
ปรับวิถีชีวิตสมดุล ห่างไกลโรคไม่ติดต่อ (สสส.)
เรื่องโดย : กิดานัล กังแฮ Team Content www.thaihealth.or.th
เมื่อการดำรงชีวิตของประชากรโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ย่อมต้องส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นเหตุให้ประชากรทั่วโลกเจ็บป่วยด้วย "โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง"
ล่าสุด ข้อมูลองค์การอนามัยโลก เผยว่าประชาชนทั่วโลกมีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อมากถึงปีละ 36 ล้านคน คิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ของการเสียชีวิตทั้งหมด
ทั้งนี้ นายแพทย์วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้จัดการแผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ ให้ข้อมูลว่า โรคไม่ติดต่อ (Non-communicable diseases) หรือ NCDs คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติหรือความเสื่อมโทรมของร่างกายและจิตใจ ไม่สามารถที่จะติดต่อไปหาบุคคลอื่นได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดันเลือดต่าง ๆ เป็นต้น
"หลาย ๆ ประเทศให้ความสำคัญของโรคไม่ติดต่อเพิ่มมากขึ้น ไม่เฉพาะประเทศไทย แต่รวมถึงประเทศที่กำลังพัฒนาจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยโรคติดต่อลดลงเหลือเพียง 3 โรคใหญ่ คือ โรคเอดส์ วัณโรค และไข้เลือดออก แต่โรคไม่ติดต่อกำลังมีบทบาทในการเป็นภัยต่อสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง"
สำหรับกลุ่มเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อ ได้แก่ วัยทำงาน เพราะมีความเครียด ขาดการออกกำลังกาย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง แต่ปัจจุบันวัยเด็กเริ่มเป็นอีกวัยที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เด็กไทยมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนมากขึ้น และเด็กที่อ้วนเมื่อเติบโตก็จะเป็นคนอ้วน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน ซึ่งขณะนี้เด็กไทยที่เป็นโรคเบาหวานก็มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ
"โรคไม่ติดต่อ เกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกต้อง และอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่มีการติดต่อและแพร่กระจายของโรคแต่สามารถป้องกันได้ หากรู้เข้าใจ และปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพได้ถูกต้องเพราะจะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะนำไปสู่การเกิดโรคได้"

การดูแลสุขภาพให้ห่างไกลโรคไม่ติดต่อ ผู้จัดการแผนงานเครือข่ายควบคุมโรคไม่ติดต่อ บอกว่า ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ด้วยการมีวิถีชีวิตที่สมดุล ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดังนี้






นอกจากนี้ นพ.วิชช์ ย้ำว่า การมีวิถีชีวิตที่รีบเร่ง ประกอบกับมีการออกกำลังกายน้อยลง แต่มีความเครียดเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังซึ่งเป็นโรคที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
"การรักษาพยาบาลถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่สิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาใส่ใจสุขภาพ รู้จักการกินให้ถูก รู้จักออกกำลังกายให้เหมาะสม และรู้จักสร้างเสริมสุขภาพจิตให้ดี เพราะร่างกายของเราไม่มีใครดูแลได้ดีไปกว่าตนเองแน่นอน"
การมีวิถีชีวิตที่สมดุลวิถี เป็นหนทางสู่สุขภาพดี ฉะนั้นการหันมาใส่ใจในวิถีชีวิต โดยปรับให้เกิดความสมดุลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ย่อมช่วยให้ "ตัวเรา" ห่างไกล "โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง" ได้เป็นแน่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
