เคล็ดลับดูแลสุขภาพผู้หญิงสูงวัย ฉลองวันแม่ ปีไหนก็สบาย ไม่มีโรคเป็นของแถม
ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ชา-กาแฟ
ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจ
โรคหลอดเลือดสมอง โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ โรคกรดไหลย้อน มะเร็งปอด
มะเร็งลำคอ มะเร็งเต้านม ความดันโลหิตต่ำ และโรคความดันโลหิตสูงได้
ดังนั้นหากอยากเป็นผู้สูงวัยไร้โรคเรื้อรังเหล่านี้ ควรลด ละ เลิก
ทั้งบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และชา กาแฟด้วยนะคะ
ออกกำลังกาย
สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีโรคประจำตัว อาจเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการแอโรบิก เล่นโยคะ หรือออกกำลังกายด้วยการเดินให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดหัวใจกระชุ่มกระชวย ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส โดยการเริ่มออกกำลังกายควรยืดเส้นยืดสายก่อน และออกกำลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญอย่าหักโหมเด็ดขาดเลยเชียว
ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ควรดูแลให้ผู้สูงวัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ที่อยู่อาศัยต้องสะอาดสะอ้าน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้สูงอายุต้องใช้บันได โดยเฉพาะห้องน้ำที่ผู้สูงวัยใช้ต้องแห้ง สะอาด มีราวไว้สำหรับเกาะพยุงตัว หรือหากผู้สูงอายุไม่ค่อยแข็งแรง จำเป็นต้องมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
ตรวจสุขภาพประจำปี
เนื่องด้วยผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงมักจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้นตามความเสื่อมถอยของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องทำเป็นประจำทุกปี โดยโปรแกรมสุขภาพที่ควรตรวจต้องมีดังนี้
- ความเสี่ยงโรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- ระดับไขมันในเลือด
- ความเสี่ยงโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
- โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น อาการปัสสาวะเล็ด
ตรวจมวลกระดูก
สำหรับคุณแม่สูงวัยถือเป็นเรื่องสุขภาพที่สำคัญมาก เนื่องจากตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงจะมีโครงสร้างกระดูกที่บางกว่าผู้ชาย และเมื่อหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจนที่เป็นตัวช่วยให้กระดูกแข็งแรงก็หมดไปด้วย กระดูกจึงเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นควรต้องตรวจวัดมวลกระดูกให้รู้ชัด ๆ ไปเลยว่า ระดับความเปราะบางและความพรุนของกระดูกไปไกลแค่ไหนแล้ว ก็เพื่อจะได้ดูแลสุขภาพกระดูกของตัวเองได้ถูกทาง
ทั้งนี้โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้สูงวัยรับประทานแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป และเมื่อไม่สามารถรับแคลเซียมจากอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็อาจต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมเพิ่มเติม รวมทั้งออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน หรือฝึกโยคะ ก็จะช่วยเสริมให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นได้ แต่ทั้งนี้พยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องกระโดดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจมีปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้ค่ะ
ป้องกันตัวเองจากภาวะสมองเสื่อม
คุณแม่สูงวัยควรสังเกตความผิดปกติของร่างกายและสมองให้ดี โดยเฉพาะหากรู้สึกว่าความจำแย่ลง มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ สับสนสถานที่และเวลา นึกคำไม่ออก มีปัญหาการใช้ภาษา เริ่มเห็นภาพหลายมิติ รู้สึกว่าศักยภาพในการเข้าสังคมแย่ลง หรือเริ่มคิดอ่านได้ช้าลง ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพราะอาจตกอยู่ในภาวะสมองเสื่อมได้
อย่างไรก็ตาม คุณแม่สูงวัยควรใส่ใจดูแลสุขภาพสมองของตัวเองด้วยการพูดคุยกับคนรอบข้างให้มาก หากิจกรรมฝึกสมองที่ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างการเล่นเกมง่าย ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสมเป็นประจำ ซึ่งก็จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้อีกทางหนึ่ง
รับมืออาการวัยทอง
เมื่อถึงจุดหนึ่งของอายุผู้หญิงอย่างเรา ๆ อาการวัยทองก็มักจะมาเคาะประตูรัว ๆ ให้มีอาการร้อน ๆ หนาว ๆ เช่น นอนไม่หลับ หนาวสั่นสลับร้อนเหงื่อซึม ปวดศีรษะ บ้านหมุน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือบางคนอาจมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย ดังนั้นทางที่ดีเรามารับมืออาการวัยทองกันดีกว่า อยากรู้ต้องทำยังไงอ่านได้จากบรรทัดข้างล่างนี้ค่ะ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต พืชตระกูลถั่ว งาดำ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย และผักใบเขียว เป็นต้น
- งดรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง อย่างบรรดาอาหารประเภททอด มัน อาหารขยะทั้งหลาย รวมทั้งเน้นการบริโภคอาหารย่อยง่าย ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำสมาธิ คิดในแง่บวก และดูแลสุขภาพจิตให้แจ่มใสอยู่เสมอ
พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผิวพรรณที่สดใส
การนอนหลับให้เต็มอิ่มไม่เพียงช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่ยังมีผลไปถึงเรื่องผิวพรรณของผู้หญิงสูงวัยด้วยนะคะ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอาหารผิวที่ร่างกายเคยผลิตออกมาได้เองก็จะลดต่ำลง ดังนั้นเราควรต้องพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นการช่วยบำรุงผิวพรรณที่ดีได้อีกแรง
ดื่มน้ำให้มาก ๆ
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญและเป็นส่วนประกอบที่มีมากที่สุดในร่างกายเรา โดยเฉพาะคุณแม่สูงวัยคนไหนที่อยากมีผิวพรรณเปล่งปลั่งและไม่มีปัญหาริ้วรอยมารบกวน ก็ควรต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 7-8 แก้วต่อวันเลยนะคะ ซึ่งนอกจากน้ำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใสแล้ว ระบบการทำงานต่าง ๆ รวมทั้งการขับถ่ายก็จะดีขึ้นมากเลยเชียวล่ะ
สุขภาพและร่างกายมีโอกาสร่วงโรยไปตามกาลเวลา
ความจริงข้อนี้เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อเราไม่สามารถหยุดเวลาและยับยั้งความชราได้
สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการดูแลสุขภาพคุณแม่สูงวัยให้แข็งแรง
รวมทั้งรักษาสุขภาพให้ห่างไกลโรคได้มากที่สุด
ซึ่งเคล็ดลับดูแลสุขภาพคุณแม่สูงวัยที่ว่าก็จำเป็นต้องใส่ใจในหลาย ๆ
ด้านด้วยกัน ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มดูแลสุขภาพคุณแม่สูงวัยไปพร้อมกันเลย
เริ่มง่าย ๆ เพียงใส่ใจเรื่องอาหารการกิน
ความต้องการอาหารของร่างกายผู้สูงอายุยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ควรได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพียงแต่ว่าเมื่ออายุคุณแม่สูงวัยเพิ่มมากขึ้น ระบบการย่อยอาหาร การทำงานของลำไส้อาจมีการเสื่อมถอยประสิทธิภาพได้ ดังนั้นผู้สูงวัยจึงควรจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและไขมัน รวมทั้งควรเลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย มีรสอ่อน ไม่เค็มจัด หวานจัด เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น อัตราการเคลื่อนไหวร่างกายจะลดลง ความอ้วนจึงมาเยือนได้ง่ายกว่าเดิม
อีกทั้งเมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนสาว ๆ เราจึงต้องช่วยร่างกายอีกแรง เลือกกินเฉพาะของที่ย่อยง่ายดีกว่า เช่น โปรตีนจากเนื้อปลาและไข่ แป้งจากธัญพืชไม่ขัดสี เพิ่มใยอาหารจากผัก-ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ย่อยง่าย เช่น แก้วมังกร ส้ม แอปเปิล องุ่น เป็นต้น
อ้อ ! อย่าลืมเพิ่มแร่ธาตุที่ผู้สูงอายุมักขาด เช่น แคลเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในนม ถั่วเหลือง ผัก และผลไม้ด้วยนะคะ
เริ่มง่าย ๆ เพียงใส่ใจเรื่องอาหารการกิน
ความต้องการอาหารของร่างกายผู้สูงอายุยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ควรได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพียงแต่ว่าเมื่ออายุคุณแม่สูงวัยเพิ่มมากขึ้น ระบบการย่อยอาหาร การทำงานของลำไส้อาจมีการเสื่อมถอยประสิทธิภาพได้ ดังนั้นผู้สูงวัยจึงควรจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและไขมัน รวมทั้งควรเลือกกินอาหารที่ย่อยง่าย มีรสอ่อน ไม่เค็มจัด หวานจัด เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น อัตราการเคลื่อนไหวร่างกายจะลดลง ความอ้วนจึงมาเยือนได้ง่ายกว่าเดิม
อีกทั้งเมื่อระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนสาว ๆ เราจึงต้องช่วยร่างกายอีกแรง เลือกกินเฉพาะของที่ย่อยง่ายดีกว่า เช่น โปรตีนจากเนื้อปลาและไข่ แป้งจากธัญพืชไม่ขัดสี เพิ่มใยอาหารจากผัก-ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ย่อยง่าย เช่น แก้วมังกร ส้ม แอปเปิล องุ่น เป็นต้น
อ้อ ! อย่าลืมเพิ่มแร่ธาตุที่ผู้สูงอายุมักขาด เช่น แคลเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในนม ถั่วเหลือง ผัก และผลไม้ด้วยนะคะ
ลด ละ เลิก สิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อโรค
ออกกำลังกาย
สำหรับคุณแม่ที่ไม่มีโรคประจำตัว อาจเริ่มออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการแอโรบิก เล่นโยคะ หรือออกกำลังกายด้วยการเดินให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดหัวใจกระชุ่มกระชวย ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส โดยการเริ่มออกกำลังกายควรยืดเส้นยืดสายก่อน และออกกำลังกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญอย่าหักโหมเด็ดขาดเลยเชียว
ควรดูแลให้ผู้สูงวัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ที่อยู่อาศัยต้องสะอาดสะอ้าน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้สูงอายุต้องใช้บันได โดยเฉพาะห้องน้ำที่ผู้สูงวัยใช้ต้องแห้ง สะอาด มีราวไว้สำหรับเกาะพยุงตัว หรือหากผู้สูงอายุไม่ค่อยแข็งแรง จำเป็นต้องมีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
ตรวจสุขภาพประจำปี
เนื่องด้วยผู้สูงอายุไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงมักจะมีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้นตามความเสื่อมถอยของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ดังนั้นการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุจึงจำเป็นต้องทำเป็นประจำทุกปี โดยโปรแกรมสุขภาพที่ควรตรวจต้องมีดังนี้
- ความเสี่ยงโรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- ระดับไขมันในเลือด
- ความเสี่ยงโรคมะเร็งต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
- โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น อาการปัสสาวะเล็ด
ตรวจมวลกระดูก
สำหรับคุณแม่สูงวัยถือเป็นเรื่องสุขภาพที่สำคัญมาก เนื่องจากตามธรรมชาติแล้วผู้หญิงจะมีโครงสร้างกระดูกที่บางกว่าผู้ชาย และเมื่อหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจนที่เป็นตัวช่วยให้กระดูกแข็งแรงก็หมดไปด้วย กระดูกจึงเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นควรต้องตรวจวัดมวลกระดูกให้รู้ชัด ๆ ไปเลยว่า ระดับความเปราะบางและความพรุนของกระดูกไปไกลแค่ไหนแล้ว ก็เพื่อจะได้ดูแลสุขภาพกระดูกของตัวเองได้ถูกทาง
ทั้งนี้โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ผู้สูงวัยรับประทานแคลเซียมประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป และเมื่อไม่สามารถรับแคลเซียมจากอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็อาจต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมเพิ่มเติม รวมทั้งออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดิน หรือฝึกโยคะ ก็จะช่วยเสริมให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นได้ แต่ทั้งนี้พยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องกระโดดอย่างเด็ดขาด เนื่องจากอาจมีปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้ค่ะ
ป้องกันตัวเองจากภาวะสมองเสื่อม
คุณแม่สูงวัยควรสังเกตความผิดปกติของร่างกายและสมองให้ดี โดยเฉพาะหากรู้สึกว่าความจำแย่ลง มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ สับสนสถานที่และเวลา นึกคำไม่ออก มีปัญหาการใช้ภาษา เริ่มเห็นภาพหลายมิติ รู้สึกว่าศักยภาพในการเข้าสังคมแย่ลง หรือเริ่มคิดอ่านได้ช้าลง ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพราะอาจตกอยู่ในภาวะสมองเสื่อมได้
อย่างไรก็ตาม คุณแม่สูงวัยควรใส่ใจดูแลสุขภาพสมองของตัวเองด้วยการพูดคุยกับคนรอบข้างให้มาก หากิจกรรมฝึกสมองที่ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างการเล่นเกมง่าย ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายตามความเหมาะสมเป็นประจำ ซึ่งก็จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้อีกทางหนึ่ง
รับมืออาการวัยทอง
เมื่อถึงจุดหนึ่งของอายุผู้หญิงอย่างเรา ๆ อาการวัยทองก็มักจะมาเคาะประตูรัว ๆ ให้มีอาการร้อน ๆ หนาว ๆ เช่น นอนไม่หลับ หนาวสั่นสลับร้อนเหงื่อซึม ปวดศีรษะ บ้านหมุน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือบางคนอาจมีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย ดังนั้นทางที่ดีเรามารับมืออาการวัยทองกันดีกว่า อยากรู้ต้องทำยังไงอ่านได้จากบรรทัดข้างล่างนี้ค่ะ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต พืชตระกูลถั่ว งาดำ เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย และผักใบเขียว เป็นต้น
- งดรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง อย่างบรรดาอาหารประเภททอด มัน อาหารขยะทั้งหลาย รวมทั้งเน้นการบริโภคอาหารย่อยง่าย ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ทำสมาธิ คิดในแง่บวก และดูแลสุขภาพจิตให้แจ่มใสอยู่เสมอ
พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผิวพรรณที่สดใส
การนอนหลับให้เต็มอิ่มไม่เพียงช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่ยังมีผลไปถึงเรื่องผิวพรรณของผู้หญิงสูงวัยด้วยนะคะ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอาหารผิวที่ร่างกายเคยผลิตออกมาได้เองก็จะลดต่ำลง ดังนั้นเราควรต้องพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นการช่วยบำรุงผิวพรรณที่ดีได้อีกแรง
ดื่มน้ำให้มาก ๆ
น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญและเป็นส่วนประกอบที่มีมากที่สุดในร่างกายเรา โดยเฉพาะคุณแม่สูงวัยคนไหนที่อยากมีผิวพรรณเปล่งปลั่งและไม่มีปัญหาริ้วรอยมารบกวน ก็ควรต้องดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 7-8 แก้วต่อวันเลยนะคะ ซึ่งนอกจากน้ำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใสแล้ว ระบบการทำงานต่าง ๆ รวมทั้งการขับถ่ายก็จะดีขึ้นมากเลยเชียวล่ะ
อายุกับสุขภาพอาจเป็นเรื่องที่สวนทางกันตามธรรมชาติก็จริง
ทว่าหากเรารู้จักดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ
โรคภัยและปัญหาสุขภาพก็คงมากวนใจกวนตัวเราได้ยากพอสมควรเหมือนกัน