Smartphone Pinky ภัยอันตรายจากการเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน ทำนิ้วก้อยงอผิดรูป ขอบอกถ้ายังอยากมีนิ้วสวย ๆ วางโทรศัพท์ลงบ้างก็ได้นะ
หลายครั้งที่เราพูดกันถึงเรื่องอันตรายจากการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งบางคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าอันตรายจากการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะทำให้สายตาเสีย หรือทำร้ายสมอง หรือแม้แต่ทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไป และวันนี้เราก็จะนำผลเสียอีกข้อจากการใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานมาบอกให้ทราบกัน ซึ่งเว็บไซต์ rocketnews24 ได้นำมาบอกเล่ากัน อยากรู้ว่าผลเสียนี้จะส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย ก็รีบไปดูกันเลยอย่าให้เสียเวลาจ้า
ภัยสุขภาพใหม่ที่จะพูดถึงกันนั้นมีชื่อเรียกว่า Smartphone Pinky ซึ่งเป็นอาการที่นิ้วก้อยเกิดการผิดรูปเนื่องจากการถือโทรศัพท์เป็นเวลานาน ทำให้นิ้วก้อยต้องรองรับน้ำหนักของโทรศัพท์นานจนเกิน ผู้ที่ออกมาเตือนนั้นก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นบริษัท NTT DOCOMO ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่น ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศมีการใช้สมาร์ทโฟนมากที่สุดประเทศหนึ่ง
โดยทางบริษัทดังกล่าวได้ออกโรงเตือนผ่านทวิตเตอร์ docomo_cs ว่าการแชทหรือเล่นโทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานานสามารถส่งผลเสียต่อรูปร่างของนิ้วมือโดยเฉพาะนิ้วก้อยได้ นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ภาพของนิ้วก้อยที่ได้รับผลกระทบจากการถือโทรศัพท์เป็นเวลานานอีกด้วย เห็นแล้วก็น่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยล่ะ
ทั้งนี้อาการของ Smartphone Pinky นั้นไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บใด ๆ แต่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างนิ้วก้อยซึ่งมักจะเป็นส่วนในการรองรับส่วนล่างของโทรศัพท์มือถือจนทำให้ดูเหมือนนิ้วเกิดการผิดรูปไป ซึ่งถ้าหากยังถือโทรศัพท์ในท่าเดิม ๆ ก็อาจจะทำให้อาการนี้เกิดถาวรได้ค่ะ
นอกจากอาการ Smartphone Pinky แล้วการใช้โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ ก็ยังส่งผลกระทบต่อร่างกายทำให้เกิดโรคภัยตามมีอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโรค Text neck ที่เกิดขึ้นจากการก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานาน หรือแม้แต่อาการเสื่อมของวุ้นในลูกตา ยังไม่รวมผลกระทบต่อสมองในระยะยาวอีกด้วย
ขณะที่เพจ "ความรู้สนุก ๆ แบบหมอแมว" ก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า อาการนี้เรียกว่า iPhone Pinky หรือนิ้วก้อยมีปัญหาจากการใช้โทรศัพท์มือถือ เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือในรูปแบบสมาร์ทโฟน ทำให้รูปแบบการถือโทรศัพท์ของคนเราเปลี่ยนไป จากแต่ก่อนเป็นการกำคุยแนบหู เปลี่ยนมาเป็นการถือโดยเอาโทรศัพท์ตั้งตรง เอานิ้วก้อยเป็นฐานพัก จากนั้นใช้นิ้วหัวแม่มือเลื่อนหน้าจอขึ้นลง และใช้มืออีกข้างกด ๆ จิ้ม ๆ
"โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมีน้ำหนักต่าง ๆ กัน แต่หนักมากกว่า 100 กรัม การถือในท่าตั้งเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้เกิดแรงกดลงมาที่ข้อนิ้วข้อสุดท้ายของนิ้วก้อย ทำให้นิ้วตรงนั้นเกิดอาการผิดปกติได้เล็กน้อย
อาการที่มีได้จาก iPhone Pinky ก็คือ
1. เจ็บตรงขอบนิ้วก้อยด้านในที่บริเวณข้อสุดท้าย บางครั้งกดมาก ๆ จะทำให้นิ้วดูเบี้ยวไปนิดนึง (แค่ดูเบี้ยวจากเนื้อและผิวที่ถูกกดนะครับ ข้อไม่ได้เบี้ยวตาม)
2. เกิดอาการปวดล้าข้อนิ้วก้อยได้ เวลากำเหยียดจะรู้สึกเจ็บแปลบ ๆ
3. ในบางรายที่เป็นมาก จะเกิดอาการชาที่ปลายนิ้วก้อยด้านใน เพราะจุดที่โดนกดทับเป็นตำแหน่งของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงปลายนิ้ว
การรักษา คือ
1. เปลี่ยนวิธีการใช้สมาร์ทโฟน อาจจะใช้การวางบนอุ้งมือแล้วเอามืออีกข้างกด หรือวางบนโต๊ะแล้วกด .... ซึ่งท่านจะหายจาก iPhone Pinky แต่ว่าจะได้โรค Text Neck มาแทนเพราะต้องก้มคอมาก
2. งดการใช้สมาร์ทโฟนครับ
3. ถ้ามีอาการชา ใช้เวลา 1-2 เดือนก็หายเอง ส่วนอาการเจ็บ 1 สัปดาห์ก็หายแล้ว
สำหรับที่มันได้ชื่อว่า iPhone Pinky เพราะว่าอาการนี้มีคนพูดถึงครั้งแรกช่วง iPhone 1st gen ที่หนัก 1.3 ขีด และขนาดหน้าจอใหญ่กว่าโทรศัพท์มือถือตัวอื่นนิดนึง ทำให้คนต้องเปลี่ยนวิธีถือโทรศัพท์มาเป็นแบบใช้นิ้วก้อยรองด้านล่างกัน
ปัจจุบัน โทรศัพท์อื่น ๆ ขยายหน้าจอมาหมดแล้ว แต่ชื่อ iPhone Pinky ดูเหมือนจะนิยมมากกว่า Mobile pinky (จริง ๆ มีโรคที่เกี่ยวกับการใช้มือถือที่เกิดแก่มือ/ข้อมือ/แขน/ไหล่/ตา/คอ อีกหลายโรค แต่ไว้รออ่านในหนังสือแล้วกันครับ / ถ้าหมอแมวไม่อู้)"
เห็นกันแบบนี้แล้วคงจะพอทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ติดโทรศัพท์มือถือประเภทที่ต้องหยิบขึ้นมาเช็กแทบจะทุก ๆ 10 นาที เริ่มคิดหน้าคิดหลังให้มากขึ้นเวลาที่จะเล่นโทรศัพท์บ้างใช่ไหมคะ ถ้ายังอยากมีมือสวย ๆ ก็ห่าง ๆ จากโทรศัพท์บ้างก็ดีนะ ไม่อย่างนั้นนิ้วก้อยไม่สวยช่วยไม่ได้นะจ๊ะ
ภาพจาก ทวิตเตอร์ docomo_cs