กินของหวานอย่างไรไม่อ้วน เมื่อขนมแสนน่าเย้ายวนใจอาจทำให้น้ำหนักขึ้น แต่ก็อดใจลิ้มลองไม่ได้ ลองใช้วิธีเหล่านี้รับรองไม่ต้องกลัวอ้วน
ฮั่นแน่
! ยอมรับมาดี ๆ
เสียเถอะว่าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในรสชาติแสนอร่อยของเจ้าของหวานทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก คุกกี้ ไอศกรีม และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ก็อย่าลืมว่าของหวานเหล่านี้น่ะ แม้จะช่วยทำให้หลาย ๆ
คนอารมณ์ดีเมื่อได้รับประทาน
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยปริมาณน้ำตาลและแคลอรีมากมายมหาศาลที่แน่นอนล่ะว่าจะทำให้คุณอ้วนขึ้นได้แบบไม่ต้องสงสัย
ได้ยินแบบนี้แล้วอาจจะทำให้รู้สึกหนักใจเรื่องของหวานกันแล้วใช่ไหมล่ะ
ไม่ต้องกังวลไปเพราะวันนี้เราได้หยิบเอาทริกดี ๆ
ในการรับประทานของหวานแบบไม่อ้วนมาฝาก
แค่ทำตามนี้ก็ช่วยให้รับประทานของหวานได้อย่างสบายใจมากขึ้นเยอะเลยล่ะ
![กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน]()
1. รับประทานอย่างมีสติ
หลายคนเวลาที่เห็นของหวานก็มักจะกระโจนใส่แบบไร้สติแทบจะในทันที และกว่าจะตั้งสติได้ว่าแคลอรีที่ตามมานั้นมีสูงเท่าใด ก็คือตอนที่รับประทานจนหนำใจ ซึ่งตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว วิธีแก้ก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณรับประทานอย่างมีสติ รู้ว่าตัวเองควรรับประทานเท่าใด และควรหลีกเลี่ยงของหวานประเภทใด เท่านี้ก็จะทำให้คุณสามารถสนุกกับของหวานที่คุณชื่นชอบได้แล้วล่ะ
![กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน]()
2. รับประทานคู่กับอาหารที่ดีกับสุขภาพ
ของหวานไม่ดีกับสุขภาพก็จริง แต่ถ้าหากคุณเลือกรับประทานควบคู่กับอาหารเพื่อสุขภาพละก็บอกได้เลยว่าคุณจะลดความกังวลได้เยอะเลยเชียวล่ะ อาทิ หากคุณรับประทานไอศกรีม ก็ลองเติมท็อปปิ้งที่เป็นผลไม้ หรือธัญพืชลงไป เท่านี้ก็สามารถช่วยให้ของหวานสุดโปรดของคุณกลายเป็นของหวานที่ดีกับสุขภาพขึ้นมาแล้วล่ะ
3. รับประทานแค่เพียงสัปดาห์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น
สำหรับคนที่ชอบของหวานเข้าเส้น แต่กลัวว่าจะอ้วน ลองเปลี่ยนจากการงดของหวานไปเลยหันมารับประทานสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละ 1-2 ครั้ง แบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องอดของหวาน แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณแคลอรีหรือน้ำตาลที่สูงเกินจนร่างกายเผาผลาญไม่หมด เพราะหากคุณทิ้งระยะเวลาในการรับประทานห่างกันสักหน่อย ร่างกายของคุณก็สามารถเผาผลาญน้ำตาลและแคลอรีเหล่านี้ได้หมด อีกทั้งยังช่วยให้คุณไม่ต้องเจอกับภาวะน้ำตาลในเลือกผกผัน ที่จะทำให้คุณเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ แต่ก็ต้องระวังนะ ถึงจะรับประทานไม่บ่อย แต่ถ้ารับประทานคราวละมาก ๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเหมือนกัน กินให้น้อยลงและกินให้พอดีจะได้ผลดีกว่า
4. จำกัดงบประมาณ
ถ้าใครประสบปัญหาเรื่องห้ามตัวเองให้รับประทานขนมหวานไม่ได้ ก็ควรจะหักดิบด้วยการจำกัดงบประมาณในการรับประทานของหวานไปเสียเลยค่ะ จากที่เมื่อก่อนคุณไม่มีงบประมาณในการรับประทานของหวาน ก็ตั้งงบขึ้นมาเลย อย่างน้อยก็จะช่วยทำให้คุณมีสติมากขึ้นและไม่เดินเข้าร้านของหวานง่าย ๆ โดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้ด้วย แบบนี้ได้ประโยชน์สองต่อ ดีสุด ๆ ไปเลย
![กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน]()
5. อย่ารับประทานของหวานคนเดียว
หลายคนมักจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่เวลาที่ไปรับประทานของหวานคนเดียว เพราะอันนั้นก็อยากชิม อันนี้ก็ชอบ พอสั่งมาหลาย ๆ อย่างถ้ารับประทานไม่หมดก็เสียดาย ฉะนั้นตัดปัญหาด้วยการไปรับประทานของหวานครั้งละหลาย ๆ คนดีกว่า จะได้มีคนช่วยรับประทาน ทีนี้ก็ไม่ต้องเสียดายและรับประทานคนเดียวจนหมดแล้วมานั่งกลุ้มใจทีหลังยังไงล่ะ
6. เลือกที่คุณภาพแทนที่จะเลือกปริมาณ
7. ใช้หลักการสมดุล 80/20
การรับประทานอย่างพอดีและสมดุลกับความต้องการของร่างกายจะช่วยลดปัญหาน้ำหนักขึ้นได้ อย่างเช่น หากไม่อยากให้ตัวเองอ้วนจากการรับประทานของหวาน ก็ควรจะรับประทานอาหารประเภทที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันน้อย หรืออาหารประเภทโลว์คาร์บ ให้มากขึ้นในอัตราส่วน 80% ของอาหารที่ร่างกายต้องการ และรับประทานของหวานเพียง 20% ที่ร่างกายต้องการ หากคุณทำได้ คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับของหวานโดยที่น้ำหนักไม่ขึ้นได้ค่ะ
8.ใช้แรงผลักดันจากคนรอบข้าง
หากคุณมีความตั้งใจจริงในการลดปริมาณของหวานที่รับประทาน แต่คุณไม่สามารถทำได้เอง คุณควรจะบอกให้คนรอบข้างได้รับรู้ถึงความตั้งใจของคุณ เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้เป็นแรงผลักดันและคอยเตือนสติคุณทุกครั้งที่นึกเปรี้ยวปากอยากรับประทานของหวาน แม้บางทีคนรอบข้างคุณอาจจะใช้คำที่รุนแรงไปเสียหน่อย แต่ก็ช่วยให้คุณฉุกคิดได้ ในเมื่อผลักดันด้วยตนเองไม่ได้ ก็ใช้แรงผลักดันจากรอบข้างนี่ล่ะดีที่สุดเลย
![กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน กินของหวานยังไงไม่ให้อ้วน]()
9. ออกกำลังกายให้มากขึ้น
รับประทานไปเท่าไรก็ต้องเบิร์นออกเท่านั้น เป็นอีกวิธีที่ดีไม่แพ้กัน หากคุณไม่สามารถควบคุมการรับประทานได้จริง ๆ ก็หันมาออกกำลังกายให้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะได้สุขภาพดีแล้วก็ยังช่วยทำให้ร่างกายเบิร์นแคลอรีจากของหวานออกมาได้มากขึ้นด้วย แต่ก็อย่าลืมนะว่าวิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่ทำให้คุณกินของหวานได้มากขึ้น เพราะถ้ารับประทานมากเกินไป เบิร์นยังไงก็ไม่หมดหรอกค่ะบอกเลย
แม้จะชอบของหวานแค่ไหนแต่ก็ต้องรู้ลิมิตในการรับประทาน หากสามารถจำกัดลิมิตของตัวเองได้ ก็จะสามารถช่วยให้เราได้แฮปปี้กับการรับประทานของหวานได้โดยไม่ต้องมาคำนึงเรื่องน้ำตาลและแคลอรีให้กลุ้มใจทีหลังแน่ และที่สำคัญถ้าหากจะเปลี่ยนจากของหวานที่มีน้ำตาลมาก ๆ เพียงอย่างเดียวมาสนใจของหวานที่ดีกับสุขภาพด้วยก็จะยิ่งดีไปกว่าเดิมแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก
Summer Tomato


1. รับประทานอย่างมีสติ
หลายคนเวลาที่เห็นของหวานก็มักจะกระโจนใส่แบบไร้สติแทบจะในทันที และกว่าจะตั้งสติได้ว่าแคลอรีที่ตามมานั้นมีสูงเท่าใด ก็คือตอนที่รับประทานจนหนำใจ ซึ่งตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว วิธีแก้ก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณรับประทานอย่างมีสติ รู้ว่าตัวเองควรรับประทานเท่าใด และควรหลีกเลี่ยงของหวานประเภทใด เท่านี้ก็จะทำให้คุณสามารถสนุกกับของหวานที่คุณชื่นชอบได้แล้วล่ะ

2. รับประทานคู่กับอาหารที่ดีกับสุขภาพ
ของหวานไม่ดีกับสุขภาพก็จริง แต่ถ้าหากคุณเลือกรับประทานควบคู่กับอาหารเพื่อสุขภาพละก็บอกได้เลยว่าคุณจะลดความกังวลได้เยอะเลยเชียวล่ะ อาทิ หากคุณรับประทานไอศกรีม ก็ลองเติมท็อปปิ้งที่เป็นผลไม้ หรือธัญพืชลงไป เท่านี้ก็สามารถช่วยให้ของหวานสุดโปรดของคุณกลายเป็นของหวานที่ดีกับสุขภาพขึ้นมาแล้วล่ะ
3. รับประทานแค่เพียงสัปดาห์ละครั้งหรือน้อยกว่านั้น
สำหรับคนที่ชอบของหวานเข้าเส้น แต่กลัวว่าจะอ้วน ลองเปลี่ยนจากการงดของหวานไปเลยหันมารับประทานสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละ 1-2 ครั้ง แบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องอดของหวาน แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณแคลอรีหรือน้ำตาลที่สูงเกินจนร่างกายเผาผลาญไม่หมด เพราะหากคุณทิ้งระยะเวลาในการรับประทานห่างกันสักหน่อย ร่างกายของคุณก็สามารถเผาผลาญน้ำตาลและแคลอรีเหล่านี้ได้หมด อีกทั้งยังช่วยให้คุณไม่ต้องเจอกับภาวะน้ำตาลในเลือกผกผัน ที่จะทำให้คุณเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ แต่ก็ต้องระวังนะ ถึงจะรับประทานไม่บ่อย แต่ถ้ารับประทานคราวละมาก ๆ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเหมือนกัน กินให้น้อยลงและกินให้พอดีจะได้ผลดีกว่า
ถ้าใครประสบปัญหาเรื่องห้ามตัวเองให้รับประทานขนมหวานไม่ได้ ก็ควรจะหักดิบด้วยการจำกัดงบประมาณในการรับประทานของหวานไปเสียเลยค่ะ จากที่เมื่อก่อนคุณไม่มีงบประมาณในการรับประทานของหวาน ก็ตั้งงบขึ้นมาเลย อย่างน้อยก็จะช่วยทำให้คุณมีสติมากขึ้นและไม่เดินเข้าร้านของหวานง่าย ๆ โดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยประหยัดเงินได้ด้วย แบบนี้ได้ประโยชน์สองต่อ ดีสุด ๆ ไปเลย

5. อย่ารับประทานของหวานคนเดียว
หลายคนมักจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่เวลาที่ไปรับประทานของหวานคนเดียว เพราะอันนั้นก็อยากชิม อันนี้ก็ชอบ พอสั่งมาหลาย ๆ อย่างถ้ารับประทานไม่หมดก็เสียดาย ฉะนั้นตัดปัญหาด้วยการไปรับประทานของหวานครั้งละหลาย ๆ คนดีกว่า จะได้มีคนช่วยรับประทาน ทีนี้ก็ไม่ต้องเสียดายและรับประทานคนเดียวจนหมดแล้วมานั่งกลุ้มใจทีหลังยังไงล่ะ
6. เลือกที่คุณภาพแทนที่จะเลือกปริมาณ
หลายคนชอบรับประทานของหวานคราวละมาก
ๆ แต่ไม่ได้สนใจว่าปริมาณที่รับประทานเข้าไปอาจจะมากเกินจนทำให้อ้วนได้
ดังนั้นถ้าไม่อยากจะน้ำหนักขึ้นเพราะของหวาน
ก็ลองหันมามองของหวานที่มีคุณภาพดูจะดีกว่า
เพราะของหวานที่เน้นคุณภาพมักมีปริมาณที่น้อยกว่าของหวานทั่วไป
เมื่อขนาดของของหวานลดลงและมีคุณภาพดีขึ้น
แม้ว่าจะราคาแพงขึ้นเสียหน่อยก็จะช่วยทำให้คุณจำกัดการรับประทานได้
แถมยังมั่นใจได้อีกว่าคุณจะได้รับประทานของดี ๆ
แทนที่จะกินเพื่อสนองความอยากคราวละมาก ๆ เท่านั้น
การรับประทานอย่างพอดีและสมดุลกับความต้องการของร่างกายจะช่วยลดปัญหาน้ำหนักขึ้นได้ อย่างเช่น หากไม่อยากให้ตัวเองอ้วนจากการรับประทานของหวาน ก็ควรจะรับประทานอาหารประเภทที่ดีต่อสุขภาพ ได้แก่ ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันน้อย หรืออาหารประเภทโลว์คาร์บ ให้มากขึ้นในอัตราส่วน 80% ของอาหารที่ร่างกายต้องการ และรับประทานของหวานเพียง 20% ที่ร่างกายต้องการ หากคุณทำได้ คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับของหวานโดยที่น้ำหนักไม่ขึ้นได้ค่ะ
8.ใช้แรงผลักดันจากคนรอบข้าง
หากคุณมีความตั้งใจจริงในการลดปริมาณของหวานที่รับประทาน แต่คุณไม่สามารถทำได้เอง คุณควรจะบอกให้คนรอบข้างได้รับรู้ถึงความตั้งใจของคุณ เพื่อที่เขาเหล่านั้นจะได้เป็นแรงผลักดันและคอยเตือนสติคุณทุกครั้งที่นึกเปรี้ยวปากอยากรับประทานของหวาน แม้บางทีคนรอบข้างคุณอาจจะใช้คำที่รุนแรงไปเสียหน่อย แต่ก็ช่วยให้คุณฉุกคิดได้ ในเมื่อผลักดันด้วยตนเองไม่ได้ ก็ใช้แรงผลักดันจากรอบข้างนี่ล่ะดีที่สุดเลย

9. ออกกำลังกายให้มากขึ้น
รับประทานไปเท่าไรก็ต้องเบิร์นออกเท่านั้น เป็นอีกวิธีที่ดีไม่แพ้กัน หากคุณไม่สามารถควบคุมการรับประทานได้จริง ๆ ก็หันมาออกกำลังกายให้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะได้สุขภาพดีแล้วก็ยังช่วยทำให้ร่างกายเบิร์นแคลอรีจากของหวานออกมาได้มากขึ้นด้วย แต่ก็อย่าลืมนะว่าวิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่ทำให้คุณกินของหวานได้มากขึ้น เพราะถ้ารับประทานมากเกินไป เบิร์นยังไงก็ไม่หมดหรอกค่ะบอกเลย
แม้จะชอบของหวานแค่ไหนแต่ก็ต้องรู้ลิมิตในการรับประทาน หากสามารถจำกัดลิมิตของตัวเองได้ ก็จะสามารถช่วยให้เราได้แฮปปี้กับการรับประทานของหวานได้โดยไม่ต้องมาคำนึงเรื่องน้ำตาลและแคลอรีให้กลุ้มใจทีหลังแน่ และที่สำคัญถ้าหากจะเปลี่ยนจากของหวานที่มีน้ำตาลมาก ๆ เพียงอย่างเดียวมาสนใจของหวานที่ดีกับสุขภาพด้วยก็จะยิ่งดีไปกว่าเดิมแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก
Summer Tomato
Davey Wavey Fitness