เป็น "เบาหวาน" ต้องทาน มะระขี้นก (ธรรมลีลา)
โดย : ป้าบัว
ป้าบัว ได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมคุณยาย วัย 101 ปี ที่ยังดูสดชื่นแจ่มใส ไม่มีอาการของคนขี้หลง ขี้ลืม แต่ก็มีโรคภัยเบียดเบียนบ้างตามประสาคนชราทั่วไป
เคยมีคนถามว่า คุณยายกินอะไรถึงอายุยืน ไม่ค่อยเจ็บป่วย หรือถึงเจ็บป่วยก็หายเร็ว "ป้าบัว" ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้ ๆ เพราะคลุกคลีกับคุณยายมาแต่เล็ก ๆ ก็เห็นคุณยายกินแต่ผักพื้นบ้าน นำมาต้มกินกับน้ำพริกกะปิ และผักที่คุณยายชอบก็ล้วนแต่เป็นผักที่มีรสชาติขม ๆ โดยเฉพาะ "มะระขี้นก" ลูกเล็ก ๆ ที่ขมแสนขม แต่คุณยายบอกว่า "หวานเป็นลม ขมเป็นยา" แล้วก็กินมะระขึ้นกได้ทุกวัน (ยกเว้นวันที่หาซื้อไม่ได้) กินทั้งผลและใบอุ่น ๆ
"ป้าบัว" เคยลองกินหนหนึ่งเมื่อตอนเล็ก ๆ จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ยอมกินอีก เพราะนึกถึงรสชาติครั้งนั้นที่ไร ก็รู้สึกขมขึ้นมาในคอทันที และอีกเรื่องหนึ่งที่ "ป้าบัว" ไม่รู้ตั้งนาน (แต่ตอนนี้รู้แล้วจ้ะ) ก็คือมะระขี้นกนั้น จัดว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยป้องกันและรักษาได้หลายโรค โดยเฉพาะโรคเบาหวาน
มิน่าละ...โรคหนึ่งคุณยายไม่มีเหมือนคนสูงอายุส่วนใหญ่ก็คือ โรคเบาหวาน โรคยอดฮิตที่มาเยือนยามชรานี่เอง
มะระขี้นกเป็นพืชในเขตร้อน เป็นไม้เถาเลื้อย ผลมีขนาดเล็กกว่ามะระธรรมดาทั่วไป ผิวขรุขระ สีเขียวเข้ม และมีรสข้มจัด มีรายงานการวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของมะระขึ้นก พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดได้เป็นอย่างดี โดยสามารถออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลได้ภายใน 30 - 60 นาทีหลังกิน และจะออกฤทธิ์สูงสุดหลังจากกินไปแล้ว 4 - 12 ชม. เนื่องจากมะระขี้นกจะกระตุ้นการเปลี่ยนกลูโคสในกระแสเลือด ให้เป็นไกลโคเจนที่ตับ และยังกระตุ้นการหลังอินซูลินจากเบตาเซลล์ของตับอ่อน อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างเบตาเซลล์อีกด้วย
นอกจากนี้ยังช่วยป้องการตีบและหน้าตัวของผนังหลอดเลือดแดง ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไลด์ในตับ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ รศ.สพญ.ดร.ศิรินทร หยิบโชคอนันต์ ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะสัตวแพทย์ศาสตร์จุฬาฯ เปิดเผยถึงคุณค่าของมะระขี้นกที่มีผลต่อมนุษย์ว่า ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง "ฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินและการออกฤทธิ์ เสมือนเป็นอินซูลินของโปรตีนสกัดจากเนื้อของมะระขี้นก" โดยนำมะระขี้นกมาทำการสกัดโปรตีนจากเนื้อของมะระ และศึกษาถึงฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูขาวปกติและหนูขาวที่เป็นเบาหวานพบว่า การฉีดโปรตีนสกัดจากมะระขี้นกขนาด 5 และ 10 มก./กก. เข้าใต้ผิวหนังสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูปกติ และหนูที่เป็นเบาหวานได้ โดยฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลจะเกิดขึ้นหลังจากฉีดเข้าใต้ผิวหนังแล้ว 6 ชั่วโมงในหนูปกติ และ 4 ชั่วโมงในหนูเบาหวาน
นอกจากนี้สารสกัดโปรตีน ยังมีผลต่อการเพิ่มระดับอินซูลินในพลาสม่าได้ 2 เท่า ในเวลา 4 ชั่วโมงหลังจากฉีดโปรตีนสกัดเข้าใต้ผิวหนัง และโปรตีนสกัดนี้ยังสามารถกระตุ้นการหลังอินซูลินได้โดยตรงจากตับอ่อน และสามารถกระตุ้นการเข้าสู่เซลล์ของน้ำตาลให้เพิ่มมากขึ้นในเซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน
ส่วนนักวิจัยชาวพม่าก็พบว่าผงยาที่ทำจากผงมะระขี้นกอบแห้ง เป็นสารธรรมชาติที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดที่ให้ผลเหมือนอินซูลิน ข้อดีของมะระขี้นกช่วยลดการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่ร่างกาย และถ้าเป็นอย่างนี้ก็น่าจะช่วยลดความอ้วนได้ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมประเทศในเขตร้อนที่มีมะระขี้นกชุกชุม เช่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา พม่า ไทย ฯลฯ จึงพากันหันมาใช้พืชชนิดนี้ในการรักษาโรคเบาหวาน โดยเฉพาะที่อินเดียใช้กันมานานแล้ว
สำหรับการแพทย์แผนไทย ประโยชน์ของมะระขี้นก นอกเหนือจากการรักษาโรคเบาหวานแล้ว ยังช่วยรักษาโรคอื่น ๆ ได้อีก เช่น ใช้เป็นยากระตุ้นการเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ช่วยฝาดสมาน แก้บิด ริดสีดวงทวาร ช่วยขับลม บำรูงธาตุเป็นยาระบาย แก้โรคลมเข้า ข้อเข่าบวม แก้โรคม้ามและพยาธิ
นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยเส้นใยฟอสฟอรัส ไนอาชิน และวิตามินเอ ในปริมาณสูง จึงช่วยบำรุงตา กระดูก ฟัน ผิว ผม และเนื้อเยื่ออ่อนที่สำคัญ ยังมีรายงานการวิจัยจากต่างประเทศหลายฉบับที่ยืนยันว่า สารสกัดจากผลมะระขี้นกสามารถยับยั้งการเจริญ และการขยายตัวของเชื้อเอชไอวีในหลอดทดลองได้ผลดี ซึ่งบ้านเราโดยคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก็ได้ทำการศึกษาพบว่าสารกลุ่มอนุพันธ์ไอโซพรีนอยด์ในมะระขี้นกนั้น มีฤทธิ์ต้านเชื้อเอชไอวี โดยมีคุณสมบัติออกฤทธิ์เป็นโปรตีนชื่อ MRK29 ซึ่งแยกได้จากผลและเมล็ดของมะระขี้นก และสามารถผลิตออกมาเป็นยาสวนทวาร แต่ยังอยู่ในขั้นของการตรวจสอบควบคุมคุณภาพทางคลินิก ซึ่งหากการทดลองและทดสอบทั้งของไทยและต่างประเทศเป็นผลสำเร็จ ก็เชื่อว่าจะเป็นข่าวดีมาก ๆ ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยโรคเอดส์ ต่อไปในอนาคต
สรรพคุณดี ๆ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างนี้เห็นที "ป้าบัว" ต้องพยายามลืมความขมให้ได้ แล้วหาซื้อมะระขี้นกมารับประทานบ้างแล้ว เผื่อว่าโรคเบาหวานจะได้ไม่ตามมารังควานเหมือนคุณยาย
อ้อ...หากใครไม่ชอบรับประทานแบบสด ๆ จิ้มกับน้ำพริก ก็เอาไปหั่นแล้วตากแห้ง นำมาชงกับน้ำร้อนกินก็ได้ค่ะ หรือถ้าไม่ชอบทั้งสองแบบก็หาประเภทที่เขาบดเป็นผงใส่แคปซูน กลืนลงคอ ก็แล้วแต่สะดวกค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก