากให้ออฟฟิศมีบรรยากาศที่เอื้อให้เกิดการพูดคุยกัน ควรจัดให้มีมุมกาแฟพร้อมเก้าอี้ ที่เมื่อถึงเวลาพัก พนักงานสามารถนั่งลงแล้วสนทนากันได้อย่างเป็นกันเอง ซึ่งเป็นการจัดบรรยากาศให้เหมือนกับการใช้บริการเว็บโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น เฟซบุ๊ก เพราะการจัดโครงการ หรืองานที่ช่วยให้พนักงานสามารถเปิดอกคุยกัน ทั้งปัญหาส่วนตัวและปัญหาในที่ทำงาน ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ดีเช่นกัน.
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก