เขาว่ากันว่าถ้านำข้าวโพดไปปิ้งหรือต้มให้สุก ๆ จะมีสารล้างพิษอนุมูลอิสระออกมา แถมสารนี้ยังจะช่วยรักษามะเร็งได้ด้วย ข้อความที่แชร์กันมาแบบนี้จริงหรือมั่ว ต้องเคลียร์ ! ก่อนหน้านี้มีคนแชร์ข้อความในสังคมออนไลน์ ระบุว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา ค้นพบว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุก ไม่ว่าจะนำไปปิ้ง หรือนำไปต้มด้วยอุณหภูมิ 115 องศาเซลเซียส จะปล่อยกรดเฟอรูลิกออกมา ซึ่งสารนี้เป็นตัวล้างพิษอนุมูลอิสระที่ไปทำอันตรายกับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ยิ่งต้มหรือทำให้ร้อนนานเท่าไร กรดเฟอรูลิกจะยิ่งออกมามากขึ้น จึงช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ต้อกระจก สมองเสื่อม รวมทั้งมะเร็งด้วย ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้กินข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย
ฟอร์เวิร์ดเมลเรื่องนี้ถูกแชร์กันมาพักใหญ่แล้ว
โดยที่มีหลายคนยังคงสงสัยว่า ข้อความในฟอร์เวิร์ดเมลนี้เป็นจริงหรือไม่
งานนี้ รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
จึงขอชี้แจงให้ฟังอีกครั้งทาง
เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า ข้าวโพดที่ต้มแล้วจะมีกรดเฟอรูลิกจริง
แต่ไม่ได้ดีเว่อร์ขนาดรักษามะเร็งได้
เพราะสารนี้ก็เป็นเพียงสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.
ก็ให้ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า
กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งก็จริง
แต่พบในข้าวโพดปริมาณหนึ่งเท่านั้น
และไม่ใช่สารที่นำไปล้างพิษหรือต้านมะเร็งได้โดยตรง
เพราะการรับประทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพียงอย่างเดียวเพื่อต้านมะเร็งนั้น
ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุแน่ชัด
ดังนั้น
การรับประทานข้าวโพดต้มสุกเพียงอย่างเดียวในปริมาณสูง
จึงไม่ใช่วิธีการที่ต้านมะเร็งได้
แต่ทั้งนี้การกินข้าวโพดที่ต้มทั้งฝักถือเป็นเรื่องดี
เพราะได้รับสารอาหารหลายอย่าง รวมถึงกรดเฟรูลิกด้วย
แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เพราะข้าวโพดประกอบด้วยแป้ง
กินมากอาจทำให้น้ำหนักเกินได้