x close

ผลตรวจภายใน มีความหมายอย่างไร




ผลตรวจภายใน มีความหมายอย่างไร (Lisa)

          บ่อยครั้งที่ศัพท์ทางการแพทย์ไม่สามารถให้ความกระจ่างใด ๆ กับคนไข้ได้ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพภายในจุดซ่อนเร้นด้วย จะหันหน้าไปปรึกษา ใครก็ไม่กล้า ครั้นจะถามหมอก็เกรงใจ

          สูตินรีแพทย์ได้ทำการตรวจภายในของคนไข้หญิงรายหนึ่ง พร้อมกับตรวจหาเซลล์มะเร็งด้วย หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ แพทย์ได้ส่งผลการตรวจให้กับคนไข้ดังกล่าว โดยผลการวินิจฉัยระบุว่า "PapIIID" และอีกสามเดือนข้างหน้าจะต้องมารับการตรวจซ้ำเพิ่มเติม ข้อความดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก ว่าสิ่งที่เขียนนั้นหมายความว่าอย่างไร ใช่หมายถึงมะเร็งหรือไม่ และทำไมจะต้องไปตรวจเพิ่มเติมกันอีก

การขูดเอาเซลล์ที่ผนังปากมดลูกไปตรวจสอบนั้นทำเพื่ออะไร

          การขูดเอาเซลล์ที่ผนังปากมดลูกมาตรวจ ฟังดูอาจทำให้ผู้มารับการตรวจหลายคนกลัว แต่จริง ๆ แล้วการตรวจดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใด ๆ อีกทั้งยังมีประโยชน์กับตัวผู้ตรวจเองเป็นอย่างมาก เพราะสามารถจะช่วยเฝ้าระวังการเกิดโรคเกี่ยวกับอวัยวะเพศภายในได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีอายุมาก หรือกำลังจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ควรได้รับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

          สำหรับวิธีการตรวจ แพทย์จะใช้เครื่องมือเป็นแท่งเล็ก ๆ สอดเข้าไปในปากมดลูกแล้วป้ายเอาเนื้อเยื่อจากผนังมดลูกออกมาย้อมสี และใช้กล้องจุลทรรศน์สำรวจตรวจดูความผิดปกติของเซลล์เนื้อเยื่อนั้นว่า มีรูปร่าง ขนาดและการติดสีเป็นอย่างไร ซึ่งการตรวจดังกล่าว สามารถจะระบุได้ว่าเซลล์นั้น ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้หรือไม่

          วิธีการตรวจเช่นนี้เป็นวิธีที่แพทย์นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้รับการตรวจรู้สึกเจ็บ อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือด้วย ทั้งนี้ต้องขอยกย่องนายแพทย์ Papanicolaou นายแพทย์ชาวกรีกผู้ซึ่งได้คิดค้นวิธีการดังกล่าวนี้ขึ้นมา  และหลังจากนั้นวิธีการนี้ก็ถูกเรียกว่า Pap-Test อันนี้ที่มาจากชื่อย่อของนายแพทย์ท่านนั้นนั่นเอง

ผลการตรวจด้วยวิธี Pap มีความหมายอย่างไร

          ผลการตรวจด้วยวิธี Pap แต่ละผลจะถูกกำหนดด้วยตัวเลขโรมันตั้งแต่ I-V (1 ถึง 5) เพื่อความสะดวกในการเรียก PapI เมื่อตรวจดูด้วยกล้องไมโครสโคป ไม่พบความผิดปกติของเซลล์ดังกล่าว

          PapII พบความผิดปกติเล็กน้อยของเซลล์ดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่ามีการอักเสบ แต่ยังไม่มีอันตราย

          PapIII หรือ PapIII D มีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของเซลล์ดังกล่าว และประมาณ 54 เปอร์เซ็นต์ของกรณีนี้ไม่แสดงความผิดปกติให้เห็น แต่ก็ยังจำเป็นต้องติดตามดูเซลล์ดังกล่าวนั้นต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง โดยจะต้องมารับการตรวจซ้ำทุก ๆ 3 เดือน จนครบ 4 ครั้ง จึงจะสามารถแน่ใจได้ อย่างไรก็ดีหากมีการก่อตัวที่ผิดปกติของเซลล์เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แพทย์ก็จะสามารถเยียวยารักษาได้อย่างทันท่วงที

          PapIV A และ PapIV สงสัยว่าเซลล์ดังกล่าวจะเป็นมะเร็ง แพทย์จำเป็นต้องผ่าตัดเอาเซลล์นั้นออกมาตรวจสอบ

          PapV วินิจฉัยแล้วว่าเป็นเซลล์มะเร็ง และจำเป็นต้องจัดการผ่าตัดมดลูกออกไป ฉะนั้นก่อนที่อาการของคุณจะมาถึงเช่นนี้ คุณจึงควรหมั่นมาตรวจมะเร็งซ้ำอยู่เสมอ เพราะการพบความผิดปกติเสียแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาให้หายขาดเป็นไปได้ง่ายขึ้น

  เชื้อไวรัสปาปิลโลมาต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งที่มดลูก

          เชื้อไวรัสนี้มีอยู่ด้วยกันหลายชนิดแตกต่างกัน ซึ่งถ้าหากเป็นเชื้อไวรัสฮิวแมนปาปิลโลมาจะทำให้เกิดโรคที่น่ารำคาญ แต่ไม่อันตรายมากนักสำหรับผู้หญิง อย่างเช่น หูดในช่องคลอด ซึ่งสามารถจะเยียวยารักษาได้ด้วยการใช้เลเซอร์ หรือความเย็นจี้ออกไป แต่อย่างไรก็ดีจากการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ ทำให้ได้ค้นพบว่า ไวรัสชนิดนี้ในบางสายพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการก่อให้เกิดมะเร็งที่ปากมดลูก สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสปาปิลโลมานั้น สามารถจะติดต่อถึงกันได้ด้วยการร่วมเพศ ฉะนั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จึงควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะที่มีเพศสัมพันธ์

หมดสิทธิ์มีลูก หากต้องผ่าตัดมดลูกออกไป

          สำหรับผู้หญิงที่วางแผนไว้ว่าจะมีลูก สมควรอย่างยิ่งที่จะตรวจหาเชื้อไวรัสชนิดนี้ ก่อนที่จะทำการตั้งครรภ์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไว้ก่อน ซึ่งถ้าหากพบเชื้อในระยะแรก ๆ การเยียวยารักษาก็จะทำได้ไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าพบเชื้อนี้ในระยะที่รุนแรงแล้ว ผู้ป่วยก็มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียมดลูกไป ซึ่งหากแพทย์ต้องตัดสินใจผ่าตัดมดลูก เพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยไว้ ผู้ป่วยก็จะไม่มีโอกาสมีลูกด้วยตัวเองอีกต่อไป

  การตรวจหาเชื้อไว้รัสปาปิลโลมามีขั้นตอนอย่างไร

          เชื้อไวรัสปาปิลโลมา เชื้อที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งที่ปากมดลูก อย่างไรก็ดีในปัจจุบันแพทย์สามารถจะตรวจพบเชื้อชนิดนี้ ได้จากการนำเลือดไปตรวจด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บ วิธีการนี้จะใช้ร่วมกับการทำ Pap-Test ซึ่งสามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งที่ปากมดลูกได้อย่างถูกต้อง และชัดเจนยิ่งขึ้น


                      เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย

                           คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ผลตรวจภายใน มีความหมายอย่างไร อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 15:35:15 1,341 อ่าน
TOP