Phantom Vibration Syndrome อาการหลอนว่ามือถือสั่นทั้งที่ไม่มีสายเรียกเข้า บ่งบอกว่าเทคโนโลยีกำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตเรามากเกินไปแล้ว !
![Phantom Vibration Syndrome]( "Phantom Vibration Syndrome")
![Phantom Vibration Syndrome]( "Phantom Vibration Syndrome")
โดย Robert Rosenberger แจงว่า Phantom Vibration Syndrome (PVS) น่าจะเกิดจากความวิตกกังวลว่าจะพลาดสายเรียกเข้าหรือข้อความ หรือเกิดจากความคาดหวังหรือรอคอยสายเรียกเข้าหรือข้อความมาก ๆ จนกระทั่งหลอนว่าโทรศัพท์อาจจะสั่นเตือนจากการที่มีสายเรียกเข้าหรือข้อความเข้ามา ซึ่งบางคนถึงกับหูแว่วได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยก็มี
อย่างไรก็ตาม Phantom Vibration Syndrome ก็นับว่าเป็นพฤติกรรมแสดงชัดถึงสัญชาตญาณหนึ่งที่ติดตัวมนุษย์มา เพื่อให้เราตอบสนองต่อข้อมูลสำคัญในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งหากกำลังรอคอยโทรศัพท์หรือข้อความจากใครอยู่ ความคาดหวังนี้อาจผลักดันระบบประสาทและการรับรู้ในตัวเราให้ตื่นตัวมากกว่าปกติ และเมื่อได้รับสัมผัสจากเสื้อผ้าเวลาขยับตัวก็อาจแปลเป็นระบบสั่นจากโทรศัพท์มือถือได้ง่าย ๆ ซึ่งอาการนี้ก็น่าจะก่อความรำคาญและอาจทำให้เสียสมาธิไปไม่น้อยเลยเหมือนกันนะคะ
![Phantom Vibration Syndrome]( "Phantom Vibration Syndrome")
ดังนั้นหากเป็นไปได้ ลองเว้นระยะห่างจากสมาร์ทโฟนและเครื่องสื่อสารเพิ่มขึ้นอีกนิด ยกตัวอย่างเช่น ตอนเข้านอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือไปเลย หรือในระหว่างวันหากไม่มีธุระด่วนอะไร ลองวางเครื่องมือสื่อสารไว้ห่างตัว ชัตดาวน์เทคโนโลยีมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ อย่างจริงจังดูสักทีจะเป็นไร
แม้ว่า Phantom Vibration Syndrome จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกิดมาตั้งแต่ยุคที่ใช้เพจเจอร์กันแล้ว ทว่าในปัจจุบันนักวิจัยกลับพบว่าอาการนี้แพร่ไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วขึ้นทุกวัน ซึ่งก็น่าตกใจไม่น้อยนะคะที่เราปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่ขาดแทบไม่ได้
อีกทั้งบางคนอาจถลำลึกไปถึงมีอาการติดสมาร์ทโฟนเข้าขั้นวิกฤต เพราะอาการหลอนว่าโทรศัพท์สั่นหรือดังอยู่บ่อย ๆ ก็เป็นหนึ่งใน 6 สัญญาณที่บอกว่าคุณติดสมาร์ทโฟนเข้าขั้นวิกฤต ด้วยนะ ลองเช็กด่วน !
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
dailymail
เชื่อว่าเกือบทุกคนจะต้องเคยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่ามือถือหรือสมาร์ทโฟนสั่นเหมือนมีสายเรียกเข้าหรือการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่าง
ๆ ทว่าพอหยิบมือถือขึ้นมาดูกลับพบแต่ความว่างเปล่า
และเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งอาการหลอนว่ามือถือสั่นไม่ใช่โรคหรือความผิดปกติทางร่างกายแต่อย่างใด
แค่เป็นสัญญาณชี้ว่าเรากับเทคโนโลยีอยู่ใกล้กันเกินความพอดีซะแล้ว
Robert Rosenberger นักวิจัยเรื่องผลกระทบจากเทคโนโลยีกับพฤติกรรมแห่ง Georgia Institute of Technology รัฐแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า อาการหลอนว่ามือถือสั่นบ่อย ๆ แทบจะกลายเป็นพฤติกรรมติดตัวของคนยุคนี้อย่างยากจะเลี่ยง เพราะจากการสำรวจกับนักเรียนอาสาสมัครจำนวนหนึ่งก็พบว่า อาสาสมัครเหล่านี้มีอาการคิดว่ามือถือสั่นทั้ง ๆ ที่ไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆ กว่า 90% เลยทีเดียว
โดย Robert Rosenberger แจงว่า Phantom Vibration Syndrome (PVS) น่าจะเกิดจากความวิตกกังวลว่าจะพลาดสายเรียกเข้าหรือข้อความ หรือเกิดจากความคาดหวังหรือรอคอยสายเรียกเข้าหรือข้อความมาก ๆ จนกระทั่งหลอนว่าโทรศัพท์อาจจะสั่นเตือนจากการที่มีสายเรียกเข้าหรือข้อความเข้ามา ซึ่งบางคนถึงกับหูแว่วได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยก็มี
อย่างไรก็ตาม Phantom Vibration Syndrome ก็นับว่าเป็นพฤติกรรมแสดงชัดถึงสัญชาตญาณหนึ่งที่ติดตัวมนุษย์มา เพื่อให้เราตอบสนองต่อข้อมูลสำคัญในชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งหากกำลังรอคอยโทรศัพท์หรือข้อความจากใครอยู่ ความคาดหวังนี้อาจผลักดันระบบประสาทและการรับรู้ในตัวเราให้ตื่นตัวมากกว่าปกติ และเมื่อได้รับสัมผัสจากเสื้อผ้าเวลาขยับตัวก็อาจแปลเป็นระบบสั่นจากโทรศัพท์มือถือได้ง่าย ๆ ซึ่งอาการนี้ก็น่าจะก่อความรำคาญและอาจทำให้เสียสมาธิไปไม่น้อยเลยเหมือนกันนะคะ
ดังนั้นหากเป็นไปได้ ลองเว้นระยะห่างจากสมาร์ทโฟนและเครื่องสื่อสารเพิ่มขึ้นอีกนิด ยกตัวอย่างเช่น ตอนเข้านอนก็ปิดโทรศัพท์มือถือไปเลย หรือในระหว่างวันหากไม่มีธุระด่วนอะไร ลองวางเครื่องมือสื่อสารไว้ห่างตัว ชัตดาวน์เทคโนโลยีมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ อย่างจริงจังดูสักทีจะเป็นไร
แม้ว่า Phantom Vibration Syndrome จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกิดมาตั้งแต่ยุคที่ใช้เพจเจอร์กันแล้ว ทว่าในปัจจุบันนักวิจัยกลับพบว่าอาการนี้แพร่ไปในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วขึ้นทุกวัน ซึ่งก็น่าตกใจไม่น้อยนะคะที่เราปล่อยให้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่ขาดแทบไม่ได้
อีกทั้งบางคนอาจถลำลึกไปถึงมีอาการติดสมาร์ทโฟนเข้าขั้นวิกฤต เพราะอาการหลอนว่าโทรศัพท์สั่นหรือดังอยู่บ่อย ๆ ก็เป็นหนึ่งใน 6 สัญญาณที่บอกว่าคุณติดสมาร์ทโฟนเข้าขั้นวิกฤต ด้วยนะ ลองเช็กด่วน !
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
dailymail
WebMd
