ไขมันดีได้จากอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Super Food กินแล้วไม่ทำให้อ้วน เหมาะกับสาว ๆ ที่อยากผอมแต่ไม่อยากอดอาหาร ที่สำคัญคือ แม้จะกินเพื่อลดน้ำหนักแต่ก็ไม่ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร อยากรู้ไหมว่ามีอะไรบ้าง
เรื่องการลดน้ำหนัก กับการอดอาหารมักเป็นของคู่กันเสมอ
ทำให้แผนการลดน้ำหนักของสาว ๆ หลายคนไม่ถึงเส้นชัยสักที
เพราะอดใจไม่ไหวกับของอร่อยอยู่เป็นประจำ งานนี้กระปุกดอทคอมขอบอกเลยว่า
ต่อไปนี้สาว ๆ ไม่ต้องอดของอร่อยเพื่อให้น้ำหนักลงอีกแล้ว
จากข้อมูลในเว็บไซต์ Businessinsider.com แนะนำมาว่า หากอยากผอมแบบไม่ต้องอดอาหารต้องลองกิน 10
อาหารอร่อยต่อไปนี้ดู ที่ถึงแม้ว่าจะมีไขมันสูง
แต่ก็ทำให้เราลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
เรามาดูกันว่าของอร่อยกินแล้วไม่อ้วนที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง
อะโวคาโด
อย่างที่รู้กันดีว่า อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีจากไขมันสูงถึงร้อยละ 77
นับว่าเป็นปริมาณไขมันที่สูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น
แต่ไขมันส่วนใหญ่ที่พบในอะโวคาโดนั้นเป็นกรดไขมันโอเลอิกชนิดไม่อิ่มตัว
ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ กินแล้วไม่สะสมเป็นไขมันหน้าท้อง
จากผลการวิจัยเผยว่า
ในผลอะโวคาโดยังอุดมด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และเพิ่มปริมาณไขมันดี (HDL) ในร่างกาย ดังนั้น
หากเรากินเป็นประจำทุกวัน
ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดเลย นอกจากนี้แล้ว
อะโวคาโดยังอุดมด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียมถึงร้อยละ 40 มากกว่ากล้วยเสียอีก
กินแล้วช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายเราอีกด้วย
ชีส
ชีสเป็นอาหารที่ดูเหมือนกินแล้วอ้วน เพราะชีสบาง ๆ เพียง 1 แผ่นนั้น
ก็มีไขมันเทียบเท่ากับไขมันในน้ำนมโค 1 แก้วแล้ว แต่ความจริงแล้ว
ชีสกลับช่วยคุมน้ำหนักตัวได้ดีทีเดียว และยังไม่ทำให้เราขาดสารอาหารด้วย
โดยเฉพาะสารอาหารประเภทโปรตีนที่มีสูงถึง 6.7 กรัม
นอกจากนี้ยังมีสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันด้วย
ได้แก่ แคลเซียม วิตามินบี 12 ฟอสฟอรัส และเซเลเนียม
ที่จะช่วยเสริมสร้างในกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคไขมันประเภท2 ด้วย ดังนั้น สาว ๆ
ที่อยากคุมน้ำหนักตัว ก็ลองกินชีสวันละแผ่นดูนะคะ
ดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตรสขมที่เราคิดว่ากินแล้วไม่อ้วนนั้น
ความจริงแล้วมีไขมันสูงถึงร้อยละ 65 แคลอรีเชียวนะ แต่สิ่งที่ตกใจก็คือ
ในดาร์กช็อกโกแลตกลับมีไฟเบอร์ถึงร้อยละ 11 และมีปริมาณของสารอาหารต่าง ๆ
ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน (RDA) อยู่ถึงร้อยละ 50 ได้แก่ ธาตุเหล็ก
แมกนีเซียม สังกะสี และแมงกานีส ที่สำคัญคือ
มีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับผลบลูเบอร์รีได้เลยล่ะ
โดยที่สารต้านอนุมูลอิสระในดาร์กช็อกโกแลตนั้นมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบการทำงานของอวัยวะต่าง
ๆ ภายในร่างกาย ช่วยลดระดับความดันโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
และยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือดได้ด้วย
จากผลการวิจัยเผยว่า ผู้ที่กินดาร์กช็อกโกแลตมากกว่า 5
ครั้งต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่ำที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเมื่อเทียบกับคนที่ไม่กินดาร์กช็อกโกแลตเลย
นอกจากนี้แล้ว ดาร์กช็อกโกแลตยังช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานของสมอง
และช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลายได้
โดยที่ดาร์กช็อกโกแลตที่มีผลต่อการป้องกันโรคนั้นต้องมีส่วนประกอบของโกโก้อย่างน้อยร้อยละ
75 จึงจะถือว่าเป็นดาร์กช็อกโกแลตที่กินแล้วดีต่อสุขภาพ
ไข่ไก่เต็มฟอง
การกินไข่ไก่เต็มฟอง หรือการกินทั้งไข่แดง และไข่ขาวนั้น
หลายคนมองว่าเป็นอาหารที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูง และทำให้อ้วนขึ้น
เพราะในไข่ไก่ 1 ฟองอุดมด้วยคอเลสเตอรอล 212 มิลลิกรัม
และยังมีแคลอรีจากไขมันอยู่ถึงร้อยละ 62 ด้วย อย่างไรก็ตาม
มีผลการวิจัยล่าสุดออกมายืนยันแล้วว่า
คอเลสเตอรอลจากไข่ไก่เต็มฟองนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
เว้นเสียแต่ผู้ป่วยที่ต้องระวังเรื่องคอเลสเตอรอลในเลือดและความดันโลหิต
เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิต และโรคอ้วน
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักก็ควรกินไข่ไก่ให้ได้วันละฟอง เพราะในไข่ไก่ 1
ฟองนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายครบครันทั้งโปรตีน วิตามิน
แร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายในแต่ละวัน มีสารต้านอนุมูลอิสระ
มีคลอรีนบำรุงสมองถึงร้อยละ 90
และมีกรดไขมันโอเมก้าทรีที่กินแล้วไม่ทำให้เกิดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดแน่นอน
ปลาที่มีกรดไขมันสูง
ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็นสูง ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน
เทร้าท์ แมคเคอเรล ซาร์ดีน และเฮริง
ปลาเหล่านี้อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้าทรีสูง
และยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีอีกด้วย ที่สำคัญคือ
มีสารอาหารสำคัญที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน จากผลการวิจัยเผยว่า
คนที่กินปลาที่มีกรดไขมันดีเป็นประจำ
จะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ค่อยกินปลาชนิดนี้
โดยมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นโรคหัวใจ โรคซึมเศร้า ภาวะสมองเสื่อม
รวมถึงความเสี่ยงในการเป็นโรคทั่ว ๆ ไปด้วย
หรือถ้าหากใครไม่ค่อยได้กินปลาประเภทนี้มากเท่าไรนัก
ก็สามารถบำรุงร่างกายเพิ่มได้ด้วยอาหารเสริมน้ำมันตับปลา (Fish-liver-oil
หรือ Codfish-liver oil )
ซึ่งก็อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้าทรีที่ร่างกายต้องการเหมือนกัน
และยังมีวิตามินดีสูงอีกด้วย
ถั่ว
ถั่วเป็นอาหารที่เราเข้าใจว่าเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี
ซึ่งความจริงแล้วก็ยังเป็นอาหารที่มีไขมันสูงมากด้วยเช่นกัน
แต่ไขมันในถั่วนั้นกินแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพใด ๆ นะคะ
เพราะเป็นกรดไขมันอิ่มตัวชนิดดีที่ช่วยบำรุงสุขภาพอีกด้วย ผลการวิจัยเผยว่า
คนที่กินถั่วเป็นประจำจะมีสุขภาพดี และมีความเสี่ยงต่ำในการเป็นโรคอ้วน
โรคหัวใจ และโรคเบาหวานประเภท 2 ถั่วที่กินแล้วดีต่อสุขภาพได้แก่
ถั่วอัลมอนด์ วอลนัท แมคคาเดเมีย ถั่วลิสง ถั่วพีแคน และเม็ดมะม่วงหิมพานต์
แม้ว่าถั่วจะมีไขมันสูง
แต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วยนะ ได้แก่ ไฟเบอร์
วิตามินอี และแมกนีเซียม
เมื่อรู้ประโยชน์ของถั่วกันแล้วก็อย่าลืมเพิ่มถั่วลงในเมนูโปรดกันด้วยนะคะ
เนยจากวัวที่ถูกเลี้ยงด้วยหญ้า
เนยเป็นอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงมาก
แต่กลับถูกจัดอันดับให้เป็นของอร่อยที่กินแล้วได้สุขภาพ
จากผลการวิจัยล่าสุดเมื่อปี 2012 เผยว่า
การกินไขมันจากเนยที่ทำมาจากน้ำนมของวัวกินหญ้านั้น
จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอ้วน และโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตได้
เพราะน้ำนมของวัวกินหญ้านั้นมีคุณภาพอยู่แล้ว เมื่อนำมาแปรรูปเป็นเนย
ก็ส่งผลให้เนยมีสารอาหารสำคัญอุดมอยู่เพียบตามไปด้วย เช่น วิตามินเอ
วิตามินเค 2 กรดไขมันบิวทีริก และกรดไขมันคอนจุเกเตดไลโนลีอิก (Conjugated
Linoleic Acids) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพ ทีนี้สาว ๆ
ก็เลิกเข้าใจผิดกันสักเนอะว่ากินเนยแท้แล้วทำให้อ้วน
น้ำมันมะกอกสกัดเย็นบริสุทธิ์ (Extra Virgin Olive Oil)
น้ำมันมะกอกสกัดเย็นบริสุทธิ์เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันชนิดดี
เป็นหนึ่งในตัวช่วยไดเอตแบบ Mediterranean diet
หรือวิธีลดน้ำหนักที่เน้นกินผักสด ผลไม้ ปลา น้ำมันมะกอก เนื้อไม่ติดมัน
ธัญพืช และไวน์แดง ซึ่งน้ำมันมะกอกที่กินแล้วดีต่อสุขภาพก็คือ
น้ำมันมะกอกสกัดเย็นบริสุทธิ์ เพราะเป็นน้ำมันที่อุดมด้วยวิตามินอี
วิตามินเค และสารต้านอนุมูลอิสระ
ด้วยเหตุนี้จึงถือว่าเป็นน้ำมันที่กินแล้วดีต่อสุขภาพของเรา
ช่วยบำรุงสุขภาพของเราได้แทบจะทุกด้าน เช่น ลดการติดเชื้อในร่างกาย
ลดระดับไขมันเลว (LDL) ในกระแสเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต และบำรุงหัวใจ
มะพร้าวและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
มะพร้าวและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น เป็นแหล่งไขมันอิ่มตัวที่ดีที่สุด
มีกรดไขมันอิ่มตัวกว่าร้อยละ 90 ช่วยบำรุงหัวใจ รวมถึงสุขภาพในด้านอื่น ๆ
ด้วย ไขมันมะพร้าวต่างจากไขมันทั่วไปคือ
เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลางช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่ในตับ
เพื่อให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นสภาวะคีโตน
หรือสภาวะที่ร่างกายดึงไขมันมาเผาผลาญเป็นพลังงานในร่างกายแทนน้ำตาล
จากผลการวิจัยเผยว่า กรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลางช่วยลดความอยากอาหารได้
ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ถึง 120 แคลอรีต่อวัน
และยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้้นด้วย นอกจากนี้
น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นยังดีต่อผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
และช่วยลดไขมันหน้าท้องได้อีกด้วย
โยเกิร์ตธรรมดา
โยเกิร์ตธรรมดา มีชื่อเรียกอยู่ 3 ชนิดได้แก่ Full-Fat Yogurt, Whole milk
Yogurt และ Yogurt ซึ่งหมายถึงโยเกิร์ตที่มีปริมาณไขมันไม่ต่ำกว่า 2.0 –
3.5% จัดว่าเป็นโยเกิร์ตที่มีปริมาณไขมันดีต่อร่างกาย
เพราะไขมันที่ได้ส่วนใหญ่มาจากน้ำนมโค นอกจากนี้เรายังได้ประโยชน์เน้น ๆ
จากแบคทีเรียชนิดพรีไบโอติกส์ หรือแบคทีเรียตัวผอม
ที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการย่อยและการดูดซึม จากผลการวิจัยเผยว่า
โยเกิร์ตชนิดนี้ช่วยปรับสมดุลระบบย่อยอาหารของเราให้ทำงานเป็นปกติ
ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและโรคอ้วนได้อีกด้วย
ส่วนใครที่ถามว่า อ้าว ! แล้วอย่างนี้เราจะเลือกทานโยเกิร์ตโลว์แฟต
หรือพร่องมันเนยได้หรือเปล่าล่ะ จะได้ไขมันน้อยหน่อย คำตอบก็คือ
ไม่ว่าเราจะเลือกกินโยเกิร์ตธรรมดา หรือแบบโลว์แฟตนั้น
ก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น
เพราะโยเกิร์ตทั้งสองชนิดก็มีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกัน
เพียงแต่โยเกิร์ตพร่องมันเนยนั้น ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณไขมันเพียง 0.5-2.0%
ซึ่งน้อยกว่าโยเกิร์ตธรรมดาก็จริง
แต่สิ่งที่จะทำให้เราอ้วนก็คือแคลอรีจากน้ำตาลที่อยู่ในรูปของส่วนประกอบอื่น
ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ชิ้นเนื้อผลไม้ การแต่งสีเลียนกลิ่นธรรมชาติ
รวมถึงสารให้ความหวานแทนน้ำตาลด้วย ดังนั้น
หากจะเลือกกินโยเกิร์ตเพื่อลดน้ำหนักจริง ๆ
ก็ควรเลือกแบบโยเกิร์ตธรรมดาดีกว่าค่ะ
เน้นกินไขมันธรรมชาติดีกว่ากินน้ำตาลสังเคราะห์นะ
และในการเลือกซื้อโยเกิร์ตสูตรต่าง ๆ เราควรอ่านฉลากโภชนาการให้ดีซะก่อน
โดยเฉพาะปริมาณน้ำตาล มิเช่นนั้นโยเกิร์ตถ้วยอร่อยที่เราชื่นชอบนั้น
อาจไม่ทำให้เราผอมได้จริง
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าเราจะเน้นกินอาหารไขมันสูงที่ไม่ทำให้อ้วนเป็นประจำทุกวันแล้วก็ตาม
แต่สาว ๆ ก็อย่าลืมเรื่องการออกกำลังกายด้วยนะคะ
เพราะถ้าหากเราได้ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการกินอาหารที่มีประโยชน์แล้ว
รับรองว่าสาว ๆ จะมีรูปร่างดูดีในแบบฉบับเฮลตี้เกิร์ลสมใจแน่นอน