
ก่อนหน้านี้มีคนแชร์ข้อความในสังคมออนไลน์ ระบุว่า นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล สหรัฐอเมริกา ค้นพบว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุก ไม่ว่าจะนำไปปิ้ง หรือนำไปต้มด้วยอุณหภูมิ 115 องศาเซลเซียส จะปล่อยกรดเฟอรูลิกออกมา ซึ่งสารนี้เป็นตัวล้างพิษอนุมูลอิสระที่ไปทำอันตรายกับเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ยิ่งต้มหรือทำให้ร้อนนานเท่าไร กรดเฟอรูลิกจะยิ่งออกมามากขึ้น จึงช่วยรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ต้อกระจก สมองเสื่อม รวมทั้งมะเร็งด้วย ดังนั้นจึงมีคำแนะนำให้กินข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ก็ให้ข้อมูลเช่นเดียวกันว่า กรดเฟอรูลิกเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหนึ่งก็จริง แต่พบในข้าวโพดปริมาณหนึ่งเท่านั้น และไม่ใช่สารที่นำไปล้างพิษหรือต้านมะเร็งได้โดยตรง เพราะการรับประทานผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเพียงอย่างเดียวเพื่อต้านมะเร็งนั้น ยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุแน่ชัด
ดังนั้น การรับประทานข้าวโพดต้มสุกเพียงอย่างเดียวในปริมาณสูง จึงไม่ใช่วิธีการที่ต้านมะเร็งได้ แต่ทั้งนี้การกินข้าวโพดที่ต้มทั้งฝักถือเป็นเรื่องดี เพราะได้รับสารอาหารหลายอย่าง รวมถึงกรดเฟรูลิกด้วย แต่ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เพราะข้าวโพดประกอบด้วยแป้ง กินมากอาจทำให้น้ำหนักเกินได้