"ขบวนการตากอากาศ" รายการเรียลลิตี้สำหรับทุกครอบครัวที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาสร้างความบันเทิงพร้อมสอดแทรกสาระดี ๆ สัปดาห์นี้ประเดิมด้วยเรื่องราวของ 2 ครอบครัว 2 สไตล์ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนาน และท้าทายไม่แพ้กัน เริ่มต้นจากครอบครัวของน้องจีโน่ วัย 2 ขวบ 7 เดือน ที่มีจุดเด่นอยู่ที่วิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ย้ายกลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่ ณ บ้านสวนแสนสงบและอบอุ่นที่จังหวัดจันทบุรี และครอบครัวของน้องอิ๊ค วัย 4 ขวบ ที่การใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่จำกัดตามประสาคนเมืองทำให้ครอบครัวนี้ต้องหาโอกาสออกไปเสริมประสบการณ์จากโลกกว้างนอกบ้านกันเสมอ
เพราะตระหนักดีว่า ภายใต้ความน่ารักไร้เดียงสาของเด็ก ๆ ทุกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คราบน้ำตา คำดุ คำชม คำปลอบโยน และเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นของแต่ละครอบครัวนั้นมักจะมีบทเรียนดี ๆ ซ่อนไว้รอให้เข้าไปเรียนรู้อยู่เสมอ ดังนั้นในทุกสัปดาห์เราจะมาชวนคุณถอดบทเรียนการเลี้ยงลูกไปด้วยกัน กับครอบครัว "ขบวนการตากอากาศ" ในแต่ละตอน
ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มตอนแรกกันเลยดีกว่า !
สิ่งหนึ่งที่คนดูต้องประทับใจไปกับเราก็คือ ความอบอุ่นและเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่ ของทั้งน้องจีโน่และน้องอิ๊ค โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับ "เวลาคุณภาพ" ที่เริ่มต้นในบ้าน สำหรับน้องจีโน่นั้น--หนูโชคดีมากเลยลูก ! ที่พ่อกับแม่ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านต่างจังหวัดที่มีสภาพแวดล้อมสุดแสนจะส่งเสริมการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มสัตว์เลี้ยง สวนผัก-ผลไม้ ลานดินกว้างขวาง ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณพ่อคุณแม่คอยสอนและชวนเล่นผ่านกิจกรรมในชีวิตประจำวันอยู่ตลอด
ส่วนน้องอิ๊คถึงจะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ขยันพาลูกไปท่องโลกกว้างนอกบ้านอยู่เสมอ และที่เราประทับใจมากก็คือตอนที่คุณพ่อคุณแม่ชวนคุณลูกกางเต็นท์ในห้องนอนด้วยหมอนและผ้าห่มที่สุดแสนจะเรียบง่ายธรรมดา แต่ช่วยปลุกจินตนาการของนักผจญภัยตัวน้อยให้โลดแล่นไปไกล และอบอุ่น
รู้หรือไม่ว่า….สิ่งเล็ก ๆ แค่การ #สบสายตา เวลาพูดคุยกับลูกก็สามารถส่งผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้ นี่เป็นเทคนิคที่เรียกว่า "การฟังเชิงรุก" หรือ active listening ที่จะทำให้เจ้าตัวน้อยของเรารู้สึกว่าคำพูด (และตัวตน) ของเขานั้นสำคัญสำหรับพ่อกับแม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกนับถือตัวเอง (self-esteem) อันเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างตัวตนของลูก
ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของทั้งน้องจีโน่และน้องอิ๊คนั้นมี active listening คือ สบสายตาในความสูงระดับเดียวกัน และตั้งใจฟังลูกอยู่เสมอ นี่เป็นเทคนิคเดียวกับเจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษเลยเชียวนะคะ จากภาพข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เรามักจะเห็นพระองค์นั่งลงคุกเข่าเพื่อคุยสบสายตากับเจ้าชายจอร์จ พระโอรสตัวน้อยเสมอ เป็นเทคนิคที่ฮิตตั้งแต่พระราชวังเคนซิงตันยันจันทบุรี !
เลิกห้าม = เพิ่มการเรียนรู้
สำหรับคนที่มีลูกวัย 0-6 ขวบ คงพอจะนึกออกว่าเด็กวัยนี้เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความซุกซน ช่างสำรวจ และชอบเลียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ (จนทำให้คนเลี้ยงเหนื่อยทั้งกายและใจไปตาม ๆ กัน) เช่นเดียวกับน้องจีโน่ที่คอยติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำกิจกรรมในฟาร์มเป็นประจำ แม้คุณแม่จะเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ผ่านทั้งการเล่นและการทำงานจริงของพ่อแม่ แต่ก็มีเรื่องที่โดนห้ามอยู่ก็คือ การเก็บไข่ในเล้า เพราะจีโน่ยังควบคุมน้ำหนักมือไม่ได้ และทำไข่แตกประจำ (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้)
แต่ในที่สุด คุณแม่ก็ตัดสินใจ "ไม่ห้าม" และปล่อยให้น้องจีโน่ได้ลองเก็บไข่ด้วยตัวเอง แม้ในช่วงแรกอาจจะไม่ได้ผลเต็มร้อย แต่เด็กจะค่อย ๆ เรียนรู้ และสามารถทำได้ในที่สุด การที่เรายอมให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเองโดยมีผู้ใหญ่คอยดูแลใกล้ ๆ (เพื่อระวังเรื่องอันตราย) จะช่วยพัฒนาความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกได้รับการยอมรับ ไว้ใจ และเกิดความนับถือในตัวเอง ซึ่งสำคัญมากต่อการเผชิญโลกกว้างในวันข้างหน้าด้วยตัวเอง
ตลาดและร้านค้าคือตำราเล่มใหญ่
ครอบครัวของน้องจีโน่และน้องอิ๊คเป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า ตลาดสดและร้านค้าทั่วไปนั้นเป็นสนามแห่งการเรียนรู้ที่ดีมาก คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกพูดคำศัพท์ต่าง ๆ ผ่านการชี้ชวนให้ดูผัก ผลไม้ กุ้ง หอย ปู ปลา ของจริง ลองจับต้องสัมผัสได้ สอนการเข้าสังคม ปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นผ่านการสนทนา กับพ่อค้าแม่ค้า สอนการนับเลขง่าย ๆ เมื่อเดินผ่านกองมะกรูด มะนาว หรือบวกลบเลขผ่านการจ่ายเงิน ทอนเงิน เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันก็มีความหมายได้อย่าปล่อยให้หลุดลอยไป !
อดทนและใจเย็น คือการลงทุนที่คุ้มค่า
สิ่งที่ยากที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่มักจะมาปรับทุกข์กันก็คือ ฉันรู้หมดว่าอะไรดีไม่ดี แต่ปัญหาอยู่ที่รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้น่ะสิ ! ยกตัวอย่างกรณีของน้องอิ๊คที่ไม่ยอมนั่งคาร์ซีท หรือตอนน้องจีโน่เก็บไข่ และอยากได้ของเล่นที่ตลาด มนุษย์พ่อแม่หลายคนถ้าเจอสถานการณ์มนุษย์ลูกงอแงพูดไม่รู้เรื่องก็อาจจะสติแตกหงุดหงิด และใจร้อนอยากจบปัญหาเร็ว ๆ แต่สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ ก็แค่ใช้ความอดทนและใจเย็นเป็นที่ตั้ง ยืนยันสิ่งที่ถูกต้องด้วยเหตุผลและหนักแน่น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่เห็นผลในทันที แต่เมื่อเราปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้เวลา ค่อย ๆ รดน้ำพรวนดินไป ผลลัพธ์ที่ได้จะเบ่งบานสวยงามคุ้มค่าแก่การรอคอยในที่สุด เหมือนกับที่น้องอิ๊คได้เรียนรู้ว่าการนั่งคาร์ซีททำให้เขาปลอดภัยจริง ๆ ด้วย (เมื่อคุณพ่อเบรกรถแรง ๆ)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบทเรียนการเลี้ยงลูกที่เรานำมาฝากกันสำหรับสัปดาห์นี้ หวังว่าจะถูกใจและโดนใจคุณพ่อคุณแม่แต่ละบ้านกันบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ เชิญติดตามความน่ารักและธรรมชาติของเด็ก ๆ พร้อมกับได้เรียนรู้เรื่องพัฒนาการและการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้ ทุกวันเสาร์ กับรายการ "ขบวนการตากอากาศ" ออกอากาศเวลา 08.15-08.45 น. ทางช่อง 28 (3SD)