
อย่าปล่อยให้ อัมพาต ถามหา (ธรรมลีลา)
ในปัจจุบันที่คนเรามีอายุยืนขึ้น เนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น การที่เรามีการดูแลสุขภาพร่างกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนที่เพียงพอและการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราละเลยสิ่งเหล่านี้ เช่น นอนดึก สูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำให้เกิดเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคตับ และในบรรดาโรคต่าง ๆ เหล่านี้ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นโรคหนึ่งที่ไม่เพียงมีผลต่อผู้ป่วยเอง แต่ยังมีผลกระทบอย่างมากต่อญาติของผู้ป่วยด้วย ทั้งในแง่เวลา ค่ารักษาพยาบาลและการขาดรายได้ของญาติที่ต้องคอยพาผู้ป่วยมาหาแพทย์ ดังนั้นโรค อัมพาต จึงมีผลกระทบอย่างมาก ต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย

อัมพาต (Stroke) เป็นคำที่ใช้เรียกอาการอ่อนแรงครึ่งซีกหรือแตกก็ของร่างกาย หรือ ครึ่งท่อนล่างของร่างกาย ที่มีสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง หรือไขสันหลัง ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดตีบหรือแตกก็ได้
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization หรือ WHO) ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า
"เป็นอาการที่เกิดอย่างปัจจุบันทันที ต่อการทำงานของสมองบางส่วน หรือทั้งหมด โดยที่อาการนั้นเป็นอยู่นาน 24 ชม. หรือทำให้สูญเสียชีวิต ซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคของหลอดเลือดเท่านั้น"
คำว่า " อัมพาต" เรามักจะหมายถึง อาการอ่อนแรงจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เลย
ส่วนคำว่า " อัมพฤกษ์ " เราหมายถึงอาการอ่อนแรงที่ผู้ป่วยยังพอขยับร่างกายส่วนนั้นได้บ้าง โดยทั่วไปเรามักจะนึกว่า อัมพาต อัมพฤกษ์ จะต้องมีอาการอ่อนแรงเสมอ แต่โดยความเป็นจริงแล้ว การที่มีอาการชา หรือมีความรู้สึกลดน้อยลงครึ่งซีก ทั้งในแง่การรับรู้สัมผัส ความเจ็บปวด ความรู้สึกร้อนหรือเย็นที่ลดลง ก็เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองได้ทั้งนั้น
อาการจะต้องเกิดในทันทีทันใด เช่น ตื่นนอนเช้า ขณะกำลังทำงาน หรือกำลังทำกิจวัตรต่าง ๆ แล้วมีอาการชา หรืออ่อนแรงในบางคนอาจจะมีอาการเตือนมาก่อน เช่น มีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ตาข้างหนึ่งข้างใดมองไม่เห็นชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แต่เป็นนาที หรือเป็นชั่วโมง แล้วอาการดีขึ้นเป็นปกติ ซึ่งถ้าผู้ป่วยมีการเตือนแล้วรีบมาพบแพทย์ ก็จะมีประโยชน์ในแง่ของการป้องกันการเกิด อัมพาต อัมพฤกษ์ได้

จากการศึกษาของต่างประเทศพบว่า อัมพาต จะพบมากขึ้นตามอายุทั้งเพศชายและหญิง เช่น




นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง ในช่วงอายุ 45-64 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 65 ปีแล้ว โอกาสในการเกิด อัมพาต จะค่อนข้างเท่ากัน

จากการศึกษาพบว่า ความดันโลหิตสูงโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เบาหวาน สูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิด อัมพาต ทั้งสิ้น เช่น ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจ มีโอกาสเป็นอัมพาตมากกว่าคนไม่เป็นประมาณ 1-3 เท่า เป็นต้น ดังนั้น การควบคุมปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

ดังได้กล่าวมาแล้ว การควบคุมปัจจัยเสี่ยงล้วนสามารถป้องกันการเกิด อัมพาต ได้ การป้องกันในระยะยังไม่มี อัมพาต เป็นสิ่งที่แพทย์สามารถให้คำแนะนำได้








ขอขอบคุณข้อมูลจาก
