x close

กินผักอย่างไรให้ได้ประโยชน์


ผัก

กินผักอย่างไรให้ได้ประโยชน์ (Happy+)

เรื่อง : แม่มะลิ

          ผักนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างยิ่ง เพราะมีเส้นใยอาหารช่วยเรื่องการขับถ่าย เป็นแหล่งของวิตามินและเกลือแร่ ช่วยป้องกันและบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แถมยังช่วยบำรุงผิวพรรณ แต่เคยสงสัยไหมว่าผักที่เรากินกันนั้น ควรกินแบบไหนจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด เรามีคำแนะนำจาก รศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล มาบอกค่ะ


มะเขือเปราะ


1. มะเขือเปราะ

           สรรพคุณ : ช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ ช่วยในการขับถ่าย อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ ลดความดันเลือด และยังลดปริมาณน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานได้อีกด้วย โดยสารสกัดจากมะเขือเปราะนั้นจะออกฤทธิ์คล้ายอินซูลิน ช่วยเสริมการใช้งานกลูโคสอย่างมีประสิทธิภาพ

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งดิบและปรุงสุก


แครอท

2. แครอท

           สรรพคุณ : มีวิตามินเอและเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา แก้โรคตาฝ้าฟาง ช่วยขับปัสสาวะ นอกจากนี้ แครอทยังมีสารฟอลคารินอลซึ่งทำงานร่วมกับสารเบต้าแคโรทีน สามารถต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งสดและปรุงสุก แต่ถ้าผ่านความร้อนจะทำให้วิตามินที่อยู่ในแครอทแตกตัวเพิ่มขึ้น ร่างกายจะได้รับประโยชน์มากกว่า


บรอกโคลี

3. บรอกโคลี

           สรรพคุณ : มีสารซัลโฟราเฟน ซึ่งป้องกันโรคมะเร็ง และอุดมด้วยวิตามินซี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง ป้องกันการเกิดต้อกระจก เพราะบรอกโคลีมีสารเบต้าแคโรทีนสูงโดยเฉพาะสารลูทีน และสารกลูตาไธโอน ซึ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดไขข้ออักเสบ เบาหวาน และโรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดความดันโลหิตสูง

            วิธีปรุง : ปรุงสุกโดยผัดหรือต้ม เน้นการล้างให้สะอาด โดยหั่นเป็นชิ้นตัดแต่งให้เรียบร้อย ไม่ควรแช่ล้างทั้งหัว เพราะสารเคมีอาจยังตกค้างอยู่ตามกิ่งก้าน


แตงกวา

4. แตงกวา

           สรรพคุณ : ช่วยเสริมความจำ ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ทำให้ผิวขาวใส นุ่มนวล

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งสดและปรุงสุก เน้นล้างให้สะอาด


ถั่วฝักยาว


5. ถั่วฝักยาว

           สรรพคุณ : เป็นยาบำรุงไตและม้าม แก้ร้อนใน และแก้ตกขาว

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งสดและปรุงสุก


ผักบุ้ง

6. ผักบุ้ง

          สรรพคุณ : บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงเลือด ลดไข้ แก้เบาหวาน แก้ร้อนใน บำรุงสายตา

            วิธีปรุง : ปรุงสุก เน้นการล้างให้สะอาด


ผักกาดขาว

7. ผักกาดขาว

          สรรพคุณ : ช่วยย่อย แก้ไอมีเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ขับปัสสาวะ

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งสดและปรุงสุก เน้นการล้างโดยแกะล้างใช้มือขัดทีละใบ แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จะปลอดภัย


ถั่วงอก

8. ถั่วงอก

          สรรพคุณ : มีเส้นใยอาหารสูง ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีและยังช่วยดูดซับของเสียออกจากร่างกายได้

            วิธีปรุง : กินได้ทั้งสดและปรุงสุก


กะหล่ำปลี

9. กะหล่ำปลี

           สรรพคุณ : มีวิตามินซีสูง ทำให้หวัดหายเร็ว ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            วิธีปรุง : ปรุงโดยการผัด ลวก หรือต้ม ถ้ากินสดไม่ควรกินเยอะ เพราะในกะหล่ำปลีมีสารออกซาเลต (Oxalate) เมื่อไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไตจะกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ทำให้เกิดโรคนิ่วในไต


มะเขือเทศ

10. มะเขือเทศ

           สรรพคุณ : มีสารไลโคปีนที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งที่มดลูก ปอด และต่อมลูกหมาก บำรุงสายตา ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว

            วิธีปรุง : กินสดจะได้รับวิตามินซี แต่ถ้าผ่านการปรุงสุกหรือผ่านกระบวนการ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ ร่างกายจะนำไลโคปีนไปใช้ได้ดีกว่าผลสด



  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย


คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กินผักอย่างไรให้ได้ประโยชน์ อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 13:57:31 43,945 อ่าน
TOP