x close

5 สิ่งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่ทำร้ายเท้าเราอย่างไม่น่าเชื่อ!

เรื่องสุขภาพ



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          อะไรเอ่ย รับภาระน้ำหนักที่สุดในร่างกาย? .. คำตอบก็คือ "เท้า" ของเรายังไงล่ะคะ เพราะมันรับน้ำหนักของเราไว้ทั้งหมด แถมยังพาเราไปไหนมาไหนทั้งใกล้และไกลอยู่เสมอ แต่อาจเพราะเป็นอวัยวะที่อยู่ต่ำเตี้ยที่สุดของร่างกาย จึงไม่ค่อยได้รับความเอาใจใส่เท่าไหร่ ไม่ดูแลเฉย ๆ ยังพอว่า แต่หลายคนยังทำร้ายมันทางอ้อมด้วย รู้ไหมคะว่าที่จริงแล้วเราหลาย ๆ คนกำลังทำร้ายเท้าของตัวเองอยู่แทบทุกวัน แม้จะไม่รุนแรงหนักหนาสาหัสแบบเห็นผลทันตา แต่ก็สามารถส่งผลเสียได้ในระยะยาว .. และเมื่อมันออกอาการขึ้นมา คุณก็อาจไม่รู้ได้เลยว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่เพราะทำร้ายมันลงไปอย่างไม่รู้ตัวจนเคยชินแล้วนั่นเอง และนี่คือ 5 พฤติกรรมที่เราทำกันบ่อย ๆ แต่ไม่รู้เลยว่าสามารถทำร้ายเท้าของเราได้ค่ะ

      1. เดินเท้าเปล่าบนพื้นแข็ง

          โดยธรรมชาติแล้ว เท้าของคนเราถูกออกแบบมาให้เดินบนพื้นที่เรียบและอ่อนนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น พื้นดิน ขณะที่ย่ำย่างแต่ละก้าวลงไป พื้นที่มีลักษณะยืดหยุ่นหรือยวบได้จะยุบลงเป็นรอยเท้า ซึ่งซัพพอร์ตกับการลงน้ำหนักของเท้าอย่างเป็นธรรมชาติ ต่างจากพื้นแข็ง ๆ อย่างพื้นกระเบื้อง ซีเมนต์ หรือแม้แต่พื้นในบ้าน ที่แบนและกระด้างไม่ยืดหยุ่น การเดินเท้าเปล่าเพียง 5,000-10,000 ก้าวต่อวัน ก็มากพอที่จะทำให้คุณเกิดอาการปวดเท้าได้แล้ว เพราะความแข็งของพื้นทำให้น้ำหนักถ่ายเทลงไปอย่างผิดลักษณะ เกิดเป็นอาการปวดส้นเท้า ฝ่าเท้า หรือแม้กระทั่งปวดเข่าตามมาได้

      2. ใส่รองเท้าส้นแบนหรือรองเท้าแตะนิ่ม ๆ

          เคยได้ยินแต่รองเท้าแตะพื้นบาง ๆ แข็ง ๆ จะเสี่ยงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของเท้าได้ง่าย แต่รู้หรือไม่คะว่ารองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าแตะพื้นนิ่ม ๆ ใส่สบายก็มีผลเสียได้เช่นกัน เมื่อใส่ไปนาน ๆ เข้า ความสบายจะกลายเป็นความปวดเมื่อยจนอาจถึงขั้นอักเสบขึ้นมาแทน

          เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ รองเท้าที่มีพื้นรองเท้านุ่มนิ่มทำให้แนวโน้มที่จะย่างเดินโดยมีลักษณะเท้าบิดเข้าด้านใน (Over Pronation) มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะการเดินที่ทำให้เท้านิ้วโป้งและบริเวณที่ไล่ลงมารับน้ำหนักมากกว่าส่วนอื่น ๆ  การเดินลักษณะเช่นนี้จึงเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บมาก ไม่ว่าจะเป็นปวดส้นเท้า เอ็นส้นเท้าอักเสบ เอ็นร้อยหวายอักเสบ ปวดแข้ง ปวดเข่า ลามไปจนถึงปวดเอวและหลังช่วงล่าง เพราะนั้นหากจะเลือกรองเท้าส้นแบนหรือรองเท้าแตะไว้ใส่เดินให้สบายสักคู่ก็ต้องใส่ใจกับจุดนี้ด้วยนะคะ

      3. เดินผิดวิธีจนน่องโต

          น่องโต .. จริง ๆ แล้วอาการนี้น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่ออกกำลังกายหนัก ๆ จนไขมันที่ขาหายไปและเห็นก้อนกล้ามเนื้อได้ชัดเจน แต่ที่จริงผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินก็ประสบปัญหาน่องโตได้เช่นเดียวกัน นั่นเป็นเพราะท่วงท่าการเดินที่ไม่ถูกลักษณะ ทำให้กล้ามเนื้อที่น่องทำงานหนักเกินไป  ลองปรับเปลี่ยนการเดินดูใหม่ โดยแต่ละครั้งที่ขึ้นบันได แทนที่จะก้าวพรวด ๆ ให้ถึงด้านบนเร็ว ๆ  ให้หยุดทุกขั้นที่ก้าว แล้วเหยียดขาให้น่องทั้งสองข้างตึงก่อนจะก้าวขึ้นขั้นต่อไป

      4. แอคทีฟกับการออกกำลังกายมากเกินไป

          การออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ต้องเป็นไปอย่างถูกวิธีด้วย การวิ่งอย่างเร็วโดยไม่ได้วอร์มจากการเดินช้า ๆ  มาก่อน หรือการเพิ่มสปีดขึ้นอย่างกะทันหัน ก็จะทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ นอกจากจะต้องให้ความสำคัญในการวอร์มอัพแล้ว ยังต้องเลือกรองเท้าที่เข้ารูปและซัพพอร์ตเท้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

      5. ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้น้ำหนักเกิน .. แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม

          จากการวิจัยพบว่า การที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ส่งผลต่อสุขภาพเท้าได้ไม่น้อย เพราะนั่นหมายความว่าเท้าทั้งสองข้างจะต้องแบกรับภาระมากกว่าเดิม น้ำหนักที่กดลงที่เท้าทั้งสองข้างก็มากขึ้นกว่าเดิมทำให้ปวดเท้าง่าย หากปล่อยทิ้งไว้นานเข้าก็นำไปสู่โรคเอ็นร้อยหวายอักเสบ หรือโรคข้อเสื่อมได้ทีเดียวค่ะ และหากผู้ที่มีน้ำหนักเกินต้องการจะออกกำลังกาย ก็ควรเลือกประเภทการออกกำลังที่ไม่ทำให้เกิดการกระทบกระแทก หรือเท้าต้องแบกรับน้ำหนักมากนัก อย่างเช่น การว่ายน้ำ แอโรบิคในน้ำ โยคะ เป็นต้น


          ตลอดชีวิตเรามีเท้าได้เพียงแค่คู่เดียว เพราะฉะนั้นก็ทะนุถนอมเขาหน่อยนะคะ ยิ่งถ้ารู้ว่าอาจทำร้ายเท้าตัวเองทางอ้อมอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ยิ่งต้องระวังมากขึ้น จะได้มีเท้าคู่ที่แข็งแรงพาเราเดินไปเที่ยวไหนต่อไหนได้อีกนาน ๆ เนอะ ^^


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ 




 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 สิ่งที่ทำอยู่แทบทุกวัน แต่ทำร้ายเท้าเราอย่างไม่น่าเชื่อ! อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 12:16:21 3,216 อ่าน
TOP