โรคปริทันต์
โรคปริทันต์ พ่วงโรคร้ายนานาชนิด (ไทยโพสต์)
จากการสำรวจของกองทันตสาธารณสุขกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดพบว่า เด็กอายุ 12 ปี เป็นโรคปริทันต์อักเสบ หรือโรคเหงือกอักเสบแล้วถึงร้อยละ 80 และกลุ่มวัยทำงานเป็นโรคปริทันต์อักเสบถึงร้อยละ 40 และเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 80-90 ในผู้สูงอายุ กล่าวได้ว่าโรคปริทันต์เป็นโรคที่เกิดได้กับทุกคนในครอบครัวนั่นเอง
ด้าน อ.ทพญ.ดร.กนกวรรณ นิสภกุลธร ประธานวิชาการสมาคมปริทันตวิทยาแห่งประเทศไทย และ ทพ.สุนทร อัศวานันท์ ผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรมอัศวานันท์ ร่วมกันให้ความรู้เรื่องนี้ว่า "สุขภาพของช่องปากและฟันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งลโดยตรงกับการมีสุขภาพกายที่ดี การปล่อยปละละเลยสุขภาพของช่องปาก เป็นสัญญาณอันตรายที่จะนำไปสู่การเป็นโรคร้ายอื่นๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วเราสามารถดูแลสุขภาพของช่องปากและฟัน ตลอดจนป้องกันการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ ได้อย่างง่ายๆ เพียงแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี"
"ตามปกติแล้วสาเหตุหลักที่ทำให้สูญเสียฟันก็คือ โรคฟันผุ และโรคเหงือก หรือโรคปริทันต์ ซึ่งนอกจากทำให้เกิดการสูญเสียฟันแล้ว การติดเชื้อเรื้อรังในช่องปากจาก โรคปริทันต์อักเสบ ยังทำให้เกิดโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมาอย่างคาดไม่ถึง อาทิ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ทำให้คนไข้เบาหวานควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ยาก นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดทารกก่อนกำหนดของหญิงมีครรภ์ด้วย ใครจะรู้ว่าแค่เหงือกอักเสบนิดเดียว จะกลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตได้ถึงเพียงนี้"
โรคปริทันต์ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน โรคปริทันต์ อาจเกิดกับฟันซี่เดียวหรือหลาย ๆ ซี่ในปาก หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้ฟันโยกจนต้องถอนฟันในที่สุด โดยโรคนี้สามารถแบ่งอย่างง่าย ๆ ได้เป็น 2 ประเภทตามความรุนแรงของโรคคือ โรคเหงือกอักเสบ และ โรคปริทันต์อักเสบ โรคเหงือกอักเสบมีความรุนแรงน้อยกว่า โดยมีการอักเสบเฉพาะที่เหงือก ส่วน โรคปริทันต์อักเสบ หรือเดิมเรียกว่า โรครำมะนาด มีความรุนแรงของโรคมากกว่า นั่นคือ จะมีการอักเสบของเหงือกร่วมกับการที่กระดูกรอบรากฟันถูกทำลาย โรคปริทันต์อักเสบส่วนใหญ่พบในคนอายุ 30-40 ปีขึ้นไป และจะทวีความรุนแรงของโรคเพิ่มมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น แต่ในปัจจุบันพบว่ามี โรคปริทันต์อักเสบ บางชนิดที่สามารถพบได้ในวัยเด็ก และวัยรุ่น
โรคปริทันต์ เป็นโรคที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ และมักไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆ คนส่วนใหญ่จึงไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคปริทันต์ และมักมาพบทันตแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ผู้ที่มีเหงือกอักเสบมากอาจพบว่ามีเลือดออกขณะแปรงฟัน ผู้ที่เป็น โรคปริทันต์อักเสบ อาจสังเกตเห็นว่าเหงือกของตนเองมีการร่นเพิ่มขึ้น ช่องว่างระหว่างฟันมีขนาดใหญ่ขึ้น ฟันเริ่มแยกห่างจากกัน ฟันโยก เหงือกบวม เป็นๆ หายๆ มีหนอง หรือมีกลิ่นปาก ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ็บปวดทรมานแล้ว ยังทำให้สูญเสียความมั่นใจ จะพูดกับใครก็กลัวสังคมรังเกียจอีกด้วย
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก