_1.jpg)
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
รู้หรือไม่ว่า "พุงอ้วน ๆ" ของคุณ นำพาสารพัดโรคมาสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง ฯลฯ แม้คุณจะเป็นคนผอมบางร่างน้อย หรือเป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ถ้าคุณมี "พุง" ที่เป็นแหล่งสะสมของไขมัน นั่นก็ทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อสารพัดโรคเหล่านั้นได้ไม่ต่างจากคนอ้วนเลยนะ
ทั้งนี้ รายการ Fat Fact ความจริงรอบพุง ที่ออกอากาศทางช่อง ไทยพีบีเอส ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า "พุง" คือที่รวมของไขมันชนิดที่น่าเกลียดที่สุด น่ากลัวที่สุด และอันตรายที่สุด แถมยังเป็นที่สะสมของไขมันอิสระที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ยิ่งพุงขึ้นใหญ่ขึ้นเท่าไร คุณก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น!!!
นอกจากนี้ จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังบอกให้ทราบว่า ปัจจุบัน มีผู้ชายไทย 1 ใน 3 และผู้หญิงไทย ถึง 1 ใน 2 คน กำลังตกอยู่ในภาวะอ้วนลงพุง
เอ...แล้วเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงด้วยหรือเปล่านะ...ลองทดสอบด้วยตัวเองง่าย ๆ ด้วยการวัดรอบเอว (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ของคุณดู ถ้าตัวเลขที่ได้มากกว่า "ส่วนสูง (เซนติเมตร) หาร 2" นั่นแสดงว่า คุณกำลังตกอยู่ในภาวะ "อ้วนลงพุง" แล้ว และความน่ากลัวของมันก็คือ รอบพุงที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 เซนติเมตร จะทำให้โอกาสเสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 3-5 เท่าเชียวนะ

ถ้าใครเข้าข่าย "คนอ้วน" แล้วล่ะก็ ถึงเวลาแล้วล่ะที่เราจะมา "ลดพุง ลดโรค" เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักนาน ๆ โดยยึดหลัก "3 อ." นั่นก็คือ





จดจำไว้เสมอว่า "กิน" ให้เท่ากับ "การเผาผลาญ" หากไม่ออกกำลังเท่าที่เรากินเข้าไป เราจะมีพลังงานเหลือเก็บไว้เป็นไขมันรอบพุงเช่นเดิม

ต้องมุ่งมั่น จริงจัง อดกลั้น อดทน กับนโยบายการเปลี่ยนแปลงตนเอง อย่าให้อารมณ์ความอยากกินมาทำลายนโยบายลดพุงของคุณ ดังนั้น อารมณ์ ถือเป็นภารกิจแรกที่เราต้องทำให้ได้เลยเชียวล่ะ

ทั้ง 3 อ. นี้ มีความสำคัญมากเลยนะจ๊ะ ซึ่ง อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญโภชนาการ แนะนำว่า หากต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผล จะต้องปฏิบัติตาม 3 อ.ไปพร้อม ๆ กัน ถ้าคิดจะออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังกินแหลก ไม่ควบคุมอารมณ์ ต่อให้คุณออกกำลังกายหักโหมแค่ไหนก็ลดน้ำหนักได้แค่ 1% เท่านั้นเอง ส่วนคนที่คุมอาหารอย่างเดียว โดยไม่ออกกำลังกายเลย จะลดน้ำหนักได้แค่ 9% แต่ถ้าคุมอาหารด้วย ควบคู่กับการออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กัน เราจะลดน้ำหนักได้ถึง 90%!!!
ได้ยินแบบนี้ หลายคนก็ยังมีข้ออ้างอยู่ในใจว่า "ก็ไม่มีเวลานี่ จะไปออกกำลังกายได้อย่างไร" แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถทำกิจกรรมอะไรที่ช่วยให้ขยับร่างกายได้ทุกเวลานั่นแหละค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือไม่ทำมากกว่า อย่างเช่นถ้าคุณเป็นพนักงานออฟฟิศ ก็สามารถใช้เวลาในช่วงทำงานขยับร่างกายได้ เช่น






การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ แค่นี้ ก็ช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานไปได้มากโข ไม่ต้องเก็บพลังงานไว้เป็นไขมันหน้าท้องรอบ ๆ พุง ให้เสียสุขภาพอีกแล้วล่ะ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย