คนร้องเรียนอื้อ รพ.เอกชน สูบเงินคนไข้ เร่งล่ารายชื่อออกกฎคุมค่ารักษา


รพ.เอกชน สูบเงิบคนไข้ เร่งล่ารายชื่อออกกฎคุมค่ารักษา

          เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ล่ารายชื่อเตรียมยื่นเรื่องผลักดัน ตั้งคณะกรรมการคุมราคาค่ารักษาพยาบาล และออกกฎหมายควบคุม หลังคนร้องเรียนอื้อ รพ.เอกชน เก็บค่ารักษาแพง

          วันนี้ (7 พฤษภาคม 2558) นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เปิดเผยถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลแพง ระบุว่า ระหว่างปี 2556-2557 มีประชาชนที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้ามายังเครือข่ายฯ ประมาณ 10 ราย โดยพบว่าต้องเสียค่ารักษาพยาบาลถึงวันละ 400,000 บาท ขณะที่บางรายต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลมากที่สุดถึง 1,300,000 บาท

          ขณะที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ก็มีประชาชนเข้าไปร้องเรียนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ซึ่งทาง สปสช. เองก็ได้พยายามแก้ปัญหาอยู่ แต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถบังคับโรงพยาบาลเอกชนในเรื่องการเก็บค่ารักษาพยาบาลได้

          นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนไปยังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อีกจำนวนไม่น้อย แต่สุดท้ายกลับไม่มีหน่วยงานไหนออกมาทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทางเครือข่ายฯ จึงได้ล่ารายชื่อประชาชน เพื่อจะนำไปยื่นต่อผู้มีหน้าที่ในการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาควบคุมเรื่องค่ารักษาพยาบาล และออกเป็นกฎหมายควบคุมอย่างจริงจัง เพราะ พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2545 ระบุเพียงแค่ให้สถานพยาบาลเปิดเผยค่ารักษาเท่านั้น

          โดยในขณะนี้ทางทางเครือข่ายฯ สามารถล่ารายชื่อประชาชนมาได้กว่า 32,000 รายชื่อแล้ว และได้มีการนัดหมายเพื่อเข้ายื่นเรื่องต่อ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เวลา 12.30 น. จากนั้นจะไปยื่นต่อ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ รศ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สปช. เพื่อผลักดันให้ตั้งกรรมการคุมราคาค่ารักษาพยาบาลอย่างจริงจัง


          นางปรียนันท์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีตัวอย่างเมื่อปี 2557 มีโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งกักตัวคนไข้เอาไว้ไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาลหากไม่มีเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลกว่า 800,000 บาท โดยผู้ป่วยหญิงวัย 78 ปี เกิดล้มฟุบลิ้นจุกปากในงานแต่งงาน ญาติในกรุงเทพฯ ฝ่ายญาติจึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าผู้ป่วยไม่มีญาติใกล้ชิด หากจะรักษาต้องจ่ายคืนละ 30,000 บาท ญาติที่พาไปเห็นว่าสามารถรวมเงินกันได้จึงยินยอม อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลได้แจ้งว่าผู้ป่วยต้องทำบอลลูนหัวใจและให้เซ็นยินยอมจ่ายค่ารักษาหลายแสนบาท โดยให้เหตุผลว่าเป็นเคสฉุกเฉิน หากถึงแก่ชีวิตสามารถเรียกเก็บเงินจาก สปสช. ได้ แต่ไม่บอกกับญาติผู้ป่วยให้หมดว่า สปสช. ไม่สามารถจ่ายได้ตามจำนวนที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ จนเกิดความเข้าใจผิดและเซ็นรับเงื่อนไขดังกล่าว

          ภายหลังบุตรชายของคนไข้ต้องการจะย้ายผู้ป่วยไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลของรัฐ เนื่องจากเห็นว่าค่ารักษาพยาบาลแพงมาก แต่โรงพยาบาลบอกว่ายังไม่สามารถย้ายได้เพราะอันตราย กระทั่งพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ยังไม่ยอมให้ออก โดยให้เหตุผลว่าต้องเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลก่อน สุดท้ายลูกชายคนไข้รายนี้ต้องเซ็นรับสภาพหนี้เพื่อที่จะได้พามารดาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นปัญหามาก ถ้าหากมีกรรมการมาวินิจฉัยก็จะทำให้ทราบได้ว่าหัตการต่าง ๆ ที่ทำไปนั้นเหมาะสมหรือไม่

          ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า โรงพยาบาลเอกชน เป็นเสมือนกับการให้บริการทางเลือกโดยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบุคลากร ซึ่งต่างจากการทำงานของโรงพยาบาลรัฐ ที่รัฐช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายให้ อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าค่ารักษาที่สูงนั้น ส่วนใหญ่มาจากค่ายา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์เป็นหลัก โดยเฉพาะค่ายานั้นพบว่าในโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง สูงกว่าราคาท้องตลาดถึง 100-200 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเด็นนี้มีกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดูแล ในขณะที่อัตราค่าธรรมเนียมแพทย์ยังค่อนข้างถูก ดังนั้นแพทยสภาโดยราชวิทยาลัยต่าง ๆ อยู่ระหว่างการร่างอัตราค่าธรรมเนียมแพทย์ใหม่ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดิมเท่าไรเพราะยังไม่แล้วเสร็จ


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
คนร้องเรียนอื้อ รพ.เอกชน สูบเงินคนไข้ เร่งล่ารายชื่อออกกฎคุมค่ารักษา อัปเดตล่าสุด 7 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:30:03 4,858 อ่าน
TOP
x close