คอร์สล้างพิษตับ เขาทำอะไรกันบ้าง ? (Lisa)
ปฏิเสธได้ยากว่าพฤติกรรมการกินของเราทุกวันนี้ชวนสุขภาพเสื่อมถอยซะจริง ๆ ไหนจะขั้นตอนการประกอบอาหารให้เสร็จเร็ว ทั้งผัด ทั้งทอด รวมทั้งวัตถุดิบที่ผ่านสารเคมีและกระบวนการเร่งโตนั่นอีก ก่อเกิดโรคภัยต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้ทั้งนั้น
ยุคนี้เราเลยต้องหันมาดูแลตัวเองให้มาก ๆ นอกจากการออกกำลังกายและรู้จักเลือกบริโภคแล้ว มีอีกหลายหนทางที่จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ดีขึ้น "การล้างพิษตับ" ก็เป็นอีกทางหนึ่งในการดูแลและบำบัดตัวเอง
คอร์สล้างพิษตับ 3 วันที่เราเคยได้ยินได้เห็นดูจะเหมาะกับมือใหม่และคนเมืองเวลาน้อย แต่ก่อนเริ่มเข้าคอร์สก็ควรงดอาหารหนักหรือเนื้อสัตว์สักสัปดาห์ เพราะในคอร์สจะต้องอดอาหาร ถ้าอดกันทันทีทันใดอาจจะรู้สึกโหยได้ และแน่นอนว่าการสวนล้างลำไส้ (ดีท็อกซ์) เป็นส่วนหนึ่งในคอร์ส หลายคนไม่กล้าล้างพิษตับเพราะไม่กล้าสวน เราอยากจะบอกว่ามันไม่ยากและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดทำได้แล้วก็จะรู้สึกง่ายเลย ส่วนการล้างพิษตับจะเป็นอย่างไรนั้น Lisa ขอแชร์ประสบการณ์ฉบับสามวันแห่งการล้างพิษที่ขอบอกว่าไม่ธรรมดาเลย
ล้างพิษวันแรก
เราเริ่มกันที่หลังบ่ายสาม ที่เราจะงดอาหารจริงจังไม่กินอะไรแล้วแต่ดื่มน้ำได้ตามปกติ ตลอดคอร์สจะได้ดื่มน้ำด่าง (Alkaline Water) ซึ่งจะช่วยปรับสมดุล ลดความเป็นกรดในร่างกาย ก่อนเริ่มทีมงานก็จะให้ลงทะเบียนกรอกประวัติ ตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยวัดความดัน วัดความเป็นกรด ชั่งน้ำหนัก ใครมีโรคประจำตัวก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบไว้จะได้ดูแลกันได้ถูกวิธี
ตอนเย็น ๆ เราจะได้กินยาขับมูกเมือกเพื่อให้มูกเมือกที่เกาะผนังลำไส้มานานถูกขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น และเมื่อรับอุปกรณ์ดีท็อกซ์ก็แยกย้ายไปสวนล้างได้เลย ซึ่งเป็นน้ำอุ่น ๆ ผสมน้ำต้มสะเดาสวนล้างลำไส้ โดยระหว่างวันเราจะได้รับสมุนไพรประเภทไฟเบอร์ให้ดื่มก่อนนอนและตอนเช้า ที่ช่วยขับถ่ายและช่วยประทังหิวได้ด้วย
ล้างพิษวันที่สอง
เราตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อสวนล้างลำไส้จนหกโมงเช้า ทุกคนจะอมน้ำมันมะพร้าวก่อนแปรงฟัน วิธีคืออมและกลั้วในปากประมาณ 15-20 นาทีแล้วบ้วนทิ้ง เพื่อให้น้ำมันดึงสารพิษ และเชื้อโรคต่าง ๆ ออกมา จากนั้นก็ออกกำลังกายเบา ๆ แล้วพักดื่มชาข้าวเปลือกอุ่น ๆ ซึ่งควรดื่มให้ได้สัก 8 แก้วเพื่อช่วยลดไขมันและล้างระบบขับถ่าย ขณะดื่มชายังได้แช่เท้าในน้ำสมุนไพรร้อน ๆ ช่วยถอนสารพิษอีกทางหนึ่ง และยังได้พอกหน้าด้วยสมุนไพรพวกขมิ้นและไพรอีกด้วย เสร็จแล้วหน้าใส ตัวเบา สบายเท้ากันเลยทีเดียว
หลังจากอาบน้ำเราจะได้ดื่มน้ำแอปเปิลเขียวแยกกากทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง รวมแล้ว 5 แก้ว มีการนวด กดจุด และทำโยคะเบา ๆ ก่อนช่วงเย็นที่ได้เวลาสวนล้างลำไส้กันอีกที และดื่มดีเกลือเพื่อช่วยขับถ่ายตอนค่ำ และช่วงเวลาสำคัญที่สุดคือ 4 ทุ่ม ที่ทุกคนจะต้องดื่มน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว ที่จะไปทำปฏิกิริยากับตับในการขับสารพิษออกมานั่นเอง
ล้างพิษวันที่สาม
เราตื่นหกโมงเช้ามาสวนล้างลำไส้กันอีกที คอร์สลักษณะนี้จะมีผู้มีความรู้มาตรวจดูของเสียที่ขับถ่ายออกมาเพื่อช่วยวิเคราะห์และให้ความรู้กับเรา (ว่าเราสะสมสารพิษประเภทไหนไว้มาก) เช้าวันนี้ได้กินอาหารเบา ๆ อย่างข้าวต้มปลาและสุกี้น้ำ ก่อนที่เราจะสามารถกลับไปกินอาหารและใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ผู้เข้าล้างพิษตับยังควรสวนล้างลำไส้ที่บ้านเช้า-เย็นต่อเนื่องอีกสัก 7 วัน เพื่อให้ของเสียตกค้างออกมาให้หมด
ความรู้สึกถึงภายในตอนนี้เหมือนได้รีเฟรชเลยทีเดียว หลังจากตรากตรำทำงานหนักมาตลอดชีวิต ผลพลอยได้ที่พบคือน้ำหนักลง หน้าใส สบายตัว คนที่เจ็บป่วยเป็นโรคประจำตัวใด ๆ ก็ตามจะรู้สึกดีขึ้น เราได้ไอเดียกลับมาว่าจากนี้ต้องดูแลตัวเองให้ดี โดยเริ่มที่ต้นทาง ใส่ใจกับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เพื่อที่โรคร้ายต่าง ๆ จะไม่กลับมาเยี่ยมเยือนเราอีกนั่นเอง
งานตรวจอุจจาระต้องมี !
การขับถ่ายหลังจากดื่มน้ำมันมะกอกนั้น จะแตกต่างจากอุจจาระปกติ เชื่อกันว่าเป็นของเสียที่ออกมาจากตับและถุงน้ำดี ซึ่งของเสียของแต่ละคนก็จะมีลักษณะต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพและของเสียสะสมของแต่ละคน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก