เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก eju.tv
ชนา ลัล หนุ่มอินเดีย วัย 35 ปี กลายเป็นมนุษย์ช้าง หลังป่วยเป็นเนื้องอกบนใบหน้าและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแต่เริ่มต้น จนมันงอกย้อยห้อยจากซีกหนึ่งของใบหน้าลงมาถึงหน้าอกดูคล้ายงวงช้าง
ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมล วันที่ 20 มีนาคม 2557 ระบุว่า หนุ่มเคราะห์ร้ายจากรัฐอุตตรประเทศคนนี้ เป็นลูกคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด 8 คน เมื่อแรกเกิดนั้น ใบหน้าเขามีตุ่มปมขึ้นอยู่ประปราย แต่ครอบครัวก็ยากจนเกินกว่าจะพาไปรักษา อีกทั้งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านก็ไม่มี จึงได้แต่ปล่อยให้เม็ดตุ่มตามร่างกาย โดยเฉพาะบนใบหน้าของเขา ผุดขึ้นมากมายและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ไม่มีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านคนไหนอยากเล่นกับเขา เมื่อเขากลับบ้านมาร้องไห้กับแม่ ผู้เป็นมารดาของเขาเองก็ยังบอกว่า หน้าตาของเขาดูน่ากลัวจริง ๆ นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชนาไม่เคยขอเข้าไปเล่นกับใครอีกเลย
ชนาเคยไปหาหมอมาแล้วครั้ง ครั้งแรกเมื่อเขาอายุ 8 ขวบ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มาก เมื่อครอบครัวเขาไม่สามารถหาเงิน 15,000 รูปี (ประมาณ 7,200 บาท) มาจ่ายเป็นค่าผ่าตัดรักษาได้ ก่อนจะหายกลับไปเก็บเงินและกลับมาหาหมอเพื่อผ่าตัดอีกครั้งเมื่อเขาอายุ 25 ปี แต่การผ่าตัดในครั้งนั้นทำเอาชนาเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง เมื่อแพทย์ได้ลงมีดผ่านเส้นเลือดหลัก ทำให้ชนาเสียเลือดมากจนเกือบไม่รอด และแพทย์ก็ยังแนะนำหลังเขารักษาบาดแผลหายแล้วว่า หากยังอยากใช้ชีวิตอยู่ต่อไปก็ขอให้อย่าคิดผ่าตัดเอาเนื้องอกก้อนนี้ออกอีกเลย เพราะมันเป็นก้อนเนื้องอกที่ใหญ่ และซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก
ทั้งนี้ อาการเนื้องอกบนใบหน้าของชนาเป็นโรคท้าวแสนปมชนิดหนึ่ง (Neurofibromatosis) แต่ในเคสของเขาเป็นกรณีที่รุนแรง โดยเฉพาะเนื้องอกส่วนที่ขึ้นบนใบหน้าจนห้อยย้อยออกมาซึ่งชั่งได้หนักราว 4 กิโลกรัม ทำให้หน้าตาซีกซ้ายเสียหายไปหมด จายาสูญเสียการใช้สายตา และการมองเห็นซีกซ้าย ส่วนการเคี้ยวอาหารก็ทำได้ไม่ถนัดนัก เนื่องจากน้ำหนักของก้อนเนื้องอกยักษ์ที่ห้อยออกมาเหมือนงวงช้าง ได้ถ่วงเอากรามเขาให้ห้อยตกไปด้วย
อย่างไรก็ดี บางคราวเมื่อชนาเดินทางออกนอกหมู่บ้านของตน คนนอกหมู่บ้านบางคนกลับเกิดความเลื่อมใสบูชา เพราะเนื้องอกที่ห้อยออกมาเหมือนงวงช้าง ทำให้มีคนคิดว่าเขาเป็นร่างอวตารของพระพิฆเนศวร แต่เมื่อรู้ว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่สามารถอำนวยพร หรือนำโชคลาภใด ๆ มาให้ได้ เขาก็กลายเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจเช่นเดิม
"ผมไม่ใช่พระเจ้าที่ไหนหรอก ถ้าผมเป็นก็คงไม่ต้องทนเจ็บปวดทุกข์ทนขนาดนี้" ชนา กล่าว และยังทิ้งท้ายไว้ว่า แม้เขาจะเกรงกลัวการผ่าตัดที่เคยทำเขาเกือบตายมาแล้ว แต่หากมีหมอที่ไหนจะรักษาเขาได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เขาเองก็อยากจะลองสู้กับมันดูอีกสักตั้ง
