สธ. อึ้ง ! ตรวจพบอาหารทะเล-เห็ด-ขิง อาบน้ำยาฉีดศพที่นครสวรรค์


อาหารทะเล


สธ. ตรวจพบ เห็ด ขิง / กระชายซอยอาบน้ำยาฉีดศพ พบที่นครสวรรค์ ทั้งตลาดสดและตลาดนัด บางแห่งพบเกือบร้อยละ60 ของตัวอย่าง ชี้มีอันตรายสูง ก่อมะเร็ง ! (กระทรวงสาธารณสุข)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          สธ. เผยพบตรวจพบแม่ค้าในตลาดสด ตลาดนัดเมืองนครสวรรค์ 5 แห่ง ใส่น้ำยาดองศพในเห็ดฟาง-นางฟ้า-เห็ดหอมสด–ผัก-ขิงซอย-กระชาย เฉลี่ยพบสูงเกือบร้อยละ 25 บางแห่งตรวจพบเกือบร้อยละ 60 ชี้ภัยน้ำยานี้อันตรายทั้งพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ถึงขั้นเสียชีวิต ยังเป็นสารก่อมะเร็ง

          เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2557 นี้ กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายควบคุมความปลอดภัยอาหารบริโภค ซึ่งอาหารเป็นปัจจัยสี่จำเป็นของการสร้างสุขภาพดีและทำลายสุขภาพประชาชนไปพร้อม ๆ กันหากมีสารอันตรายหรือมีเชื้อโรคปนเปื้อน เนื่องจากขณะนี้พบว่าประชาชนป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งมากเป็นอันดับ 1 ซึ่งสาเหตุของโรคดังกล่าวเกิดมาจากการบริโภคอาหารด้วยการเสียชีวิตยังไม่มีวี่แววจะลดลง และโรคนี้ใช้เวลาก่อตัวนานหลายปีกว่าจะปรากฏอาการ ผู้ที่เป็นมักไม่ค่อยรู้ตัว

          ด้วยเหตุนี้ กระทรวงฯ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศลงพื้นที่สุ่มตรวจอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีที่มักพบพ่อค้าแม่ค้าลักลอบใส่สารอันตราย 6 ชนิดในอาหารสด คือ สารบอแรกซ์ สารฟอกขาว สารกำจัดศัตรูพืชตกค้าง สารกันรา สารฟอร์มาลิน (Formalin) และสารเร่งเนื้อแดง ต้องเน้นตรวจเป็นพิเศษ

          อย่างไรก็ตาม จากการสุ่มตรวจอาหารสดล่าสุดของกรมอนามัยเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2557 ในตลาดที่จังหวัดนครสวรรค์ 5 แห่ง ที่อำเภอเมือง อำเภอท่าตะโก อำเภอชุมแสง ประกอบด้วยตลาดสด 2 แห่ง และตลาดนัด 3 แห่ง กลับพบมีสารฟอร์มาลินหรือน้ำยาฉีดศพ น้ำยาดองศพ มาใช้กับอาหารสด เพื่อไม่ให้เน่าเสียง่าย โดยจาก 5 ตลาด ตรวจพบถึง 102 ตัวอย่าง เฉลี่ยร้อยละ 25  บางแห่งเช่นในตลาดสดขนาดใหญ่ในเมือง พบถึงร้อยละ 59

          โดยอาหารที่ตรวจพบได้แก่ กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ ขิงหั่นฝอย กระชายหั่นฝอย เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมสด ถั่วฝักยาว สไบนาง จึงถือว่าเป็นเรื่องที่มีอันตรายมาก เป็นการใช้สารฟอร์มาลินผิดวัตถุประสงค์ และห้ามใช้ในอาหารอย่างเด็ดขาดเนื่องจากสารชนิดนี้มีอันตรายสูง เป็นสารก่อมะเร็ง สารชนิดนี้เป็นอันตรายทั้งคนใช้ แม่ค้า และผู้บริโภค จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มงวดจริงจัง และให้สาวถึงแหล่งต้นตอให้ได้ เพื่อลงโทษให้เด็ดขาด

          ทางด้าน ดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัยกล่าวว่า อาหารกลุ่มที่ตรวจพบใส่ฟอร์มาลินที่กล่าวมานี้ ที่ผ่านมามักจะตรวจพบสารฟอกขาว การพบสารฟอร์มาลินสูงขึ้น อาจเป็นเพราะพ่อค้าแม่ค้าอาจจะเปลี่ยนจากการใช้สารฟอกขาวใส่อาหารเพื่อให้คงสภาพสด ไม่หมองคล้ำ หรือไม่เน่าเสีย มาเป็นการใช้สารฟอร์มาลินแทน 

          ทั้งนี้ สารฟอร์มาลินมีอันตรายต่อผู้บริโภค จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร หากทานเข้าไปจะก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะไม่ออก กดประสาทส่วนกลางทำให้หมดสติได้ กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ ฉบับ 93 พ.ศ. 2528 ห้ามใช้ในอาหาร ผู้ใดละเมิดใส่ในอาหารต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับฐานผลิตอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ จึงต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการตลาดสด ตลาดนัด  ให้เข้มงวดความปลอดภัยอาหารที่จำหน่ายในตลาด เพื่อร่วมกันคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนอย่างต่อเนื่อง

          สำหรับสารฟอร์มาลินหรือฟอร์มัลดีไฮด์ มีลักษณะเป็นน้ำใส กลิ่นฉุน ระเหยง่าย หากได้รับในปริมาณที่สูงหรือมีความเข้มข้นมาก สารชนิดนี้จะเปลี่ยนเป็นกรด มีฤทธิ์ทำลายเซลล์ในร่างกาย ทำให้เซลล์ตายได้ โดยฟอร์มัลดีไฮด์ มีพิษต่อระบบต่าง ๆ เกือบทั่วทั้งร่างกาย คือต่อระบบทางเดินหายใจ หากได้รับรูปของไอระเหย แม้จะปริมาณต่ำ ๆ ถ้าถูกตาจะระคายเคืองตามาก ทำให้เป็นแผล

          ถ้าสูดดมเข้าไปจะทำให้หลอดลมบวม แสบจมูก เจ็บคอ ไอ หายใจไม่ออก ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด ถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นแม่ค้าพ่อค้าที่จำหน่ายอาหารที่แช่ฟอร์มาลิน ก็จะมีสิทธ์สูดดมไอระเหยของฟอร์มาลินออกจากน้ำที่แช่ได้ตลอดเวลา และสูดเข้าโดยตรงด้วย เป็นอันตรายต่อตัวเอง

          หากรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มัลดีไฮด์ในปริมาณมาก จะทำให้ปวดศีรษะอย่างรุนแรง  หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปากและคอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้องอย่างรุนแรง กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผล และยังพบว่าสารชนิดนี้เป็นสารก่อมะเร็งด้วย นอกจากนี้ยังมีผลต่อผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง  ทำให้เกิดผื่นคัน เป็นผื่นแดงเหมือนลมพิษ จนถึงผิวหนังไหม้เป็นสีขาวได้หากสัมผัสโดยตรง
 

ผัก


          สำหรับวิธีสังเกตว่าผักที่ซื้อมามีฟอร์มาลินหรือไม่นั้น มีคำแนะนำดังนี้

          ผักผลไม้

          ให้ดมที่ใบหรือหักก้านดม ถ้ามีกลิ่นฉุนแสบจมูกก็ไม่ควรซื้อ

          สังเกตดูผักที่วางขายว่าสด ใบงาม เกินความเป็นจริง ไม่มีรูพรุนจากการกัดของแมลงเลย ตั้งขายไว้เป็นวัน ๆ ยังไม่เหี่ยว ก็ไม่ควรเลือกซื้อ เพราะอาจมีฟอร์มาลินและสารพิษฆ่าแมลงซึ่งยังไม่หมดฤทธิ์ สะสมอยู่ด้วย

          หากซื้อมาแล้วยังไม่แน่ในว่าอาจมีฟอร์มาลินติดมาอีก ก็ควรนำผักมาล้างน้ำไหล 5-10 นาที หรือแช่น้ำนิ่งราว 1 ชั่วโมง ซึ่งมีรายงานว่า ฟอร์มาลินส่วนมากจะถูกชะล้างออกไปหมด   


          เนื้อสัตว์

          ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว ตลอดจนปลา ต้องสังเกตว่าลักษณะเนื้อนั้นสดผิดปกติหรือไม่ เพราะถ้าเป็นเนื้อที่ไม่แช่ฟอร์มาลินวางขายในตลาดสด ถ้าถูกแดดถูกลมนาน ๆ เนื้อแดง ๆ นั้นจะเหี่ยว

          ถ้ามีกลิ่นฉุน ๆ แปลก ๆ แสบจมูก ก็ไม่ควรจะซื้อมาบริโภค

          ในการบริโภคทุกครั้ง ต้องทำอาหารทุกชนิดให้สุกด้วยความร้อน เนื่องจากความร้อนจะทำลายฟอร์มาลินได้



ขอขอบคุณข้อมูลจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สธ. อึ้ง ! ตรวจพบอาหารทะเล-เห็ด-ขิง อาบน้ำยาฉีดศพที่นครสวรรค์ อัปเดตล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 13:11:26 1,952 อ่าน
TOP
x close