เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
แพทย์เตือนระวังทานเม็ดกระท้อน ระบุ เม็ดกระท้อนมีส่วนที่แหลมคมอยู่ตรงปลายเม็ด เสี่ยงลำไส้ทะลุ เผยปีนี้พบผู้ป่วยเข้าผ่าตัดแล้ว 2 ราย
วันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีผู้ป่วยปวดท้องอย่างรุนแรงหลังจากรับประทานเม็ดกระท้อนเข้าไป ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
โดย นายดวงดี ธรรมวัง อายุ 51 ปี คนไข้สำไส้ทะลุจากการกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไป เล่าให้ฟังว่า ได้กินกระท้อนและกลืนเม็ดเข้าไปทั้งหมด จำนวน 6 ลูก โดยกลืนเม็ดกระท้อนเข้าไปด้วยประมาณ 25-30 เม็ด ทั้งเม็ดใหญ่เม็ดเล็ก ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา กระทั่งรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงทนไม่ไหว ต้องมาพบแพทย์ให้รักษา และถูกพาเข้าห้องผ่าตัดทันที โดยแพทย์ได้ผ่าตัดเป็นแผลยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อรักษาสำไส้ที่ทะลุ
ทางด้าน นายแพทย์วิฑูรย์ ศรีศุกร์เจริญ นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม กล่าวว่า ในปีนี้พบผู้ป่วยแล้ว 2 ราย ทั้งคู่เดินทางเข้ารักษาตัวด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หลังรับประทานเม็ดกระท้อนเข้าไป เนื่องจากเม็ดกระท้อนมีส่วนที่แหลมคมอยู่ตรงปลายเม็ดทั้ง 2 ข้าง ไม่เหมือนกับเม็ดมังคุด
สำหรับคนไข้ที่รับประทานเม็ดกระท้อนเข้าไปจะถูกปลายที่แหลมคมทั้ง 2 ข้างของเม็ด ทิ่มตำลำไส้ใหญ่ส่วนล่างออกมาที่ช่องท้องพร้อมกับอุจจาระ จะทำให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ และอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ จากภาวะโลหิตเป็นพิษจากการติดเชื้อในช่องท้อง ซึ่งคนไข้บางรายไม่เข้าใจคิดว่าปวดท้องธรรมดารักษาเอง กว่าที่จะมาพบแพทย์เชื้อโรคกระจายเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น อาการไตวาย เป็นต้น ทำให้คนไข้ไม่สามารถจะทนกับภาวะความปวดที่รุนแรงต่อการติดเชื้อได้กระทั่งเสียชีวิต
ส่วนการรักษา คือ การผ่าตัดเพื่อรักษาสำไส้ส่วนทะลุ และนำสำไส้ส่วนดีมาไว้หน้าท้อง เพื่อให้คนไข้ได้ถ่ายก่อน ประมาณ 7-15 วัน หากไม่มีอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด คนไข้ก็กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ แต่จะใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน หลังผ่าตัดเพื่อรักษาสุขภาพให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอย่ากลืนเม็ดกระท้อนเข้าไปเป็นอันขาด เพราะช่วงนี้เป็นฤดูที่มีผลผลิตกระท้อนออกสู่ตลาดจำนวนมาก ใครที่ชอบรับประทานกระท้อนที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มักจะนิยมรับประทานกัน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก