เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1337171 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ช่วงนี้อากาศช่างเป็นใจให้ยกขบวนไปเที่ยวทะเลเสียจริง ๆ แต่ถ้ามัวแต่เล่นน้ำทะเลจนเพลินไม่ระแวดระวังรอบตัวให้ดี ก็อาจจ๊ะเอ๋กับ "แมงกะพรุน" ที่แม้จะตัวเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้เราเจ็บจี๊ด ปวดแสบปวดร้อนจนเกินคำบรรยายได้เลย
ฟังแล้วชักสยองขึ้นมานิด ๆ ซะแล้ว แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะวันนี้ คุณสมาชิกหมายเลข 1337171 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ตั้งกระทู้บอกเล่าประสบการณ์ที่โดนพิษแมงกะพรุนที่หัวหิน พร้อมแนะนำวิธีรักษาเบื้องต้นด้วย ใครกำลังจะแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวทะเล ลองมาอ่านแล้วจำไว้เผื่อใช้ในยามฉุกเฉินดูกันเลยจ้า
แชร์ประสบการณ์โดนแมงกะพรุน ณ หัวหิน + วิธีรักษาเบื้องต้นเมื่อโดนพิษแมงกะพรุน โดย คุณสมาชิกหมายเลข 1337171 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเที่ยวทะเลหัวหิน วันที่ 24-26 ไปกับเพื่อนรวมแล้ว 11 คน ในวันแรกที่ไปถึง เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ไปหาอะไรกินกัน แล้วจึงไปเล่นน้ำทะเลที่หาดหัวหิน โดยไม่รู้เลยว่าวันที่ 23 (ก่อนผมจะมา 1 วัน) มีฝนตก ซึ่งเค้าบอกกันว่า หลังฝนตกไม่ควรเล่นน้ำ เพราะจะมีแมงกะพรุนลอยตามชายหาดเยอะ ด้วยความไม่รู้ จึงเล่นกันเต็มที่ครับ 5555
จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มร้องขึ้นมา ผมก็นึกว่าเหยียบเศษหอยในน้ำ แล้วเพื่อนก็วิ่งหนีขึ้นฝั่ง แต่พวกผมก็เล่นน้ำต่อ ไม่ได้ไปดูว่าเพื่อนเป็นอะไร หลังจากนั้นประมาณ 1 นาที เพื่อนอีกคนก็ตะโกนว่าเจอแมงกะพรุน จังหวะนั้นผมก็รีบหันมาดูว่าอยู่ตรงไหน ปรากฏคือ มันอยู่หลังผมเลยครับ หันไปปุ๊บ มันลอยมาแปะขาพอดี
ด้วยความตกใจ เพราะรู้สึกสยองมากตอนมันมาแปะขา เห็นตัวนิ่ม ๆ เหมือนไม่มีอะไร ที่ไหนได้ ความรู้สึกตอนโดนเหมือนโดนเข็มแหลม ๆ เป็นสิบ ๆ อันมาจิ้มขาครับ ผมเลยรีบวิ่งขึ้นหาด ตอนนั้นก็เริ่มเจ็บ ๆ แสบ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ ครับ เพื่อนคนแรกที่วิ่งหนีไปก็วิ่งกลับมาหาครับ สรุปว่าเพื่อนก็โดนเหมือนกัน แปะเต็ม ๆ แข้งทั้งสองข้างเลย ผมกับเพื่อนที่โดนเลยบอกเพื่อนคนอื่นว่าขอวิ่งไปที่เกสท์เฮ้าส์ก่อน ให้เพื่อนที่เหลือวิ่งตามมา
ขณะที่วิ่งไปที่พักครับ ตรงจุดที่โดนแมงกะพรุนนั้น แดงขึ้นมาเป็นเส้น ๆ เลยครับ เหมือนโดนหนวดมัน ปวดแสบปวดร้อนมาก ๆ เหมือนโดนน้ำร้อนลวกอะครับ เราก็รีบวิ่งไป 200 เมตรก็ถึงที่พักครับ พี่ที่เกสท์เฮ้าส์บอกว่าเค้าไม่มียา ให้ไปที่ร้านขายยา ตรงไปอีก 200 เมตรจากเกสท์เฮ้าส์ ผมกับเพื่อนคนนี้ก็วิ่งไปครับ รวมแล้ว 400 เมตร เพื่อนที่เหลือก็วิ่งตาม ๆ กันมา กลุ่มหนึ่งมาซื้อยากับผม อีกกลุ่มไปอาบน้ำ
พอถึงร้านขายยา ผมก็ถามว่ามียาอะไรใช้ทาได้บ้าง พี่เค้าก็หยิบแอมโมเนียครับ คนละขวด มาราดแผล ตอนนั้นแสบมากขึ้นเรื่อย ๆครับ เหมือนว่าเข็มพิษแมงกะพรุนมันกัดแผลอยู่ เพื่อนที่ตาม ๆ มาก็ซื้อยามาให้อีกหลอดครับ เป็นยาทารักษาแผลไฟไหม้ ให้พอกแผลไว้ แสบ ๆ คัน ๆ ครับ
***** สำหรับคนที่โดนพิษแมงกะพรุนนะครับ ถ้าแถวนั้นไม่มีผักบุ้งทะเล แนะนำให้ไปร้านขายยาโดยเร็วที่สุดครับ เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น อย่าเอาน้ำจืดมาราดแผลเด็ดขาด !!! เพราะพิษจะยิ่งลามไปเรื่อย ๆ ครับ อย่าเอานิ้วไปเกา หรือไปถูแผลด้วยครับ **********
หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ผมกับเพื่อนก็กลับไปที่เกสท์เฮ้าส์ ในตอนนั้นชาวบ้านหัวหินใจดีมาก ๆ ครับ ทุกคนมาถามแล้วก็บอกว่า ให้ไปเอาใบผักบุ้งทะเลตามชายหาดมาบดแล้วมาโปะแผลไว้ เพื่อดับพิษแมงกะพรุน เพื่อน ๆ ผมสามคนก็ไปถามจากชาวประมงแถวนั้น แล้วก็เก็บมาหนึ่งกำครับ
ในตอนนั้นจำได้ว่า ตอนกำลังทำแผลอยู่ที่ร้าน รู้สึกปวดต้นขาข้างขวาครับ ปวดเหมือนจะเป็นตะคริว ปวดได้ประมาณ 10-15 นาที ก็ค่อย ๆ ปวดน้อยลงครับ (ส่วนเพื่อนปวดที่เอว ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงปวด) เมื่อกลับมาถึงเกสท์เฮ้าส์ ก็รีบอาบน้ำ แสบมากกกกกกกกกกกกกกกกครับ ก้าวขาแต่ละทีรู้สึกเกร็ง ๆ เพราะว่าแผลของผมเป็นหลายที่ครับ โดนเต็ม ๆ อยู่3ที่ คือบริเวณข้าง ๆ หัวเข่าข้างขวา บริเวณข้อพับขาขวา (หายยากมากครับตรงนี้ เพราะเป็นที่ข้อพับพอดี) และก็ตรงต้นขาข้างขวาครับ นี่คือแผลใหญ่ ส่วนแผลเล็ก ๆ มีเป็นจุดเล็ก ๆ ประมาณ10กว่าจุดได้ มีตรงข้อเท้ามั่ง หน้าแข้งมั่ง กระจายกันไปครับ ส่วนมากจะอยู่ด้านหลัง เพราะผมโดนแปะที่ด้านหลังครับ
แผลเล็ก ๆ บริเวณต้นขาครับ
เพื่อน ๆ ที่ไปเอาใบผักบุ้งทะเล ก็กลับมาครับ พร้อมกับซื้อน้ำส้มสายชูมาหนึ่งขวดครับ วิธีผสมยาคือ เอาใบผักบุ้งทะเล บดให้ละเอียดครับ หาอะไรก็ตามที่ใช้บดได้ (****ทุกอย่างต้องล้างให้สะอาดนะครับ โดยเฉพาะใบผักบุ้งทะเล ต้องล้างดี ๆ****) เมื่อบดเสร็จแล้วจึงผสมกับน้ำส้มสายชู ให้ใบพอแฉะ ๆ ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำส้มสายชูมากเกินไปครับ
เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ (ที่อาบน้ำ เพื่อล้างแอมโมเนียและครีมที่พอกไว้ตอนแรกออกครับ) ก็นอนให้เพื่อนรีดเข็มพิษออกครับ โดยทำตามที่เภสัชกรบอก วิธีการคือเอาสำลีชุบน้ำส้มสายชูครับ มาถูกับแผลให้แรงที่สุดเท่าที่พอทำได้ เพื่อขูดเอาเข็มพิษออกครับ เจ็บมากกกกกกกกก มันแสบอยู่แล้ว พอมาถูกับน้ำส้มสายชู ยิ่งปวดยิ่งแสบครับ ถูกันอยู่เกือบ 20 นาที ก็เริ่มเอาใบผักบุ้งทะเลที่บดไว้มาโปะแผลครับ แผลมันปวดตุ้บ ๆ เลยครับตอนนั้น เหม็นน้ำส้มสายชูมาก ๆ ครับ
พอกไว้ทั้งคืนนะครับ *******ผักบุ้งทะเล มีสรรพคุณคือ แก้พิษของแมงกะพรุนครับ ส่วนน้ำส้มสายชูมีสรรพคุณคือ จะช่วยยับยั้งไม่ให้เข็มพิษแตกเพิ่มขึ้น ห้ามถู หรือสัมผัสบริเวณแผลด้วยมือเปล่า (ใช้สำลีแทน) เพราะอาจจะมีเข็มพิษอยู่ครับ*********
ภาพหลังจากโปะใบผักบุ้งทะเลครับ (ที่โปะทั่วขา เพราะมันเป็นจุดเล็ก ๆ คล้ายผื่น แต่จะแสบ ๆ ครับ)
รูปประกอบ ใบผักบุ้งทะเลครับ มีขึ้นอยู่ตามชายฝั่ง ถ้าไม่แน่ใจ ควรถามชาวประมงหรือชาวบ้านแถวนั้นครับว่าผักบุ้งขึ้นตรงไหน
ในวันที่ 2 หลังจากตื่นขึ้นมา พบว่ารอบ ๆ แผลแดงขึ้นมาเป็นเส้น ๆ เลยครับ แผลไหนเล็ก ๆ ก็เป็นจุดแดง ๆ ทั่วขา วันนี้ผมกับเพื่อนเหมารถไปเที่ยวรอบตัวเมืองหัวหินครับ เวลาเดินจะเจ็บแผลที่ข้อพับที่สุดครับ เพราะแผลยังปวดและแสบอยู่ แต่น้อยกว่าตอนโดนใหม่ ๆ เยอะครับ ลืมบอกไปครับ ในคืนแรก ผมกินยาแก้แพ้ครับ เพราะพี่สาวบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นไข้แล้วเที่ยวไม่สนุก เลยกินไป 2 เม็ดครับ
ภาพนี้ถ่ายไว้ตอนเช้าวันที่สองครับ สังเกตได้เลยว่าแผลนูนขึ้น และชัดขึ้นมากกว่าเมื่อคืน
ใช้เวลาในการเที่ยวรอบหัวหินเกือบ 6 ชั่วโมงครับ ไปซาฟารีหัวหิน วัดห้วยมงคล ซานโตรินี่ Swiss sheep farm แล้วก็เวเนเซียครับ อากาศร้อนมาก ๆ แล้วผมใส่กางเกงขาสั้นผมดี ขากางเกงก็ดันไปถูกับแผลตลอด ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหมนะครับ แต่แผลยิ่งบวมและแดงมากขึ้น ตามภาพเลยครับ
หลังจากไปเที่ยวกลับมาช่วงบ่าย ก็ไม่ได้เข็ดแต่อย่างใด ไปเล่นน้ำทะเลต่อที่เดิม 5555 แต่คราวนี้ไม่ลงไปไกลมาก และสอดส่องก่อนตลอดเวลา ว่ามีไคจูตัวไหนจะโผล่มาไหม สาเหตุนั้นแหละครับ ทำให้แผลเริ่มเละไปอีก (คือไม่ควรลงน้ำทะเลหรือทางที่ดี ไม่ควรโดนน้ำเลยครับ) ตอนโดนน้ำทะเล ก็แสบ ๆ คัน ๆ เล็กน้อย แต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เล่นกันจนมืดมาก ๆ เลยกลับขึ้นมาอาบน้ำครับ มาดูแผลอีกที มีตุ่มใส ๆ เล็ก ๆ ขึ้นรอบ ๆ แผลครับ เป็นทุกที่เลย แผลเล็กแผลใหญ่ก็ขึ้นหมด ลองบีบ ๆ มัน น้ำแตกครับ ! น้ำใส ๆ ในตุ่มนั่นแหละ ไม่รู้ว่าใช่หนองรึเปล่านะครับ
ก็กินยาแก้แพ้ต่อครับ แล้วก็ไปหาของกินที่ถนนคนเดินต่อ (**** เมื่อมีแผลประเภทนี้ ไม่ควรกินอาหารทะเล ไข่ หรืออาหารที่มีเปลือก และของแสลงครับ เท่าที่ทราบมา ก็เพื่อไม่ให้แผลอักเสบไปมากกว่านี้ และเพื่อไม่ให้เป็นแผลเป็นชัด ๆ ครับ*****)
หลังจากผ่านไปประมาณเกือบ 2 สัปดาห์ แผลก็เริ่มแข็งเป็นสะเก็ด มีหนอง เหมือนแผลไฟลวกครับ แต่ไม่หนักเท่าหลาย ๆ เคสที่เคยเห็น
ใช้วิธีเอาน้ำเกลือราดเอาแล้วเอาสำลีซับอะครับ คือผมทำแผลแบบนี้ไม่ค่อยเป็น เลยใช้วิธีที่เคยทำ (เคยโดนตะปูเกี่ยวนิ้วเห็นว่าแผลคล้าย ๆ กัน) หลังจากราดน้ำเกลือก็ทาเบตาดีนเอาครับ ไม่กล้าราดไฮโดรเจน ตอนอยู่บ้านก็ไม่ได้เอาผ้าก็อซปิดแผลนะครับ เพราะอยากให้แผลแห้ง แต่ตอนไปข้างนอกก็ปิดเอาไว้ครับ
ภาพนี้เป็นแผลช่วงที่เริ่มเป็นสะเก็ดครับ
แผล ณ ปัจจุบันนี้ หายแล้วครับ เป็นแค่แผลเป็นยาว ๆ ไว้ทาครีมเอาครับ ส่วนเพื่อนที่โดน ตอนนี้ยังไม่หายเลยครับ 2 เดือนแล้ว เพราะของเพื่อนจะเป็นวงกลมครับเท่าเหรียญ 50 สตางค์ แต่มีเต็มหน้าแข้งครับ เยอะมาก ของผมโชคดีที่เป็นเส้น ๆ หายง่ายกว่า
****ทางที่ดี ก่อนลงทะเลควรเช็กให้แน่ใจนะครับ เพื่อความปลอดภัย อย่างผมเนี่ย ไม่รู้ว่าฝนตกแล้วแมงกะพรุนจะขึ้นมา หรือเมื่อโดนแล้วก็ควรรักษาเบื้องต้นให้เร็วที่สุดครับ สิ่งเบื้องต้นที่ดีที่สุดคือน้ำส้มสายชูและผักบุ้งทะเลครับ****
ขอบคุณที่ติดตามครับ"
ทั้งนี้ ก็ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมแชร์ประสบการณ์ในกระทู้นี้อย่างมากมาย รวมทั้ง คุณ ส.มโนมัย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งเป็นแพทย์ผิวหนัง ก็ได้เข้ามาให้ความรู้เพิ่มเติมถึงวิธีการปฐมพยาบาลเมื่อโดนแมงกะพรุนเบื้องต้นด้วยว่า สามารถใช้ได้ทั้งผักบุ้งทะเลและน้ำส้มสายชู ซึ่งผักบุ้งทะเลมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากน้ำส้มสายชู แต่ผักบุ้งทะเลจะได้ผลเมื่อตำให้ละเอียดแล้วเอามาล้างแผลแมงกะพรุน ฉะนั้น การล้างด้วยน้ำส้มสายชู จะสะดวกและรวดเร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อโดนแมงกะพรุนแล้ว ห้ามล้างแผลด้วยสบู่เด็ดขาด เพราะจะทำให้แคปซูลพิษของแมงกะพรุนที่ค้างอยู่บนผิวหนังแตกออก และจะยิ่งทำอันตรายผิวหนังมากขึ้น การล้างควรล้างเบา ๆ ให้แคปซูลพิษค่อย ๆ หลุดไป หากถูแรง ๆ เหมือนที่เจ้าของกระทู้ทำจะยิ่งทำให้แคปซูลพิษแตกง่ายขึ้น จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการในวันที่สองเป็นมากขึ้น
ส่วนเรื่องการกินอาหารทะเลนั้น คุณหมอก็ให้ข้อมูลด้วยว่า ไม่ได้ทำให้อาการเป็นมากขึ้น ดังนั้น สามารถทานอาหารทะเลได้ เพราะอาการจะเป็นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง