เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
โรคหัวใจและโรคอัมพาต เกิดจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดในร่างกาย แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ อาการของโรคหัวใจ และโรคอัมพาต มักจะเกิดขึ้นในช่วงใกล้รุ่ง ซึ่งทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เราก็มาหาคำตอบกันเลยจ้า
มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังป่วยเป็นโรคหัวใจ หรือมีแนวโน้มจะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และจะรู้ตัวก็ต่อเมื่ออาการกำเริบให้เห็นชัด ๆ ซึ่งพอถึงจุดนั้น อาการก็เข้าขั้นวิกฤตไปแล้วเกือบซะทุกราย และผลวิจัยทางการแพทย์ก็ออกมาชี้แล้วว่า ส่วนมากอาการเหล่านี้ก็มักเกิดขึ้นในช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.30 น. อีกต่างหาก ซึ่งถ้าใครกำลังสงสัยว่าอาการของโรคหัวใจ และโรคอัมพาตถึงมาได้เวลาเป๊ะ ๆ แบบนั้น วันนี้เราก็หอบข้อมูลจากเว็บไซต์ Daily mail มาไขปริศนากันแล้วค่ะ
ผลวิจัยทางการแพทย์สำรวจข้อมูลช่วงเวลาที่ผู้ป่วยโรคหัวใจจะเกิดอาการกำเริบ และพบว่า ผู้ป่วยมักจะมีอาการของโรคตอนช่วงเช้า เฉลี่ยเวลาโดยประมาณได้ที่ 06.30 น. โดยมีปัจจัยมาจากการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งส่งผลต่อระดับโปรตีนในร่างกาย จนเป็นเหตุกระบวนการสลายลิ่มเลือดหยุดชะงักในตอนเช้าของทุกวัน และก่อให้เกิดอาการอุดตันในเส้นเลือดในเวลาต่อมานั่นเอง
โดยการทดลองในครั้งนี้ มีอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่เข้าร่วมการวิจัยราว 12 คน และอาสาสมัครทุกคนจะถูกประเมินระดับโปรตีนในเลือดอย่างละเอียดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อนำไปเปรียบเทียบระดับโปรตีนในร่างกาย กับการทำกิจวัตรประจำวันของอาสาสมัครเป็นรายบุคคลไป
การวิจัยในครั้งนี้ นักวิจัยต้องการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานที่ว่า ระหว่างกิจกรรมประจำวันของแต่ละบุคคล และการทำงานตามนาฬิกาชีวิตของร่างกายโดยธรรมชาติ อันไหนจะส่งผลต่อการผันผวนระดับโปรตีนในเลือด สาเหตุของการอุดตันในเส้นเลือดได้มากกว่ากัน
ทั้งนี้นักวิจัยสามารถสรุปได้ว่า การผันผวนของโปรตีน Plasminogen activator inhibitor-1 หรือโปรตีน PAI-1 ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางกระบวนการสลายลิ่มเลือดในร่างกาย มีสาเหตุได้ทั้งจากนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติ และปัจจัยกระตุ้นเร้าของกิจวัตรประจำของเราได้เท่า ๆ กัน
อย่างไรก็ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็แนะนำว่า หากเรานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลระดับโปรตีน PAI-1 ได้อีกทางหนึ่ง ลดความเสี่ยงอาการอุดตันในเส้นเลือด ต้นเหตุของโรคหัวใจ และโรคอัมพาตได้อีกด้วย
