ลดพุง ลดโรค พิชิตสุขภาพง่าย ๆ ด้วยหลัก 3 อ.




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          รู้หรือไม่ว่า "พุงอ้วน ๆ" ของคุณ นำพาสารพัดโรคมาสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ แม้คุณจะเป็นคนผอมบางร่างน้อย หรือเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ถ้าคุณมี "พุง" ที่เป็นแหล่งสะสมของไขมัน นั่นก็ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อสารพัดโรคเหล่านั้นได้ไม่ต่างจากคนอ้วนเลยนะ

          ทั้งนี้ รายการ Fat Fact ความจริงรอบพุง ที่ออกอากาศทางช่อง ไทยพีบีเอส ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า "พุง" คือที่รวมของไขมันชนิดที่น่าเกลียดที่สุด น่ากลัวที่สุด และอันตรายที่สุด แถมยังเป็นที่สะสมของไขมันอิสระที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ยิ่งพุงขึ้นใหญ่ขึ้นเท่าไร คุณก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น!!!

          นอกจากนี้ จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังบอกให้ทราบว่า ปัจจุบัน มีผู้ชายไทย 1 ใน 3 และผู้หญิงไทย ถึง 1 ใน 2 คน กำลังตกอยู่ในภาวะอ้วนลงพุง

          เอ...แล้วเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้วยหรือเปล่านะ...ลองทดสอบด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการวัดรอบเอว (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ของคุณดู ถ้าตัวเลขที่ได้มากกว่า "ส่วนสูง (เซนติเมตร) หาร 2" นั่นแสดงว่า คุณกำลังตกอยู่ในภาวะ "อ้วนลงพุง" แล้ว และความน่ากลัวของมันก็คือ รอบพุงที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 เซนติเมตร จะทำให้โอกาสเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าเชียวนะ

ลดความอ้วน

          ถ้าใครเข้าข่าย "คนอ้วน" แล้วล่ะก็ ถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะมา "ลดพุง ลดโรค" เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักนาน ๆ โดยยึดหลัก "3 อ." นั่นก็คือ

อ. อาหาร

           หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม
         
           เลือกวิธีเตรียมอาหารด้วยต้ม นึ่ง ย่าง งดของทอด ผัด ที่ใช้น้ำมันมาก
         
           เลิกดื่มเครื่องดื่มรสหวาน เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม นมเปรี้ยว กาแฟเย็น ชาเขียว น้ำผลไม้กล่อง น้ำผลไม้รสหวาน

อ. ออกกำลังกาย

          จดจำไว้เสมอว่า "กิน" ให้เท่ากับ "การเผาผลาญ" หากไม่ออกกำลังเท่าที่เรากินเข้าไป เราจะมีพลังงานเหลือเก็บไว้เป็นไขมันรอบพุงเช่นเดิม

อ. อารมณ์

          ต้องมุ่งมั่น จริงจัง อดกลั้น อดทน กับนโยบายการเปลี่ยนแปลงตนเอง อย่าให้อารมณ์ความอยากกินมาทำลายนโยบายลดพุงของคุณ ดังนั้น อารมณ์ ถือเป็นภารกิจแรกที่เราต้องทำให้ได้เลยเชียวล่ะ

ลดความอ้วน

          ทั้ง 3 อ. นี้ มีความสำคัญมากเลยนะจ๊ะ ซึ่ง อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญโภชนาการ แนะนำว่า หากต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผล จะต้องปฏิบัติตาม 3 อ.ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าคิดจะออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังกินแหลก ไม่ควบคุมอารมณ์ ต่อให้คุณออกกำลังกายหักโหมแค่ไหนก็ลดน้ำหนักได้แค่ 1% เท่านั้นเอง ส่วนคนที่คุมอาหารอย่างเดียว โดยไม่ออกกำลังกายเลย จะลดน้ำหนักได้แค่ 9% แต่ถ้าคุมอาหารด้วย ควบคู่กับการออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กัน เราจะลดน้ำหนักได้ถึง 90%!!!

          ได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ยังมีข้ออ้างอยู่ในใจว่า "ก็ไม่มีเวลานี่ จะไปออกกำลังกายได้อย่างไร" แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถทำกิจกรรมอะไรที่ช่วยให้ขยับร่างกายได้ทุกเวลานั่นแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือไม่ทำมากกว่า อย่างเช่นถ้าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ ก็สามารถใช้เวลาในช่วงทำงานขยับร่างกายได้ เช่น
         
           ทุก ๆ ชั่วโมง ให้ลุกขึ้นมาเดินสัก 5 นาที เป็นการพักเบรกไปในตัว
         
           เปลี่ยนจากการขึ้นลิฟต์มาขึ้นบันได เพียงแค่ 5 นาที ก็จะช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้นแล้ว แถมยังช่วยเผาผลาญพลังงานที่มีอยู่ด้วย
         
           แกว่งแขน
         
           ลุกนั่ง
         
           เดินให้มากขึ้น ให้ได้วันละ 10,000 ก้าว
         
           ใช้จักรยาน หรือรถสาธารณะในการเดินทาง

          การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ แค่นี้ ก็ช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานไปได้มากโข ไม่ต้องเก็บพลังงานไว้เป็นไขมันหน้าท้องรอบ ๆ พุง ให้เสียสุขภาพอีกแล้วล่ะ



 


 เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลดพุง ลดโรค พิชิตสุขภาพง่าย ๆ ด้วยหลัก 3 อ. อัปเดตล่าสุด 21 ตุลาคม 2560 เวลา 08:20:36 20,943 อ่าน
TOP
x close