กินยาคุม อกโตจริงหรือ!?! (ข่าวสด)
แพทย์เตือน! ใช้มากไปเสี่ยงมีลูกยาก!!
การคุมกำเนิดเป็นหนึ่งในวิธีการวางแผนครอบครัว สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมหรือต้อง การควบคุมจำนวนบุตร วิธีคุมกำเนิดสามารถทำได้หลายอย่าง อาทิ
การวางแผนครอบครัวโดยนับวันไข่ตก และมีเพศสัมพันธ์ในระยะปลอดภัย
การทำหมัน การใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งสามารถคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
การฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงอนามัย
การรับประทานยาคุมกำเนิด สำหรับเพศหญิง
แต่วิธีการหลังสุดนี้ ในช่วงหลังพบว่ามีการนำมาใช้ในเพศชาย ที่ต้องการทำให้ตนเองมีสรีระคล้ายเพศหญิงด้วย
โดยยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นยาที่มีส่วนผสมของเอสโทรเจนและโปรเจสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศหญิง จะมีฤทธิ์เพื่อยับยั้งภาวะการเจริญพันธุ์ในเพศหญิง เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยจะออกฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนในร่างกาย ดังนั้น เมื่อเรารับประทานเข้าไปฮอร์โมนจึงไปทำหน้าที่หลอกระบบภายในร่างกาย ซึ่งปกติมีการควบคุมกันเองโดยธรรมชาติ ทำให้ไม่มีไข่ตก ป้องกันการเจริญและการสุกของไข่ มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เชื้ออสุจิจึงไม่สามารถผ่านเข้าสู่โพรงมดลูกได้ ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกฝ่อตัวไม่เหมาะต่อการเจริญของตัวอ่อน
โดยยาเม็ดคุมกำเนิดจะคุมสภาวะฮอร์โมนเพศชายในร่างกายที่มากเกินไป จึงทำให้เกิดความเข้าใจว่า จะสามารถลดสิว หน้ามัน ขนตามตัว หรือทำให้หน้าอกโตขึ้นได้ ถึงขนาดที่มีความเชื่อว่า หากกินยาคุมกำเนิดย้อนศรแล้วจะทำให้ขยายขนาดหน้าอก
แต่ความจริงแล้วยาทุกเม็ดมีฮอร์โมนเท่ากัน ไม่มีความแตกต่างในการรับประทานเม็ดไหนก่อนหลัง หากเป็นแบบที่แต่ละเม็ดฮอร์โมนไม่เท่ากัน ยิ่งจำเป็นต้องกินยาตามลูกศร เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายสมดุล ส่วนเรื่องหน้าอก ยังไม่มีผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยืนยัน แต่ในบางรายอาจมีอาการบวมน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าหน้าอกใหญ่ขึ้น
นพ. พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ความรู้ว่า ยาคุมกำเนิดจัดเป็นยาอันตราย เภสัชกรต้องเป็นผู้สั่งจ่ายในร้านขายยาเท่านั้น หากนำไปใช้ในทางที่ผิดและรับประทานในปริมาณมากเกินไป อาจเสี่ยงต่ออันตรายจากการได้รับปริมาณฮอร์โมนมากผิดธรรมชาติ ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการมีบุตรยาก เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน ไปถึงโรคความดันโลหิตสูง จะมีโทษหากพบการจำหน่ายยาคุมกำเนิดโดยไม่มีเภสัชกรควบคุม ร้านขายยาจะมีความผิด มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 - 5,000 บาท
และหากพบเภสัชกรจำหน่ายยาคุมกำเนิดแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้ไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ซึ่งไม่ใช่สรรพคุณที่อนุญาตตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ เช่น เพื่อบำรุงผิวพรรณ จะถือว่าเภสัชกรผู้นั้นกระทำผิดจรรยาบรรณที่พึงมี พึงทำ อย.จะส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรม ซึ่งเป็นสภาวิชาชีพของเภสัชกรดำเนินการกับเภสัชกรผู้นั้นต่อไป
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิก
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก