x close

กินอย่างไร...ชะลอวัยสาว 40+

การดูแลสุขภาพ


กินอย่างไร...ชะลอวัยสาว 40+ (ไทยรัฐ)

          ตอนเป็นวัยรุ่น จะกินจะดื่มอะไรทีก็ไม่ต้องพิถีพิถัน จะอดนอนซัก 2 คืน อดข้าวเช้า ข้าวกลางวันบ้างก็ไม่เห็นร่างกายจะผิดปกติ หรือแสดงอาการอะไร

          แต่พอเริ่มก้าวเข้าสู่เลข 3 เท่านั้นแหละ ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งดั่งหินผา ก็เริ่มจะรับไม่ไหว ผิวพรรณที่เคยสดใส เปล่งปลั่งก็เริ่มจะเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา

          จนเมื่อก้าวเข้าสู่หลัก 4 ความเสื่อมของร่างกายยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัด นอกจากจะเป็นแหล่งรวมของสารพัดโรคแล้ว สิ่งหนึ่งที่บรรดาสาว ๆ ส่วนใหญ่ทนไม่ได้คือ ความสาวที่บอกลาเราไปแบบติดสปีดนั่นเอง

          อย่างไรก็ตาม แม้ความแก่และสังขารของมนุษย์ จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราจะทำอย่างไร เพื่อรู้เท่าทันและเตรียมรับมือกับความแก่ตั้งแต่เนิ่น ๆ วันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี เพื่อชะลอความ สาวให้อยู่กับเราไปนาน ๆ จาก พญ. อัจจิมา สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการสถาบัน Medisci แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และอายุรวัฒน์ มาฝาก

ร่างกายก็เหมือนกับรถยนต์

          พญ. อัจจิมา เปรียบเทียบว่าร่างกายของคนเราเหมือนกับรถยนต์ ตรงที่รถยนต์ต้องอาศัยน้ำมันในการสันดาปเครื่องยนต์ เพื่อให้ขับเคลื่อนได้ ซึ่งถ้าคนขับเลือกน้ำมันที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ ก็จะทำให้กระบวนการสันดาป เผาผลาญเชื้อเพลิงภายในไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ทำงานไมปกติ เช่นเดียวกับร่างกายของคนเราที่ต้องการอาหาร เพื่อสร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งหากร่างกายได้รับอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือในปริมาณที่ไม่สมดุล ร่างกายก็ไม่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้

          หลายคนอาจแย้งว่า ตั้งแต่เกิดมาจนย่างเข้าสู่เลข 3 แล้ว ก็กินอาหารตาม ใจปากมาตลอด แต่ไม่เห็นมีความผิดปกติอะไรในร่างกาย ซึ่งคุณหมอบอกว่า อาการผิดปกติหรือโรคจะไม่ปรากฏออกมาทันที แต่อาจมีสัญญาณบ่งชี้ เช่น อาการนอนไมหลับ ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกไม่สดชื่น ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งสัญญาณเหล่านี้หลายคนอาจเห็นเป็นเรื่องปกติ หรือเป็นความเคยชิน แต่ความจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งผิดปกติ เพราะ ร่างกายของคนที่ได้รับอาหารเพียงพอ จะมีพลังงานในการทำกิจกรรมทั้งวัน โดยไม่อ่อนเพลีย หรือเหน็ดเหนื่อยระหว่างวัน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นำไปสู่ความเสื่อมของร่างกาย??

          คุณหมอยกตัวอย่างชนเผ่าฮันซ่า ในประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นชนเผ่าที่ได้ชื่อว่ามีอายุยืนที่สุดในโลก (คนเราสามารถมีอายุขัยได้ยืนยาวถึง 120 ปี) ซึ่งจากผลการวิจัยพบว่า ประชากรในวัย 60-80 ปีของชนเผ่านี้ไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ขณะที่ในคนปกติมักป่วยเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ชนเผ่านี้มีอายุยืน น่าจะมาจากการดำรงชีวิตด้วยวิถีแบบดั้งเดิม คือ การล่าสัตว์ จับปลา และเก็บผลไม้ มาเป็นอาหาร รวมทั้งการดื่มน้ำแร่เป็นประจำอีกด้วย

          แต่ต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์เริ่มเข้าไปศึกษา เพื่อไขความลับเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชนเผ่านี้มากขึ้น โดยมีการนำเทคโนโลยีและความเจริญเข้าไป ปรากฏว่าคนสูงอายุในเผ่าเริ่มป่วยเป็นโรคมากขึ้น จนนำมาสู่การตั้งสมมติฐานว่า ความเจริญของเทคโนโลยีเป็นตัวนำไปสู่ความเสื่อมถอยของร่างกาย และอายุขัยของคนหรือไม่

ไขความลับกิน...ต้านโรค กิน...อย่างสมดุล

          ในปัจจุบันผู้บริโภคอาจได้รับข้อมูล หรือสูตรการกินอาหารเป็นพัน ๆ สูตรทั้งง่ายบ้างยากบ้าง เพื่อให้เรามีสุขภาพแข็งแรง มีร่างกายที่สมส่วน แต่สำหรับ พญ. อัจจิมาเธอกลับมีสูตรสำเร็จสำหรับการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธี เพียงสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า "กินอย่างสมดุล"

          คุณหมอบอกว่า บางคนอยากผอมก็อดอาหาร ออกกำลังกายอย่างหักโหม ซึ่งการทำเช่นนั้นเป็นการทำร้ายร่างกาย เพราะการมีร่างกายที่สมส่วน คือการกินอย่างสมดุล ไม่มากไปหรือน้อยไป แต่ต้องเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ที่จะใช้ในการสร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โดยหลักการรับประทานอาหารของคุณหมอคือ กินอาหารให้ครบทุกมื้อ (สำหรับคุณหมอประกอบด้วย 5 มื้อด้วยกัน คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น และของว่างระหว่างมื้อเช้าและมื้อเที่ยง) โดยเฉพาะมื้อเช้าที่หลายคนอาจมองข้าม แต่คุณหมอกลับให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่เราหลับเป็นเวลา 8-10 ชั่วโมง ร่างกายของเราจะขาดสารอาหาร ดังนั้นพอตื่นเช้าขึ้นมา ร่างกายจึงต้องการกลูโคสเข้าไปเลี้ยงสมอง รวมทั้งสารอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต เพื่อผลิตสารไปกระตุ้นให้สมองสร้างสืบประสาท เพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวตลอดทั้งวัน

          คุณหมอยังบอกอีกว่า นอกจากจะกินอาหารให้ครบทุกมื้อแล้ว ยังต้องครบทุกหมู่ด้วย และ ถ้าจะให้ดีควรกินอาหารที่ เป็นวัตถุดิบ คือไม่ผ่านการดัดแปลงหรือแปรรูปมากนัก ไม่ว่าจะเป็นการปรุงโดยใช้ความร้อนสูง ๆ หรือการปรุงแต่งรสชาติให้มีรสจัดเกินไป เพราะจะเป็นการทำลายระบบย่อยและระบบดูดซึมของร่างกาย ซึ่งปัจจุบันเราจะพบว่ามีผู้ป่วยโรค "ไส้รั่ว" มากขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ก้อนอาหารที่ รับประทานเข้าไปหลุดไปยังส่วนต่างๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการย่อยและดูดซึมโดยลำไส้ ให้เป็นโมเลกุลเล็ก ๆ หรือภาวะกรดไหลย้อน เกิดผื่นแดงหรือแพ้อาหารที่กินเป็นประจำ

          นอกจากนี้ ยังควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย อย่ากินอะไรซ้ำซากเป็นประจำทุกมื้อ เพราะหากกินซ้ำซากจะเกิดภาวะภูมิแพ้อาหาร มีลักษณะคล้ายอาการดื้อยา และร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน

ให้เวลากับการกิน และรู้เท่าทันสุขภาพของตัวเอง

          ด้วยสภาวะสังคมที่เร่งรีบ ทำให้เราเลือกที่จะประหยัดเวลาในการรับประทานให้มากที่สุด เพื่อเคลียร์งานหรือเข้าประชุม ซึ่งคุณหมอเห็นว่า นั่นเป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม เพราะเวลาที่เรารับประทานอาหารเข้าไป อาหารจะถูกลำเลียงไปยังอวัยวะต่าง ๆ จนเข้าสู่กระบวนการย่อยและดูดซึมเพื่อเป็นพลังงาน ซึ่งหาก 2 กระบวนการนี้ทำงานอย่างไม่สมบูรณ์ อาหารที่เรารับประทานเข้าไปไม่ว่าจะดีหรือมีประโยชน์แค่ไหน แต่ไม่ได้ผ่านกระบวนการย่อยก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเราควรค่อย ๆรับประทานอาหาร เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และนั่งพักสักครู่หลังรับประทานอาหาร

          นอกจากนี้ คุณหมอยังบอกว่า ไม่มีใครรู้จักตัวเราดีกว่าตัวเราเอง ดังนั้นเราจึงควรหมั่นฟังสิ่งที่ร่างกายบอกกับเรา เช่น วันนี้ตื่นเช้ามารู้สึกร่างกายไม่ปกติ เราต้องไม่ละเลย แต่ต้องกลับไปคิดว่าเพราะอะไร เมื่อวานเรารับประทานอะไรเข้าไปบ้าง หรือเมื่อวานร่างกายเรารับอาหารเข้าไปเท่านี้ แล้ววันนี้ร่างกายของเรามีการขับถ่ายออกมาหรือไม่ และขับถ่ายออกมาในปริมาณที่เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งหากทำเช่นนี้เป็นประจำเราจะได้ทราบความผิดปกติของร่างกาย

ผิวพรรณที่สดใส คือหน้าต่างของร่างกาย

          โบราณว่า ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แต่ พญ. อัจจิมา กลับมองว่าผิวพรรณก็เป็นหน้าต่างของร่างกายเราเหมือนกัน เพราะแน่นอนว่าลักษณะภายนอกที่จะบ่งชี้ว่าคุณมีสุขภาพดีหรือไม่ ก็เริ่มจากการสังเกตผิวพรรณก่อน ยิ่งคุณมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สดใสเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นตัวการันตีว่าคุณมีสุขภาพดีเท่านั้น

          คุณหมอบอกว่า คนที่มีสุขภาพดีนอกจากจะรับประทานอาหารที่ดีเข้าไปแล้ว ยังต้องมีการ detox หรือกำจัดสารพิษออกจากร่างกายด้วย ซึ่งการ detox ที่เกิดขึ้นเป็นปกติของคนเราอยู่แล้ว คือ การขับถ่ายในรูปของอุจจาระ และการขับเหงื่อจากการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย

โดย 3 ไม้ตายของกินอาหารเพื่อสุขภาพละเพื่อชะลอความแก่ของคุณหมอ คือ

          1. รับสิ่งดี ๆ เข้าไปในร่างกาย

          2.ขับสิ่งไม่ดีออกไปจากร่างกาย

          3. ทำให้ร่างกายอยู่ในระดับสมดุล

          รู้เคล็ดลับดี ๆ สำหรับการกินอาหารชะลอความแก่แล้ว สาว ๆ ที่ไม่อยากแก่ก่อนวัย แซงโค้งเพื่อน ๆ ในกลุ่มหล่ะก็ ต้องอย่าลืมนำไปปฏิบัติกัน เพราะถ้าไม่หันมาสนใจดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ผิวพรรณและหน้าตาที่เคยสดใสจะบอกลาคุณไปแบบไม่รู้ตัว


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย 

 

 คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กินอย่างไร...ชะลอวัยสาว 40+ อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2556 เวลา 17:46:53 16,138 อ่าน
TOP