สมุนไพรหลายอย่างก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้าสูดดมบ่อย ๆ จนถึงกับติดเป็นนิสัยแบบนั้นจะเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ มาเช็กให้ชัวร์กันก่อนดีกว่านะ
ยาดม
ก็คือยาสมุนไพรอีกชนิดที่อยู่ในรูปแบบแท่งหรือเป็นตลับ
แตกต่างกันไปตามยี่ห้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ
คนมีติดตัวเอาไว้เผื่อเวลาวิงเวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ แต่บางคนเนี่ยสิ
ไม่ใช่แค่พกเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ยาดมแทบจะอยู่ติดมือตลอดเวลา
เผลอเป็นเมื่อไรต้องหยิบขึ้นมาดมอยู่ตลอด จนกลายเป็นคนติดยาดมไปเลย
แต่เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าว่ายาดมที่คุณ ๆ ดมกันอยู่นั้นน่ะ
ถ้าติดแล้วจะอันตรายหรือไม่
แล้วการติดยาดมเนี่ยเหมือนกับการติดยาเสพติดหรือเปล่า
วันนี้เราก็เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาชี้แจงแถลงไขให้คนที่ติดยาดมได้ทราบกันว่า
ถ้าใช้เจ้ายาสมุนไพรชนิดนี้ติดต่อกันนาน ๆ จะมีผลเสียอะไรหรือไม่
และวิธีใช้ที่ถูกต้องจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร
ยาดมเป็นหนึ่งในผลิตภัณท์ที่ผลิตขึ้นมาจากการบูร พิมเสน เมนทอลและน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ อาทิ สะระแหน่ น้ำมันเขียว น้ำมันกานพลู หรือน้ำมันยูคาลิปตัส นอกจากนี้ก็ยังอาจจะมีส่วนผสมจากสมุนไพร และน้ำมันบางชนิดที่ช่วยในการละลายอย่างน้ำมันงา และน้ำมันแร่อีกด้วย โดยสารเหล่านี้มีถูกผสมรวมกันแล้วจะกลายเป็นน้ำมันที่เมื่อได้สูดดมแล้วก็จะทำให้รู้สึกเย็นในโพรงจมูก กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและสดชื่นขึ้นได้บ้าง นอกจากนี้ยังอาจจะช่วยลดอาการปวดได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะสรรพคุณของสารแต่ละชนิดที่อยู่ในยาดมที่มีดังนี้ค่ะ
1. เมนทอล
เมนทอลหรือเกล็ดสะระแหน่ เป็นสารที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น สกัดมาจากใบมินต์ มีสรรพคุณในการขับลม ลดอาการปวด บวม และมีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อน ๆ แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณที่สูงมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ บางรายอาจร้ายแรงถึงขั้นปอดอักเสบเลยก็มี
2. การบูร
เดิมทีแล้วการบูรเป็นสารที่สกัดมาจากต้นการบูร แต่เนื่องจากมีราคาสูงจึงทำให้มีการผลิตสารการบูรแบบสังเคราะห์ขึ้น ซึ่งก็มีสรรพคุณเหมือนกัน สามารถดูดซึมทางผิวหนังได้ดี และมีสัมผัสที่เย็นเช่นเดียวกับเมนทอล โดยสรรพคุณของการบูรที่โดดเด่นก็คือมีฤทธิ์เป็นยาชาและยาต้านจุลินทรีย์อย่างอ่อน ๆ ช่วยแก้เคล็ดขัดยอก และอาการบวม แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้หากใช้มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด และตับได้ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
3. พิมเสน
ต้องบอกก่อนว่าพิมเสนที่ใช้กันในปัจจุบันนั้นเป็นพิมเสนชนิดสังเคราะห์ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากพิมเสนแท้ ๆ โดยสามารถสังเกตได้ว่าพิมเสนแท้จะมีรสเผ็ดแต่ไม่กัดลิ้นและช่วยให้เย็นชุ่มคอ แต่ถ้าเป็นพิมเสนที่สังเคราะห์ขึ้นมา เวลารับประทานแล้วจะรู้สึกเผ็ดกัดลิ้น ทั้งนี้สรรพคุณทางยาของพิมเสนก็ไม่ค่อยแตกต่างจากการบูรและเมนทอลนัก คือใช้แก้อาการวิงเวียนศีรษะ หรือใช้ทาเพื่อแก้อาการเคล็ดขัดยอก อีกทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นและช่วยผ่อนคลายระบบประสาทส่วนกลางด้วยล่ะ แต่ถ้าหากใช้มากไปก็ทำให้ระคายเคืองได้เช่นกันค่ะ
ยาดม อันตรายไหม ถ้าใช้จนติดจะอันตรายหรือเปล่า ?
แม้ว่ายาดมจะช่วงให้รู้สึกโล่งจมูก ทำให้สดชื่น และตื่นตัว หรือรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หรือคัดจมูกได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์เสมอไป เพราะหากใช้มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการเสพติดได้ อีกทั้งยังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ และหากอาการรุนแรงก็ถึงขั้นปอดอักเสบได้เลยทีเดียว นอกจากนี้หากยาดมที่ใช้มีการบูร และพิมเสนผสมอยู่ด้วย การใช้ติดต่อกันนาน ๆ หรือมีอาการติดยาดม ก็จะส่งผลกระทบต่อตับได้อีกด้วย
ยาดม ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี ?
เนื่องจากสารที่อยู่ในยาดมนั้นหากได้รับเข้าไปในระดับเข้มข้นอาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ดังนั้นจึงควรใช้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาดมมากกว่าโทษค่ะ โดยวิธีใช้ที่ถูกต้องมีดังนี้
* ไม่ควรสูดดมในระยะใกล้จนเกินไป อย่างเช่นใส่หลอดยาเข้าไปค้างไว้ในจมูก เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
* หลีกเลี่ยงการใช้ยาดมร่วมกับผู้อื่น และไม่ควรใช้ยาดมที่สัมผัสกับจมูกผู้อื่นแล้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อจากหลอดยาดมได้
* หากเป็นยาดมที่มีลักษณะเป็นน้ำ ควรหยดใส่สำลีหรือผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดไอระเหยห่าง ๆ ไม่ควรนำผ้าหรือสำลีเข้าไปใกล้จมูกมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้ระคายเคือง หรือไอระเหยอาจเข้าตาจนทำให้ระคายเคืองตาได้
* หากเป็นยาดมที่มีลักษณะเป็นขี้ผึ้ง ไม่ควรนำมาป้ายโดยตรงที่จมูกแต่ให้ทาบาง ๆ ที่กลางอกและสูดไอระเหยแทน
ข้อควรระวังในการใช้ยาดม
เพราะยาดมมีสารเคมีที่ความเข้มข้นสูง จึงอาจจะทำให้เป็นอันตรายกับเด็กได้ ดังนั้นจึงควรเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก และไม่ควรนำมาใช้กับเด็กทารกเพราะอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก และถ้าหากเป็นผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับโพรงจมูก เช่น โรคไซนัส หรืออาการติดเชื้อในโพรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เพราะอาจจะทำให้ยิ่งเกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อในโพรงจมูกมากขึ้นค่ะ
ยาดม คนท้องใช้ได้หรือไม่ ?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าคนท้องห้ามใช้ยาดม แต่ขอบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วคนท้องสามารถใช้ยาดมได้ และไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อทารกในครรภ์ แต่ก็ควรใช้เท่าที่จำเป็นน่าจะดีที่สุดค่ะ
ทราบกันแบบนี้แล้ว ใครที่กำลังชอบดมยาดมหรือว่าเป็นคนที่ติดยาดมก็ควรจะเพลา ๆ บ้างล่ะเนอะ แม้ว่ายาดมจะมีกลิ่นหอมช่วยให้โล่งจมูกก็จริง แต่ถ้าใช้มากไปก็ระวังอาจจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี ใช้เท่าที่จำเป็นดีกว่านะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หมอชาวบ้าน
momypedia.com
ยาดมเป็นหนึ่งในผลิตภัณท์ที่ผลิตขึ้นมาจากการบูร พิมเสน เมนทอลและน้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ อาทิ สะระแหน่ น้ำมันเขียว น้ำมันกานพลู หรือน้ำมันยูคาลิปตัส นอกจากนี้ก็ยังอาจจะมีส่วนผสมจากสมุนไพร และน้ำมันบางชนิดที่ช่วยในการละลายอย่างน้ำมันงา และน้ำมันแร่อีกด้วย โดยสารเหล่านี้มีถูกผสมรวมกันแล้วจะกลายเป็นน้ำมันที่เมื่อได้สูดดมแล้วก็จะทำให้รู้สึกเย็นในโพรงจมูก กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวและสดชื่นขึ้นได้บ้าง นอกจากนี้ยังอาจจะช่วยลดอาการปวดได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะสรรพคุณของสารแต่ละชนิดที่อยู่ในยาดมที่มีดังนี้ค่ะ
1. เมนทอล
เมนทอลหรือเกล็ดสะระแหน่ เป็นสารที่มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น สกัดมาจากใบมินต์ มีสรรพคุณในการขับลม ลดอาการปวด บวม และมีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อน ๆ แต่ถ้าหากใช้ในปริมาณที่สูงมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ บางรายอาจร้ายแรงถึงขั้นปอดอักเสบเลยก็มี
2. การบูร
เดิมทีแล้วการบูรเป็นสารที่สกัดมาจากต้นการบูร แต่เนื่องจากมีราคาสูงจึงทำให้มีการผลิตสารการบูรแบบสังเคราะห์ขึ้น ซึ่งก็มีสรรพคุณเหมือนกัน สามารถดูดซึมทางผิวหนังได้ดี และมีสัมผัสที่เย็นเช่นเดียวกับเมนทอล โดยสรรพคุณของการบูรที่โดดเด่นก็คือมีฤทธิ์เป็นยาชาและยาต้านจุลินทรีย์อย่างอ่อน ๆ ช่วยแก้เคล็ดขัดยอก และอาการบวม แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้หากใช้มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ ปอด และตับได้ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
3. พิมเสน
ต้องบอกก่อนว่าพิมเสนที่ใช้กันในปัจจุบันนั้นเป็นพิมเสนชนิดสังเคราะห์ ที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากพิมเสนแท้ ๆ โดยสามารถสังเกตได้ว่าพิมเสนแท้จะมีรสเผ็ดแต่ไม่กัดลิ้นและช่วยให้เย็นชุ่มคอ แต่ถ้าเป็นพิมเสนที่สังเคราะห์ขึ้นมา เวลารับประทานแล้วจะรู้สึกเผ็ดกัดลิ้น ทั้งนี้สรรพคุณทางยาของพิมเสนก็ไม่ค่อยแตกต่างจากการบูรและเมนทอลนัก คือใช้แก้อาการวิงเวียนศีรษะ หรือใช้ทาเพื่อแก้อาการเคล็ดขัดยอก อีกทั้งยังมีฤทธิ์กระตุ้นและช่วยผ่อนคลายระบบประสาทส่วนกลางด้วยล่ะ แต่ถ้าหากใช้มากไปก็ทำให้ระคายเคืองได้เช่นกันค่ะ
ยาดม อันตรายไหม ถ้าใช้จนติดจะอันตรายหรือเปล่า ?
แม้ว่ายาดมจะช่วงให้รู้สึกโล่งจมูก ทำให้สดชื่น และตื่นตัว หรือรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หรือคัดจมูกได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์เสมอไป เพราะหากใช้มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการเสพติดได้ อีกทั้งยังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ และหากอาการรุนแรงก็ถึงขั้นปอดอักเสบได้เลยทีเดียว นอกจากนี้หากยาดมที่ใช้มีการบูร และพิมเสนผสมอยู่ด้วย การใช้ติดต่อกันนาน ๆ หรือมีอาการติดยาดม ก็จะส่งผลกระทบต่อตับได้อีกด้วย
ยาดม ใช้อย่างไรให้ถูกวิธี ?
เนื่องจากสารที่อยู่ในยาดมนั้นหากได้รับเข้าไปในระดับเข้มข้นอาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ดังนั้นจึงควรใช้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาดมมากกว่าโทษค่ะ โดยวิธีใช้ที่ถูกต้องมีดังนี้
* ไม่ควรสูดดมในระยะใกล้จนเกินไป อย่างเช่นใส่หลอดยาเข้าไปค้างไว้ในจมูก เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
* หลีกเลี่ยงการใช้ยาดมร่วมกับผู้อื่น และไม่ควรใช้ยาดมที่สัมผัสกับจมูกผู้อื่นแล้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อจากหลอดยาดมได้
* หากเป็นยาดมที่มีลักษณะเป็นน้ำ ควรหยดใส่สำลีหรือผ้าเช็ดหน้าแล้วสูดไอระเหยห่าง ๆ ไม่ควรนำผ้าหรือสำลีเข้าไปใกล้จมูกมากเกินไปเพราะอาจจะทำให้ระคายเคือง หรือไอระเหยอาจเข้าตาจนทำให้ระคายเคืองตาได้
* หากเป็นยาดมที่มีลักษณะเป็นขี้ผึ้ง ไม่ควรนำมาป้ายโดยตรงที่จมูกแต่ให้ทาบาง ๆ ที่กลางอกและสูดไอระเหยแทน
ข้อควรระวังในการใช้ยาดม
เพราะยาดมมีสารเคมีที่ความเข้มข้นสูง จึงอาจจะทำให้เป็นอันตรายกับเด็กได้ ดังนั้นจึงควรเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก และไม่ควรนำมาใช้กับเด็กทารกเพราะอาจจะทำให้เด็กหายใจไม่ออก และถ้าหากเป็นผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับโพรงจมูก เช่น โรคไซนัส หรืออาการติดเชื้อในโพรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ เพราะอาจจะทำให้ยิ่งเกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อในโพรงจมูกมากขึ้นค่ะ
ยาดม คนท้องใช้ได้หรือไม่ ?
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าคนท้องห้ามใช้ยาดม แต่ขอบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วคนท้องสามารถใช้ยาดมได้ และไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อทารกในครรภ์ แต่ก็ควรใช้เท่าที่จำเป็นน่าจะดีที่สุดค่ะ
ทราบกันแบบนี้แล้ว ใครที่กำลังชอบดมยาดมหรือว่าเป็นคนที่ติดยาดมก็ควรจะเพลา ๆ บ้างล่ะเนอะ แม้ว่ายาดมจะมีกลิ่นหอมช่วยให้โล่งจมูกก็จริง แต่ถ้าใช้มากไปก็ระวังอาจจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี ใช้เท่าที่จำเป็นดีกว่านะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หมอชาวบ้าน
momypedia.com