ช็อกโกแลตเป็นหนึ่งในของอร่อยที่ใครหลายคนต้องคอยยั้งใจไม่ให้กินเยอะ มิเช่นนั้นน้ำหนักจะพุ่งเอาได้ แต่ต่อไปนี้การกินช็อกโกแลตจะไม่ทำลายสุขภาพต่อไป เพราะเรามีเคล็ดลับในการกินมาบอก
ช็อกโกแลตรสหวานอร่อย ทำเราอารมณ์ดีขึ้นในพริบตานั้น
หากกินเป็นประจำทุกวันย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพแน่นอน
โดยเฉพาะมิลค์ช็อกโกแลต และช็อกโกแลตสอดไส้ต่าง ๆ
ทั้งที่ความจริงแล้วช็อกโกแลตนั้นไม่ใช่อาหารตัวร้ายสำหรับสุขภาพของเราเลย
หากกินอย่างรู้หลักก็จะช่วยบำรุงสุขภาพกายและใจของเราให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วย
แต่เอ๊ะ ! หลักการกินช็อกโกแลตที่ถูกต้องและพอดีนั้นจะเป็นอย่างไรนะ
กระปุกดอทคอมมีคำตอบมารอให้คุณอ่านตรงนี้แล้ว
โกโก้ เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ช็อกโกแลตสุดโปรดของเราทำให้เรามีสุขภาพดีได้ เพราะในโกโก้แท้นั้นอุดมด้วยสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยบำรุงหลอดเลือดของเราให้แข็งแรง
จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร American College of Cardiology (JACC) เผยว่า สารฟลาโวนอยด์มีผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของเรา โดยจะช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนโลหิตในหลอดเลือด กระตุ้นสร้างเซลล์เส้นเลือดใหม่ และมีคุณสมบัติชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้อีกด้วย ดังนั้น หากในช็อกโกแลตแท่งโปรดมีปริมาณโกโก้อยู่สูง นั่นก็หมายถึง เป็นช็อกโกแลตที่กินแล้วดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ "ดาร์กช็อกโกแลต"
ในขณะเดียวกัน ช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้แท้น้อยมาก เช่น ไวท์ช็อกโกแลตและช็อกโกแลตนม นั้นเป็นช็อกโกแลตที่เราควรหลีกเลี่ยง เพราะเป็นช็อกโกแลตที่มีปริมาณสารฟลาโวนอยด์น้อย แต่มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และมีสีผสมอาหารสังเคราะห์ปนอยู่สูงทีเดียว
เลือกกินช็อกโกแลตอย่างไรให้ได้สุขภาพ
สำหรับคนที่เป็นช็อกโกแลตเลิฟเว่อร์นั้น เราขอแนะนำหลักการง่าย ๆ ในการกินช็อกโกแลตให้ดีต่อสุขภาพ นั่นคือ ดูปริมาณโกโก้เป็นหลัก ถ้าเป็นดาร์กช็อกโกแลตได้ยิ่งดีค่ะ เพราะดาร์กช็อกโกแลตส่วนใหญ่นั้นทำมาจากโกโก้แท้ มีรสขมนำ และมีปริมาณน้ำตาล ไขมันน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเลือกกินดาร์กช็อกโกแลต ก็ควรกินในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะคะ นั่นคือ ประมาณ 198 กรัมต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันละ 28 กรัม อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังให้ดีก็คือ ปริมาณโกโก้ โดยในช็อกโกแลตที่เราเลือกนั้นควรมีโกโก้แท้ผสมอยู่อย่างน้อยร้อยละ 70 อีกทั้งสีของช็อกโกแลตก็ควรออกไปทางดำเข้ม ช็อกโกแลตยิ่งมีสีดำเข้มยิ่งดีต่อสุขภาพค่ะ ส่วนช็อกโกแลตที่มีสีน้ำตาล ส่วนมากจะเป็นมิลค์ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลตสอดไส้ กลลวงความอร่อยที่ควรระวัง
หากใครที่ชอบกินช็อกโกแลตมาก ๆ ย่อมรู้ดีว่า ช็อกโกแลตมีความอร่อยให้เราหลากหลายรูปแบบมาก เช่น ไวท์ช็อกโกแลต ช็อกโกแลตนมผสมรสชาติต่าง ๆ ช็อกโกแลตเคลือบถั่ว ช็อกโกแลตผสมนูกัต ช็อกโกแลตเคลือบคาราเมล หรือแม้แต่ช็อกโกแลตเคลือบเจลลี่ ซึ่งช็อกโกแลตเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรหลีกเลี่ยง เพราะในช็อกโกแลตเหล่านี้ไม่ให้ประโยชน์ใด ๆ ต่อสุขภาพเลย นอกจากความอร่อยเท่านั้น !
ที่น่าตกใจคือ ส่วนใหญ่มีโกโก้แท้อยู่ไม่ถึงร้อยละ 50 ด้วยซ้ำไป และมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามาทำให้ช็อกโกแลตน่ากินมากขึ้นก็คือ เนยโกโก้ (Cocoa Butter) โกโก้แมส (Cocoa liquor หรือ Cocoa Powder) และน้ำตาล โดยตัวการบั่นทอนสุขภาพของเราก็คือ เนยโกโก้ ที่มีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ กรดปาลมิติก (Palmiticacid) และกรดสเตียริก (StearicAcid) นอกจากนี้ยังรวมถึงปริมาณน้ำตาลและสารสังเคราะห์อื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้น หากเรากินช็อกโกแลตเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน ก็มีสิทธิ์ที่โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตจะถามหาเอาได้
สำหรับใครที่ติดกินมิลค์ช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวัน ขอแนะนำว่า ควรหันมากินดาร์กช็อกโกแลตบ้าง เพราะในดาร์กช็อกโกแลตนั้น มีประโยชน์ต่อสุขภาพซ่อนอยู่หลายข้อเลยทีเดียวค่ะ รับรองว่าอ่านแล้วจะยิ่งชอบกินช็อกโกแลตมากขึ้นไปอีก มาดูกันเถอะว่าช็อกโกแลตสีดำเข้มนี้จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอะไรบ้าง
บำรุงหัวใจ
จากผลการวิจัยของประเทศสวีเดนเผยว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งช่วยลดความเสี่ยงเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้สูงถึงร้อยละ 44 ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจมากขึ้น ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัวที่จะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบตันในเวลาต่อมา
ช่วยให้ความจำดีขึ้น
ดาร์กช็อกโกแลตเพิ่มการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ทำให้เราจดจำอะไรได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Nottingham ในประเทศอังกฤษ เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในโกโก้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำของสมองให้นานมากขึ้นถึง 2-3 ชั่วโมง
ป้องกันโรคเบาหวานประเภท 2
สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งการกระตุ้นสร้างอินซูลินในร่างกายได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตของเราอีกด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ได้
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง และชะลอกระบวนการเกิดริ้วรอยบนผิวพรรณ เป็นต้น
ลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
ดาร์กช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีความหวานต่ำ เพราะมีสารคาเฟอีนให้ความขมที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) อยู่ในปริมาณสูง ดังนั้น กินแล้วจึงไม่ต้องห่วงว่าฟันจะผุจากการสะสมของแบคทีเรีย
บำรุงเลือด
ดาร์กช็อกโกแลตแท่งสีดำเข้มอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม สังกะสี แมกนีเซีย และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงเลือดของเราให้เกิดการไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้เราห่างไกลจากภาวะโลหิต โรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
ช่วยลดน้ำหนัก
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เผยว่า รสขมของดาร์กช็อกโกแลตช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้ดี โดยเฉพาะ อาหารที่มีรสหวาน รสเค็ม และมีไขมันสูง ซึ่งการกินดาร์กช็อกโกแลตขนาดแค่เหรียญบาทเป็นประจำทุกวัน ก็สามารถช่วยให้เราควบคุมน้ำหนักตัวได้ง่ายขึ้นแล้ว น่าลองนะคะ !
ดีต่อลูกน้อยในครรภ์
คนท้องที่กินช็อกโกแลตเป็นประจำมีแนวโน้มว่าลูกน้อยในครรภ์เป็นเด็กอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง จากผลการวิจัยของประเทศฟินแลนด์ เผยว่า คนท้องที่กินดาร์กช็อกโกแลตมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้องนั้น มีความเสี่ยงต่ำที่จะครรภ์เป็นพิษถึงร้อยละ 69 อีกทั้งยังมีแนวโน้มได้ลูกน้อยที่มีนิสัยน่ารัก อารมณ์ดี และยิ้มเก่งด้วย สาเหตุมาจากการที่สมองของคุณแม่หลั่งสารเคมีเฟนิลเอธิลลามีน (Phenylethylamine) ออกมาขณะกินช็อกโกแลต ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ซึ่งความรู้สึกนี้ก็จะถ่ายทอดถึงลูกน้อยด้วย
ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
ในขณะที่เรากำลังกินดาร์กช็อกโกแลตนั้น สมองของเราจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอ็นดอร์ฟินออกมาด้วย ทำให้เรารู้สึกอารมณ์ดีขึ้น
ปกป้องผิวจากแสงแดด
จากผลการวิจัยในประเทศอังกฤษและเยอรมนี เผยตรงกันว่า สารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตนั้นมีคุณสมบัติปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำร้ายของรังสียูวีได้ โดยจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น จึงช่วยป้องกันเซลล์ผิวถูกทำลายได้
แก้ไอ ทำให้ชุ่มคอขึ้น
มีผลการวิจัยหนึ่งเผยว่า การกินช็อกโกแลตนั้นสามารถบรรเทาอาการคันคอ และอาการไอได้ สาเหตุมาจากสารคาเฟอีนในโกโก้ที่เรียกว่า ธีโอโบรมีน (Theobromine) มีคุณสมบัติทำให้ชุ่มคอคล้ายคลึงกับตัวยาโคดีอีน (codeine) หรือยาแก้ไอ
บรรเทาอาการท้องเสีย
เคยมีบันทึกกล่าวเอาไว้ว่า ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้สมัยศตวรรษที่ 16 นั้นมีการนำช็อกโกแลตมาใช้บรรเทาอาการท้องเสีย เพราะสารฟลาโวนอยด์ในช็อกโกแลตจะจับตัวกับโปรตีนในร่างกาย เพื่อปรับสมดุลการขับถ่ายของเราให้ดีขึ้น
บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิง (PMS)
ช็อกโกแลตสามารถบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือนของผู้หญิงได้ โดยจะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาปรับสมดุลอารมณ์ และยังช่วยลดอาการบวมน้ำได้อีกด้วย
ช่วยลดคอเลสเตอรอล
จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลตนั้นช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ และยังช่วยปรับสมดุลความดันโลหิตได้อีกด้วย เพราะช็อกโกแลตชนิดนี้มีกรดโอเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อร่างกาย
ช็อกโกแลตกับข้อยกเว้นเรื่องสุขภาพ
ช็อกโกแลตก็มีข้อจำกัดบางประการกับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่ป่วยเป็นโรคไตและไมเกรน หากกินเข้าไปแล้วอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี
ไมเกรน
เพราะในช็อกโกแลตนั้นมีสารเคมีที่ชื่อ ไทรามีน (Tyramine) ที่จะยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดอยู่ในระดับต่ำลง อาการปวดไมเกรนอาจหนักขึ้นกว่าเดิม
โรคไต
ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีกรดออกซาลิกสูง หากผู้ป่วยโรคไตกินเข้าไปอาจทำให้เกิดผลึกแคลเซียมออกซาเลตสะสมเป็นก้อนนิ่วในกรวยไตมากขึ้น
การกินช็อกโกแลตเป็นประจำทุกวันจะไม่กระทบต่อสุขภาพเลย หากเรากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากให้สุขภาพดีจึงกินแต่ช็อกโกแลตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ แบบนี้คงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ ทางที่ดีคือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินช็อกโกแลตในระหว่างมื้อค่ะ เพียงเท่านี้ ช็อกโกแลตก็ไม่ทำร้ายสุขภาพของเราแล้ว