มาโนเมทรี ช่วยหญิงพ้นภัยท้องผูก (ไทยโพสต์)
ท้องผูก หนึ่งในโรคยอดฮิตของหญิงไทย ด้วยไลฟ์สไตล์ชีวิตที่รีบเร่ง จนบางรายท้องผูกรุนแรงถึงขั้นกลายเป็นโรค "ท้องผูกเรื้อรัง" หากรักษาไม่ถูกวิธีอาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายร้ายกว่าที่คิด
นพ.บุญเลิศ อิมราพร อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี เผยถึงผลการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารจาก Prof. Jeffrey Conklin แห่ง UCLA ว่า ผู้ป่วยท้องผูกเรื้อรังจำนวนมากที่ประสบปัญหาว่า ได้รับการตรวจวินิจฉัยและการรักษา ทั้งโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ การกินยาระบายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งต้องหาวิธีต่าง ๆ นานาด้วยตนเอง เช่น การสวนลูกยาง การทำดีท็อกซ์ การกินยาสมุนไพร ก็ยังไม่พบสาเหตุของอาการท้องผูกและไม่สามารถรักษาโรคได้ ซึ่งเป็นเพราะการวินิจฉัยและรักษานั้นไม่ได้มาจากต้นตออย่างแท้จริง
ปัจจุบันได้มีการคิดค้นวิธีการวินิจฉัยและการรักษาท้องผูกที่เป็นระบบและครบวงจรด้วยเทคนิคใหม่ ได้แก่ เครื่องมือตรวจการเคลื่อนไหวทางเดินอาหารที่เรียกว่า มาโนเมทรี (Manometry) และการตรวจลมหายใจ เพื่อหาแบคทีเรียที่ทำให้เกิดภาวะท้องผูกและท้องอืด หรือ Hydrogen breath test โดยเทคนิคดังกล่าวจะสามารถตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของท้องผูก โดยการตรวจการทำงานของหูรูดทวารหนัก มีขั้นตอนการตรวจไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ หรือยาสลบ ผู้ป่วยไม่เกิดความเจ็บปวดขณะตรวจ ส่วนการตรวจหาปริมาณแบคทีเรียในลำไส้ ก็ทำได้ด้วยการเป่าลมหายใจ
วิธีการดังที่กล่าวมาข้างต้นจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของโรคท้องผูกได้ถึงต้นตอที่แท้จริง และมีความแม่นยำขึ้น อาทิ ท้องผูกที่เกิดจากหูรูดไม่คลายตัวขณะเบ่งอุจจาระ หรือปริมาณแบคทีเรียบางชนิดที่ผลิตก๊าซมีเทนมากเกินไป ส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูกหรือท้องอืดได้ เป็นต้น ซึ่งแพทย์จะสามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยท้องผูกได้อย่างแท้จริง ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องทนทรมาน พึ่งยาระบายอีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรคท้องผูกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย
นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผู้หญิงมีแนวโน้มท้องผูกกันมากขึ้น หรืออาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยทำงาน เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่รีบเร่ง ภาวะโภชนาการ ความเครียด และอีกหลายเหตุปัจจัย โดยสัญญาณของผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังคือ การถ่ายอุจจาระที่มีความถี่น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นประจำ อุจจาระมีความแห้ง แข็ง เวลาขับถ่ายต้องใช้แรงเบ่งมาก หรือใช้มือล้วง และภายหลังอุจจาระแล้วยังมีความรู้สึกว่าอุจจาระไม่สุด สร้างความเจ็บปวดและทรมาน โดยเฉพาะในรายที่มีอาการท้องผูกรุนแรงและเป็นประจำ อาจใช้การรักษาที่ผิดวิธีจนทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้
ทั้งนี้ ผู้หญิงที่รักษาอาการท้องผูกแบบผิดวิธีอาจแฝงอันตรายที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะผู้ที่ชอบกินยาระบายทุกวัน บางรายต้องพึ่งยาระบายมากกว่าวันละหลายสิบเม็ด ซึ่งหากบริโภคยาระบายเกินขนาดจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ อาทิ ทำให้ลำไส้เป็นอัมพาตไม่ทำงาน ผู้ที่ใช้วิธีการสวนทวาร หรือ Detox ก็สามารถส่งผลทำให้ลำไส้ทะลุ ทวารหนักหลวม บีบตัวไม่ได้ ซ้ำร้ายยังทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารหนักตามมาอีกด้วย ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอาการดังกล่าวจะไม่กล้ามารักษากับแพทย์โดยตรง ต้องทนทรมานกับความเจ็บปวดของร่างกาย สูญเสียโอกาสหลาย ๆ อย่างในชีวิต
ส่วนการหาซื้อยามารักษาเอง อาจช่วยบรรเทาอาการในขณะนั้น แต่ไม่ใช่การรักษาที่สาเหตุ อาการต่าง ๆ อาจทุเลาลงระยะหนึ่งและกลับมาเป็นใหม่ ทำให้อาการของโรคทรุดหนักมากขึ้น ดังนั้นหากรู้ว่าตัวเองเริ่มมีอาการของโรคท้องผูกเรื้อรังควรมาพบแพทย์เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธีต่อไป
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก